เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เด็กอ้วนอยากบอกLataphat Akkharanitiwatcharakun
3 ประสบการณ์ในชีวิตเด็กม.ปลาย ver.เด็กอ้วน
  •           ชีวิตมัธยมปลายที่หลายๆคนนึกถึงเป็นยังไงคะ บางคนอาจจะนึกถึงเพื่อนในห้อง บางคนอาจจะนึกถึงวันที่เคยได้เล่นสนุกสุดเหวี่ยงกันในห้องเรียน บางคนอาจจะนึกถึงอาจารย์สุดโหดที่คอยดุเวลาเราไม่ตั้งใจเรียน แต่ละความทรงจำในชีวิตมัธยมปลายล้วนเป็นความทรงจำที่เราไม่เคยลืม แต่วันนี้เด็กอ้วนจะขอเล่า '' 3 ประสบการณ์ในชีวิตเด็กม.ปลาย ver.เด็กอ้วน "  ที่มาจากประสบการณ์ของเด็กอ้วนเองเลยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลยค่าาา

    ข้อ 1 : กิจกรรมรับน้องหรือการสานสัมพันธ์ระหว่างพี่และน้องภายในโครงการห้องเรียนพิเศษ
              ต้องขอบอกก่อนว่าเด็กอ้วนเรียนอยู่ในโครงการห้องเรียนพิเศษเพราะฉะนั้นความรักและความผูกพันธ์ภายในครอบครัวห้องเรียนพิเศษของเรานั้นถือเป็นสิ่งที่อยู่กับเด็กอ้วนตั้งแต่เข้าเรียน ม.4 เลย 
              ประสบการณ์และความทรงจำในครั้งนี้เริ่มขึ้นที่ค่ายรับน้องที่พี่ๆ ม.6 และ ม.5 จัดให้น้องๆ ม.4 ค่ะ เนื่องจากตอนที่เด็กอ้วนเข้า ม.4 ตรงกับช่วงที่โควิด 19 ระบาดจึงทำให้เราต้องจัดค่ายกันหลังเลิกเรียน วันแรกที่ร่วมกิจกรรมเด็กอ้วนยอมรับตรงๆเลยค่ะว่าตัวหดเหลือสองเซนครึ่ง เราเหมือนอยู่ในอีกโลกนึงเลยค่ะทุกคนเพราะตอนนั้นเด็กอ้วนเองก็ยังไม่สนิทกับเพื่อนในห้อง รุ่นพี่ก็ยังไม่รู้จัก แต่นั้นแหละค่ะเปิดมาด้วยกิจกรรมแรกคือกิจกรรมตามหาป้ายชื่อ โดยพี่ๆเขาจะห้อยป้ายชื่อเราไว้และเราต้องไปตามหาชื่อตัวเอง เด็กอ้วนก็หาค่ะแต่หาไม่เจอ (ความรู้สึกตอนนั้นคือแม่จ้าหนูอยากกลับบ้านนน) เพราะคนที่หาไม่เจอจะต้องโดนทำโทษ ตอนนั้นมีเราและเพื่อน ม.4 อีกคนนึงหาไม่เจอเลยโดนออกไปเต้นข้างหน้าค่ะ เขินแบบไม่ไหวเลยจ้าาา แต่พอเราเริ่มทำกิจกรรมกันไปหลายๆวันความเขินมันก็เริ่มลดลงและมีความสนุกเข้ามาแทนค่ะ เด็กอ้วนว่าการจัดกิจกรรมทุกเย็นมันไม่ได้แย่เลยเพราะเราเรียนมาทั้งวันก็เครียดมากแล้ว พอได้มาเต้น มาเล่น มาทำกิจกรรมที่พี่่ๆจัดไว้ให้ก็สนุกๆมากๆเลยค่ะ จนกิจกรรมดำเนินมาถึงวันสุดท้าย  ในช่วงเช้าจะเป็นกิจกรรมสันทนาการเล็กน้อยก่อนลงไปเล่นกิจกรรมฐานซึ่งเป็นกิจกรรมเปียก เน้นว่าเปียกมากค่ะเพราะมาทั้งแป้ง น้ำ นม และอุปสรรคมากมายแต่บอกเลยว่านี้เป็นวันที่เด็กอ้วนชอบมากที่สุดเพราะสนุกมากกกก พอเล่นฐานครบ 5 ฐาน พี่เขาก็ให้เวลาเราไปอาบน้ำล้างตัว (เป็นการล้างตัวแบบวิ่งผ่านน้ำ ย้ำค่ะว่าวิ่งผ่านน้ำจริงเพรามีเวลาแค่ 30 นาที) พอจัดการกับตัวเองเสร็จพี่ๆก็จะปล่อยเราพักทานข้าวเที่ยง หลังจากทานข้าวเสร็จก็ทำเควสประจำวันเหมือนทุกวันแต่วันนี้พิเศษตรงที่ตอนพาพวกเด็กอ้วน(ม.4)ขึ้นหอประชุม พี่ๆให้เราหลับตาและเกาะหลังต่อกันขึ้นไปในระหว่างทางขึ้นจะมีพี่ๆร้องเพลงทั้งสองข้าง(เราเดินอยู่ตรงกลางนะคะ) ตอนนั้นคือน้ำตาคลอแล้วนะ พอขึ้นไปถึงหอประชุมพี่ๆเขาจะนั่งล้อมเราเป็นวงกลมที่ข้างหน้าของพี่ๆจะมีเทียน ตอนลืมตาขึ้นมาคือเด็กอ้วนประทับใจมากเพราะเรานั่งอยู่ตรงการและล้อมไปด้วยพี่ๆที่เรารัก หลังจากนั้นพี่เขาก็เปิดคลิปที่มีรูปพวกเราตลอดกิจกรรมตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้ายบอกเลยว่าช่วงนี้ทุกคนพร้อมใจกันร้องไห้ค่าาา555 เพราะพอได้มองย้อนไปมันตลกมากจริงคนที่ไม่รู้จักกัน มาสนิทกัน มาพูดคุยกัน จนเราผูกพันกันมันเรียกว่าความรักรึป่าว สำหรับเด็กอ้วนมันคือความรักที่สุดแสนจะบริสุทธิ์เลยละ ดูคลิปเสร็จเราก็จะไปให้พี่ๆผูกข้อมือและพูดคุยกัน
    กิจกรรมเปียก (เปียกไม่เปียกดูในรูปเลยจ้าา)
  • ข้อ 2 : ไม่ว่าจะตีกันแค่ไหนเพื่อนในห้องคือเซฟโซนของเราเสมอ 
              พูดถึงความประทับใจที่เด็กอ้วนมีต่อรุ่นพี่ไปแล้วเรามาฟังความประทับใจที่เด็กอ้วนมีต่อเพื่อนในห้องกันดีกว่านะคะทุกคน ขอบอกก่อนเลยว่าอยู่กันมาจะ 3 ปีแล้ว ตีกันทุกวันแต่รักกันดีค่าาา
              แต่ก่อนห้องเรามีกัน 19 คนค่ะแต่มีเพิ่มใหม่ที่เป็นเด็กเก่าเข้ามาเลยเป็น 20 คน (ตอนรู้ว่ามีเพื่อนเข้ามาอีกคนคือให้ฟีลวันนั้นที่รอคอยมากเพราะเวลาแบ่งกลุ่มจะได้ลงตัว!!!) ตอนนี้เราเลยมีสมาชิกเป็นหญิง 15 คน ชาย 5 คน ผู้ชาย 5 คนนี้คือเหมือนสมบัติห้องมากเพราะมีน้อยลงทุกปี แต่นี้แหละค่ะ 20 คนผู้ร่วมชะตากรรมกันมาตลอด 3 ปี คนที่คอยดุ คอยเตือน คอยห้าม คอยปกป้องกัน พอมองย้อนไปแล้วรู้สึกว่าเวลา 3 ปีมันโคตรจะสั้นเลยหล่ะ เรายังไม่ได้ไปทำอะไรด้วยกันหลายๆอย่างเลย ยังไม่ได้ไปกินหมูกระทะด้วยกันแบบครบทั้งห้องเลย แต่ไม่เป็นไรเพราะเราเป็นเพื่อนกันแล้วและจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป เด็กอ้วนยังนึกขอบคุณทุกครั้งที่เพื่อนคอยเตือน ยังจำได้ทุกอย่างที่เราทำด้วยกัน ยังแอบขำที่เราชอบทะเลาะกันเองแต่พอมีเรื่องกับคนอื่นดันวิ่งมากอดกันเป็นก้อนเพื่อไปสู้กับเขา เด็กอ้วนคนนี้ยินดีและดีใจมากๆที่ได้เป็นส่วนนึงของความทรงจำในชีวิตม.ปลายของพวกเธอนะ 

    ข้อ 3 : คุณครูผู้เป็นที่รัก
              สำหรับประสบการณ์สุดท้าย เป็นประสบการณ์ที่สำคัญที่สุดเพราะถ้าไม่มีบุคคลเหล่านี้เราอาจจะไม่ได้เติบโตมาเป็นเด็กอ้วนของใครหลายๆคนอย่างวันนี้ 
              คำว่า ''คุณครู'' เป็นคำสั้นๆที่ถูกนิยามออกมาหลากหลายความหมาย แต่สำหรับเด็กอ้วน คุณครูเปรียบเสมือนหนังสือเล่มใหญ่ที่คอยสอนบทเรียนให้กับเรา บางครั้งคุณครูก็เป็นเหมือนคุณพ่อคุณแม่ที่คอยรับฟังว่าเรากำลังเผชิญกับปัญหาอะไร คอยชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหา สอนให้เราใช้ชีวิต ในเวลาเรียนเขาเป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าชั้นเรียนเพื่อทำตามหน้าที่และบทบาทการเป็นครูแต่ในเวลาที่เราต้องการคุณครูเขาเป็นเหมือนคนที่คอยหนุนหลังให้เราไปจนถึงเป้าหมายที่เราวาดไว้ อยากขอบคุณคุณครูทุกท่านที่คอยสนับเด็กคนนี้จนเด็กคนนี้มาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ เด็กอ้วนนี้รักและเคารพคุณครูทุกท่านและขอให้คำสัญญาว่าจะเติบโตไปเป็นเด็กที่มีคุณภาพเหมือนที่คุณครูทุกท่านเคยชี้แนะมาตลอด 

    หมายเหตุ บทความดังกล่าวถูกกลั่นออกมาจากความรู้สึกของผู้เขียนเพื่อบันถึงความทรงจำที่งดงามในการใช้ชีวิตของเด็กอายุ 17 คนนึง หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in