“ที่นี่คือลอนดอนจริงๆ ด้วย”
เด็กหนุ่มผมแดงพึมพำกับตัวเองเสียงเบาด้วยความตื่นเต้น มองนาฬิกาบิกเบนที่ตั้งเด่นเป็นสง่าห่างไกลออกไป
อิมยองมินที่ได้ยินถึงกับหลุดยิ้มด้วยแววตาเอ็นดู นึกถึงสีหน้าตกอกตกใจปนประหลาดใจของเด็กหนุ่มในช่วงเช้า ตอนที่เขาบอกว่าวันนี้จะเข้าเมืองไปซื้อของกัน พอถามว่าทำไมถึงตกใจขนาดนั้น คนตัวเล็กก็บอกว่าไม่คิดว่าที่นี่จะมีเมือง ยิ่งอธิบายว่ามันต้องมีอยู่แล้ว ที่แห่งนี้คือประเทศอังกฤษ และที่ที่พวกเราอาศัยอยู่ก็คือเขตชนบท ตะวันตกสุดของเมืองลอนดอน จองเซอุนก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม ทั้งสารภาพออกมาเบาๆ ว่าแอบคิดว่าที่แห่งนี้คือโลกอีกใบ ไม่ใช่โลกเดิมที่ตัวเองอยู่ พอได้ยินแบบนั้น อิมยองมินเลยต้องมานั่งอธิบายตั้งแต่ต้น ว่าความจริงแล้ว โลกที่พวกเราอาศัยนั้นมีอยู่แค่ใบเดียว เพียงแต่มีดินแดนแบ่งแยกออกจากกัน ดินแดนของมนุษย์ กับ ดินแดนของภูติ แต่ถึงจะแบ่งแยก ก็ยังไปมาหาสู่ได้ด้วยเส้นทางเข้า เหมือนอย่างประตูในป่าหลังบ้าน ที่จองเซอุนเกือบโดนแฟรี่ลมที่ชื่อว่าแอเรียลหลอกให้เข้าไป
“แล้ววันนี้ พวกเราจะมาซื้ออะไรเหรอครับ”
“เสื้อผ้าให้เธอ”
“แต่ในตู้ก็มีเสื้อผ้าเยอะอยู่แล้วนี่”
จองเซอุนขมวดคิ้วมุ่นคล้ายไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซื้อเพิ่มในเมื่อมีอยู่
“หมายถึง เสื้อผ้าที่เหมาะเวลาหัดใช้เวทมนตร์” อิมยองมินตอบ จองเซอุนพยักหน้าเบาๆ สื่อว่าเข้าใจแล้ว
อิมยองมินเดินนำมาเรื่อยๆ ลัดเลาะไปตามตรอกของเมืองลอนดอน เพียงไม่นานพวกเขาก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าร้านร้านหนึ่งที่ค่อนข้างเก่าและมีฝุ่นเกาะ กระจกหน้าร้านนั้นเต็มไปด้วยคราบสกปรก แต่ก็ยังพอมองเห็นเสื้อผ้าเก่าๆ โทรมๆ ที่ตั้งโชว์ด้านใน
“แน่ใจเหรอครับว่ามาถูกร้าน”
“แน่ใจ รีบเข้าไปกันเถอะ” อิมยองตอบ ผลักประตูเข้าไป เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งเหนือบานประตู เรียกให้เจ้าของร้านยื่นหน้าออกมาจากด้านหลังกำแพงด้านในสุดของตัวร้าน
“อ้าว ยองมินหรอกเหรอ มีธุระอะไร เรียกให้ไปหาก็ได้นี่” ชายหนุ่มผมบลอนด์สวมชุดลำลองสบายๆ ทักขึ้น
“พอดีอยากพาลูกศิษย์ออกมาเดินเล่นก็เลยมาเอง”
ชายหนุ่มผมบลอนด์กะพริบตาปริบๆ เลื่อนสายตาไปมองเด็กหนุ่ม จากนั้นก็ยกยิ้มหวานดูเป็นมิตร
“สวัสดี ฉันเร็น เป็นวิศวกรจักรกลเวทมนตร์ ยินดีที่ได้รู้จัก เธอชื่ออะไรเหรอคุณลูกศิษย์”
“เซอุนครับ จองเซอุน” เด็กหนุ่มผมแดงอ้อมแอ้มเบาๆ แอบเขยิบตัวมาหลบอยู่ด้านหลังอาจารย์
“ยองมินเคยเล่าให้ฟังหลายครั้งแล้วว่าตามหาลูกศิษย์อยู่ ยินดีด้วยที่ตามหาเจอสักที แล้ววันนี้อยากให้ช่วยอะไร”
“อยากให้ตัดชุดที่เหมาะกับเด็กคนนี้ให้หน่อย แล้วก็อยากได้เครื่องประดับดีๆ สักชิ้น”
“เข้ามาข้างในก่อนสิ” วิศวกรหนุ่มบอกสั้นๆ เดินนำไปยังห้องอีกห้องที่เชื่อมอยู่ด้านหลัง
วินาทีที่ก้าวผ่านบานประตูไม้ จากบรรยากาศอึมครึมซ่อมซ่อก็เปลี่ยนเป็นสว่างไสว ห้องอีกฝั่งหนึ่งนั้นตกแต่งอย่างหรูหรามีระดับ ทั้งกว้างขวางผิดจากลักษณะภายนอก มีอุปกรณ์ในการตัดเย็บอยู่เต็มโต๊ะตัวยาว ตามตู้ไม้และชั้นวางต่างๆ อัดแน่นไปด้วยผ้าที่ใช้ตัดเย็บ รวมถึงอัญมณี เครื่องประดับ และแท่งคริสตัลหลากสีสัน ที่สำคัญ มีภูติและแฟรี่มากกว่าสิบตัวอาศัยอยู่ในห้องแห่งนี้
“อ๊ะ? เอ๊ะ? อะไรเนี่ย” เด็กหนุ่มผมแดงร้องเสียงตกใจ เมื่อบรรดาภูติและแฟรี่พร้อมใจกรูเข้าไปหา
“ดูเหมือนว่าจะเป็นจอมเวทที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมนะเนี่ย ไม่อย่างนั้นเจ้าพวกนี้ไม่ยอมเข้าหา” เร็นเอ่ยชม
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ก็สเลย์เบก้าคือโรบินของพวกเราเหล่าภูตินี่นา” แฟรี่ดอกไม้ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักในชุดกระโปรงกลีบดอกไม้สีชมพูเอ่ย ขณะบินลอยไปมารอบตัวของจองเซอุน “หายากเหมือนกันที่ได้พบ ครั้งสุดท้ายที่เคยเจอ เหมือนจะเป็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน”
“อย่างนี้นี่เอง” เร็นพึมพำ ก่อนสาวเท้าไปหาจองเซอุน พร้อมกับโบกมือไล่เหล่าภูติและแฟรี่ที่รุมล้อม ซึ่งบางตัวก็พันแข้งพันขาออดอ้อนไม่หยุด “หลบๆ พวกเธอทำให้แขกของฉันอึดอัดรู้ไหม ไปๆ หลบไปให้หมดเลย ส่วนเซอุนก็นั่งก่อนนะ เดี๋ยวฉันยกชามาให้”
“ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องก็ได้” จองเซอุนบอกด้วยท่าทางเกรงใจ
“ไม่เป็นไร เธอเดินทางมาเหนื่อยๆ ไหนข้างนอกยังหนาว ดื่มอะไรอุ่นๆ เถอะ” เร็นบอกเสียงอ่อนโยนอบอุ่น ดันแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่สูงกว่าหน่อยให้ไปนั่งรอที่เก้าอี้ รวมถึงหยิบผ้าพันคอพื้นหนาที่อยู่ใกล้ๆ มาพันรอบลำคอของเด็กหนุ่มเพื่อสร้างความอบอุ่น “รอตรงนี้แป๊บหนึ่งนะ ส่วนยองมิน มาช่วยฉันยกของ แล้วก็พวกเธอ อย่าวอแวให้แขกของเรารำคาญละ”
“ทำตัวตามสบายเถอะ ถ้าเธอเกร็งหรือเกรงใจมากไป เร็นจะไม่สบายใจ” อิมยองมินบอก จองเซอุนพยักหน้า
จอมเวทหนุ่มมองลูกศิษย์ของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหมุนตัวเดินตามหลังเจ้าของร้านไป
วินาทีที่เดินห่างมาไกล เร็นก็เอ่ยขึ้นแทบทันที
“เด็กคนนั้นเป็นสเลย์เบก้าจริงๆ เหรอ”
“ใช่ ไม่กี่วันก่อนก็เกือบจะโดนแฟรี่ลมหลอกให้ไปอยู่ในโลกภูติ”
อิมยองมินตอบตามตรง นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสองคืนก่อน ความจริง เขารู้ตั้งแต่แรกว่าจองเซอุนโดนแอเรียลหลอกล่อให้ไปยังปากทางเข้าของดินแดนภูติ แต่ที่ไม่คิดห้ามตั้งแต่ต้น เพราะอยากให้เด็กหนุ่มได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของโลกฝั่งนี้ อุตส่าห์เตือนไปตั้งแต่แรกว่าห้ามออกไปไหนตอนกลางคืนเด็ดขาดหากเขาหรือยูจินไม่ได้ไปด้วย เด็กคนนั้นก็ยังจะรั้นทำ ที่สำคัญ ยังใช้เวทมนตร์เกินตัว จนร่างกายแบกรับภาระไม่ไหวอีก
“แล้ว...นายบอกอะไรไปบ้าง ทั้งหมดเลยหรือเปล่า”
“เปล่า บอกแค่ผิวๆ เด็กคนนั้นไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ว่าโชคชะตาของตัวเองเป็นยังไง”
“เหรอ น่าสงสารนาย อุตส่าห์เสียเวลาออกตามหาตั้งนาน แต่ครั้งนี้คงอยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่กี่ปี ดูจากสายตา เด็กคนนั้นตอนนี้ก็คงสิบเจ็ดสิบแปดใช่ไหม ในฐานะที่เป็นสเลย์เบก้า อยู่มานานขนาดนี้ก็ถือว่ามาไกลระดับหนึ่งแล้ว” เร็นกล่าว หย่อนซองชาลงในถ้วยมัคและเทน้ำร้อนตาม กลิ่นหอมหวานๆ ของชาคาร์โมมายลอยกรุ่นในอากาศ ทั้งที่มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลาย แต่ความรู้สึกของพวกเขาทั้งสองที่อยู่ในห้อง ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย “แล้วนายอยากให้ฉันทำอะไรเพื่อเด็กน้อยคนนั้นบางล่ะ”
อิมยองมินไม่ตอบ หยิบกระดาษแผ่นเล็กที่พับครึ่งออกจากกระเป๋าส่งยื่นให้
“ไม่เกี่ยงราคา ขอแค่สร้างออกมาให้ดีที่สุดก็พอ”
วิศวกรหนุ่มไล่อ่านรายการแต่ละบรรทัดอย่างรวดเร็ว ดวงตาเรียวของเขาอ่อนแสงลง ก่อนกล่าวเสียงเศร้า
“ไม่จำเป็น เห็นแก่โชคชะตาน่าเศร้าของพวกนาย ครั้งนี้ฉันทำให้ฟรีแล้วกัน”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in