เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fictober 2019] Miracle in Octobernixsummer0531
Day 03 Bait
  • “จงจำไว้ จอมเวทจำเป็นต้องยื่มพลังจาก ‘เพื่อนบ้าน’ ต่างจากพ่อมด ที่สามารถร่ายคาถาได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผล ที่ 'เวทมนตร์' จำเป็นต้องมีคุณลักษณะเหมาะสมมากกว่า 'คาถา' และคุณลักษณะที่ว่า คือความเข้ากันได้กับ ‘พวกเขา’ จะเป็นที่รักหรือที่รังเกียจ หรืออาจจะใช้การต่อรองให้เป็นประโยชน์ การหาอสูรรับใช้ที่จะยอมให้ความช่วยเหลือ เพราะฉะนั้น ขอให้เข้าใจถึง ‘พวกเขา’ และ ‘กฏเกณฑ์’ เราไม่สามารถมอบหมายหน้าที่ทุกอย่างให้พวกเขาได้ รวมถึงไม่ใช่ว่าพวกเขาจะทำได้ทุกอย่าง เวทมนตร์คือสิ่งที่คิดค้นขึ้น เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการ”

    จองเซอุนนึกถึงคำสอนของจอมเวทหนุ่มผมสีแดงส้มเมื่อยี่สิบนาทีก่อน เขาปรับลมหายใจสองสามครั้งเพื่อทำสมาธิ ก่อนยื่นมือออกไปด้านหน้า ร้องเรียกเบาๆ ว่า “มาสิ” เพื่อให้ซาลาแมนเดอร์สีแดงไต่ขึ้นมานอนบนมือ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มเหม่อมองเทียนไขที่ตั้งอยู่ตรงหน้า พร้อมกล่าวแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงนอบน้อมกับซาลาแมนเดอร์ไฟ

    “รบกวนด้วยนะ” 

    เด็กหนุ่มหรี่ตาลงเพื่อเพ่งมองปลายเทียนไข ไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้อยู่ตลอดแต่ไม่เคยสังเกต หรือเพราะเพิ่งได้เรียนรู้การใช้เวทมนตร์เป็นครั้งแรก เขาเลยมองเห็นแสงวูบวาบเต้นรำอยู่รอบๆ เป็นสว่าง ที่ไม่ได้จ้ามากเกินไป คล้ายกับแสงของดวงดาวยามค่ำคืน เขาสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแช่มช้า ร่ายเวทด้วยน้ำเสียงก้องกังวานใสราวท่องบทกวี 

    จงลุกโชติช่วงด้วยลิ้นแห่งเปลวเพลิง

    พลันแสงสว่างราวดวงดาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนๆ ราวกับสีของเปลวไฟ แสงวูบวาบนั้นหมุนวนเข้ามาใกล้ซาลาแมนเดอร์ ก่อนที่เจ้าซาลาแมนเดอร์นั้นจะอ้าปากงับแสง ถือเป็นการแลกเปลี่ยน ที่ให้จอมเวทอย่างเขา ได้ยืมพลังเวทมนตร์ จองเซอุนที่ยืนมองอยู่ไม่มีอาการตื่นตระหนัก ทั้งยังร่ายเวทมนตร์ต่อไป 

    จงลุกโชติช่วงตราบจนถึงสัญญา เป็นสีแดงแห่งฤดูใบไม้ร่วงเฉกเช่นรวงข้าว

    พึ่บ! 

    เสียงที่ดังขึ้นแผ่วเบา พร้อมกับเปลวไฟดวงน้อยลุกโชติช่วงบนปลายเทียนไข ทำให้จองเซอุนเบิกตากว้าง

    “ทำได้ดีมากสำหรับครั้งแรก” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้น ทำให้จองเซอุนนึกได้ว่าไม่ได้อยู่ภายในห้องแค่คนเดียว

    “ผมใช้เวทมนตร์ได้จริงๆ” จองเซอุนบอกด้วยน้ำเสียงแฝงความดีใจปนประหลาดใจ

    “ใช่ ก็เธอเป็นจอมเวทนี่นา” อิมยองมินอมยิ้มเอ็นดู ทำให้เด็กหนุ่มผมแดงรู้สึกอุ่นวาบแปลกๆ ภายในอก “สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เธอเพิ่งหัดใช้เวทมนตร์ การฝืนใช้มากๆ ในช่วงแรกจะเป็นอันตราย แต่ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ลองไปหาอ่านตำราการใช้เวทมนตร์ให้ห้องหนังสือแล้วกัน ถามยูจินดู คงช่วยเธอแนะนำได้มาก”

    “ครับ” จองเซอุนพยักหน้ารับคำ แม้จะเสียดายเล็กน้อยที่ไม่ได้หัดใช้เวทมนตร์ต่อ

    “ฉันจะออกไปธุระนิดหน่อย คงกลับมาช่วงเย็นๆ ระหว่างนี้อยากได้อะไรก็บอกยูจิน เธอยินดีทำให้”

    อิมยองมินอมยิ้มให้น้อยๆ เดินมาลูบกลุ่มผมสีแดงเพลิงของคนตัวเล็กกว่าแผ่วเบา ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

    จองเซอุนเมื่อเห็นว่าบานประตูไม้ปิดสนิท เขาก็สาวเท้าไปยังห้องหนังสือ

    หลังจากที่ได้พูดคุยกันเมื่อวาน อิมยองมินก็พาเดินรอบๆ บ้าน เพื่อให้รู้ว่าบ้านสองชั้นหลังนี้มีสัดส่วนเป็นอย่างไร ซึ่งจองเซอุนเองก็ค่อนข้างแปลกใจ ที่บ้านของจอมเวท ไม่ได้แตกต่างไปจากบ้านของมนุษย์ทั่วไปนัก มีห้องนอนสามห้อง ห้องน้ำสามห้อง ห้องนั่งเล่นหนึ่งห้อง ห้องครัวหนึ่งห้อง ห้องหนังสือหนึ่งห้อง ที่แตกต่างออกมาหน่อย คือ ห้องสำหรับสร้างและใช้เวทมนตร์หนึ่งห้อง ซึ่งภายในห้องที่ว่าสิ่งที่คุ้นตาและแปลกตาอยู่เต็มไปหมด 

    “นายน้อยเซอุน มาหาหนังสืออ่านเหรอคะ” เด็กสาวในชุดเมดสีขาวถามเสียงใส ขณะยืนปัดฝุ่นชั้นหนังสืออยู่

    “คือ...ไม่ต้องเรียกว่านายน้อยหรอก มันฟังดูแปลกๆ พวกเราเองก็อายุห่างกันไม่มากด้วย” 

    จองเซอุนบอก เพราะกะจากสายตา เด็กตรงหน้าน่าจะอายุน้อยกว่าเขาเพียงสองสามปี

    “ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะนายน้อยเป็นคนสำคัญของนายท่าน ถ้าไม่เรียกแบบนี้ยูจินคงโดนนายท่านยองมินตำหนิ” เธอตอบด้วยรอยยิ้มหวาน ส่งผลให้จองเซอุนรู้สึกอึดอัดใจยิ่งกว่าเดิม แต่พอประเมินแล้วว่าเด็กสาวตรงหน้าคงไม่ยอมเลิกเรียกง่ายๆ เขาเลยเปลี่ยนเรื่องคุย “ผมอยากได้หนังสือเกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์ขั้นต้น ยูจินแนะนำให้ได้ไหม”

    “แน่นอนค่ะ” อันยูจินขานรับเสียงขยันขันแข็ง เธอเดินวนไปวนมารอบห้องหนังสือรูปวงกลม จากนั้นก็ยกหนังสือปกหนาทั้งหมดห้าเล่มมาวางกองบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง “ทั้งหมดนี่เป็นตำราสำหรับผู้หัดใช้เวทมนตร์ ยูจินเรียงลำดับความเหมาะสมในการอ่านจากบนสุดไปล่างสุดเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและเข้าใจค่ะ”

    “ขอบคุณครับ” จองเซอุนบอก เดินเข้าไปใกล้ และหยิบหนังสือเล่มบนสุดมาพลิกเปิด 

    ในระหว่างที่กวาดสายตามองเนื้อหาแบบผ่านๆ ว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร หางตาของเขาก็เหลือบเห็นว่าเด็กสาวรับใช้นั้นอมยิ้มหวานมองมาที่เขา 

    “มีอะไรหรือเปล่า”

    “เปล่าค่ะ แค่ดีใจ ที่น้อยนายเปิดรับโลกนี้มากกว่าที่คิด” อันยูจินตอบ ก่อนจะจับชายกระโปรงด้วยมือทั้งสองข้าง พร้อมย่อตัวน้อยๆ “ยูจินขอตัวไปเตรียมมื้อเย็นก่อนนะคะ หากมีอะไรให้ช่วยเหลือ สามารถเรียกได้เสมอ”

    จองเซอุนมองอีกฝ่ายจนลับตา จากนั้นก็หันกลับมามองหนังสือในมือด้วยแววตาเรียบเฉยจนแทบจะว่างเปล่า

    ความจริงแล้ว เขาเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าตัวเองเปิดรับโลกนี้หรือเปล่า แค่รู้สึกว่า บางที ที่แห่งนี้มันอาจเป็นสถานที่ที่เขาควรอยู่ เพราะแต่เดิม ไม่มีใครเลยสักคนที่ต้องการเขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของเขา คนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือแม้กระทั่งคนที่เคยคิดว่าครอบครัว ก็ยังไม่ต้องการ ตอนที่เขาถูกขาย วินาทีนั้นก็คิดเพียงแค่ว่า ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงแล้ว ไม่เคยคิดฝัน ว่าจะได้มาอยู่ในสถานที่แปลกตาอีกฟากโลก ไม่คิดว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าจอมเวทหรือสเลย์เบก้า ไม่คิดว่าจะได้เรียนรู้เวทมนตร์ และ ไม่นึกฝันเลย ว่าจะมี ใครสักคน ที่ต้องการเขา 

    ใช่แล้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองเปิดรับโลกนี้เหมือนอย่างที่อันยูจินว่าไว้ไหม 

    ก็แค่ บางที ที่แห่งนี้อาจเป็นที่ที่เขาควรอยู่ ต่างจากโลกที่ ไม่มีใครต้องการ ก็เท่านั้น





    ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เด็กหนุ่มผมแดงขยุกขยิกไปมาบนเตียงราวตกอยู่ในฝันร้าย

    “โรบิน โรบิน ตื่นสิ ไปเล่นกับพวกเรากัน” เสียงแหลมสูงเล็กๆ ที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น “เซอุน ตื่นเถอะ พวกเรามารับเธอแล้ว”

    จองเซอุนลืมตาพึ่บ กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เมื่อรับรู้ว่าเสียงที่ดังและแรงดึงที่ชายแขนเสื้อนั้นไม่ใช่ความฝัน เด็กหนุ่มถอยกรูดไปติดหัวเตียงแทบจะทันที เมื่อพบว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กลอยอยู่กลางอากาศ จากลักษณะของมันคล้ายกับมนุษย์ผู้หญิง เพียงแต่มีปีกที่กลางหลังและข้อเท้า มีผิวสีเขียวราวผืนป่า รวมถึงมีตากลมโตแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป

    “แฟรี่?” จองเซอุนพึมพำ จำได้ว่าเคยอ่านเจอในหนังสือเมื่อช่วงบ่ายในหัวข้อ แฟรี่ลม 

    “คิกคิก สวัสดี เราชื่อแอเรียล แต่ว่านะ คำว่า แฟรี่ เนี่ย มันออกจะไร้มารยาทไปหน่อย ช่วยเรียกพวกเราว่า เพื่อนบ้านที่แสนดี จะดีกว่า”

    “รู้จักชื่อผมได้ยังไงเหรอ” จองเซอุนถาม เพราะมั่นใจแน่ๆ ว่าไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน 

    “แน่นอนอยู่แล้ว เซอุนน่ะเป็นที่รักจะตาย แค่รู้ชื่อเนี่ย มันเป็นเรื่องธรรมดา” แฟรี่ลมเอ่ยเสียงใส บินวนไปมารอบๆ ร่างของเด็กหนุ่มผมแดง จากนั้นก็บินไปผลักบานหน้าต่างให้เปิดออก ส่งผลให้ลมเย็นพัดโบกเข้ามาจนรู้สึกหนาวสั่น “วันนี้พระจันทร์เต็มดวง เซอุนอยากไปเดินเล่นข้างนอกด้วยกันไหม ป่าเวทมนตร์ในวันนี้สวยมากๆ เลยนะ”

    “ผม...ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนตอนกลางคืน” 

    จองเซอุนอึกอัก เหลือบสายตาไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้เที่ยงคืน

    “เหอะ จอมเวทอวดดีนั่นสั่งใช่ไหมล่ะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ออกไปเดินแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ” แอเรียลยังคงคะยั้นคะยอเด็กหนุ่มให้ออกไปเดินเล่นด้วยกันด้วยใบหน้าที่น่ารักและน้ำเสียงออดอ้อน “ไปกันเถอะ ป่าของที่นี่ก็เหมือนสวนหลังบ้าน รีบไปรีบกลับแป๊บเดียวเอง เซอุนไม่อยากรู้เหรอ ว่าโลกของฝั่งนี้ โลกของเซอุนน่ะ มันสวยขนาดไหน”

    ทันทีที่ได้ยินคำว่า โลกของฝั่งนี้ ดวงตากลมโตของจองเซอุนก็ไหวระริก

    “นี่ ไปกันเถอะ ไปสนุกด้วยกัน” แอเรียลกระซิบบอกเสียงหวานราวขับกล่อม

    จองเซอุนลังเลอยู่ครู่ นึกถึงคำเตือนของอิมยองมินที่บอกว่า อย่าออกไปไหนตอนกลางคืนเด็ดขาด

     แต่ถึงอย่างนั้น อิมยองมินก็มักเรียกแฟรี่และภูติที่อยู่รอบบริเวณบ้านว่า เพื่อนบ้านที่แสนดี ไหนแอเรียลยังบอกว่า ป่าของที่นี่ก็เหมือนกลับสวนหลังบ้าน หากออกไปเดินเล่นสักครึ่งชั่วโมง บางทีคงจะไม่เป็นไร ที่สำคัญ เขาเองก็อยากจะรู้ ว่าป่าของโลกเวทมนตร์ มันจะแตกต่างจากป่าธรรมดาที่เขาเคยเห็นขนาดไหน

    “งั้นแค่แป๊บเดียว” จองเซอุนบอก

    “อื้ม แค่แป๊บเดียว” 

    แฟรี่ลมกล่าวเสียงหวานถูกอกถูกใจ ทั้งแนะนำว่าให้สวมเสื้อคลุมหนาๆ เพราะอากาศด้านนอกค่อนข้างหนาว

    เมื่อสวมเสื้อคลุมไหมพรมเสร็จเรียบร้อย จองเซอุนก็เดินลงบันไดชั้นสองไปอย่างเงียบเชียบ และก้าวออกบริเวณตัวบ้านเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ สายลมเย็นยามดึกทำให้เขาต้องห่อตัวเล็กน้อยเนื่องจากหนาว ใจหนึ่งก็อยากเดินกลับเข้าไปยังตัวบ้านอุ่นๆ แต่อีกใจก็สนอกสนใจกับสิ่งที่อยู่ด้านหน้า

    เด็กหนุ่มเหยียบย่ำไปตามพื้นหญ้านุ่ม เดินลึกเข้าไปยังตัวป่าที่มีแมกไม้สูงปกคลุม น่าแปลก ทั้งที่ภายในป่านั้นควรจะมืดสนิทแม้กระทั่งปลายเท้าของตัวเองก็มองไม่เห็น แต่ป่าแห่งนี้กลับสว่างมากกว่าที่คิด เด็กหนุ่มมองเห็นประกายแสงเล็กๆ สีเขียวอ่อนลอยอยู่กลางอากาศเป็นเส้นสายยาวๆ อยู่ทั่วบริเวณผืนป่า 

    “แสงพวกนี้คืออะไรเหรอ”

    “ร่องรอยที่พวกเราผ่านไปมาน่ะ ถ้าไม่เป็นของพวกแฟรี่ที่มาเดินเล่นในป่าก็เป็นของพวกที่เดินทางไปมาระหว่างดินแดนแฟรี่” แอเรียลตอบ

    “ดินแดนแฟรี่เหรอ” จองเซอุนถาม จำไม่ได้ว่าเคยอ่านเรื่องนี้ หรือไม่ก็ยังอ่านไม่ถึงหัวข้อนี้ 

    พลันเด็กหนุ่มผมแดงต้องชะงักกึก เมื่ออยู่ๆ ก็เย็นวาบบริเวณแผ่นหลัง ทั้งรู้สึกเหมือนมีดวงตาหลายร้อยคู่จับจ้องมองมา เขาเหลือบมองไปยังด้านหลัง ลังเลว่าควรเดินกลับบ้านตอนนี้เลยดีไหม เพราะเหมือนเขาจะเดินมาไกลมากแล้ว

    “ไปกันเร็วเซอุน ใกล้จะถึงดินแดนแฟรี่แล้ว ที่นั่นน่ะ มีแฟรี่อยู่เยอะเต็มไปหมดเลย เซอุนต้องชอบแน่ๆ เห็นไหม ทางเข้าอยู่ตรงนั้นไง” แอเรียลชี้ไปยังกองหินขนาดใหญ่ที่วางทับๆ กันจนมีลักษณะคล้ายกับประตูทางเข้า ภายในช่องว่างของประตูนั้นส่องแสงสว่างเรืองรอง ราวกับมันคือทางเชื่อมที่เชื่อมไปยังอีกโลกหนึ่ง 

    “ถ้าสมมติว่าเข้าไป จะกลับออกมาได้ใช่ไหม” จองเซอุนถามเพื่อความแน่ใจ

    “ไม่มีทางหรอกโรบิน ถ้าพวกเราไม่อนุญาตละก็ ยังไงก็กลับมาไม่ได้หรอก” แอเรียลกลั้วหัวเราะคิกคัก

    “งั้นผมกลับดีกว่า” จองเซอุนหมุนตัวเตรียมกลับ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อรับรู้ถึงแรงดึงที่ปลายแขนเสื้อ

    “จะกลับไปไหนเหรอ เซอุนไม่มีที่ให้กลับนี่นา พวกเรารู้นะ เซอุนถูกคนในครอบครัวทิ้งใช่ไหมล่ะ ที่ที่เซอุนอยู่ก็หาว่าเซอุนเป็นตัวประหลาดด้วยนี่นา ไหนคนพวกนั้นยังรังแกเซอุนอีก เซอุนน่ะ ไม่ใช่คนของทางนั้นหรอก โลกของเซอุนอยู่ตรงนี้ต่างหากละ ไปกับพวกเราเถอะ พวกเราจะอยู่ดูแลโรบินเอง”

    จองเซอุนหน้าซีดเผือดทันที เมื่อพบว่าทางที่เพิ่งเดินมาเมื่อครู่ อยู่ๆ ก็มีต้นไม้และเถาวัลย์ขนาดใหญ่ค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เถาพวกนั้นทักทอเกี่ยวพันกันเป็นกำแพงเพื่อปิดไม่ให้เขาได้หนีไปไหน จองเซอุนหันขวับมามองที่แอเรียล หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นทันที หลังพบว่าตอนนี้ไม่ได้มีแฟรี่ลมเพียงตนเดียวอีกต่อไป แต่มีจำนวนมากมายมหาศาล และทุกตนกำลังเหยียดยิ้มกว้าง จ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาเหมือนกับมองเหยื่อตัวจ้อยที่หลงเข้ามาติดอยู่ในกับดัก

    “รีบไปกันเถอะ ไปสู่โลกของพวกเรา”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Chada815 (@Chada815)
ตอนนี้ให้อารมณ์เหมือนดูหนังเลย
อ่านไปตื่นเต้นไป
คุณแฟรี่อย่าพานายน้อยไปจากนายท่านนะ??