นายน้อย! พวกมันมากันเยอะแล้ว! ออกไปตั้งหลักกันก่อนไหมคะ!
อันยูจินในร่างภูติหมาป่าสีเงินถาม ขณะวิ่งทยายไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้
“ไม่! พวกเราต้องรีบไป! ยูจินบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่มีเวลาแล้ว!” จองเซอุนตะโกนบอก ขณะใช้พลังเวทซัดลูกไฟใส่กลุ่มปีศาจที่ไล่กวดอยู่ด้านหลัง โดยที่มืออีกข้างก็จับขนสีเงินของอันยูจินเอาไว้แน่นเพื่อกันพลัดตก เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พยายามลำดับไล่เรียง ว่าจะมีวิธีไหน ที่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตินี้ไปได้
หลังจากที่ออกเดินทางจากโบราณสถานเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืน พวกเขาก็มาถึงป่าทึบขนาดใหญ่ที่อยู่ทางตอนใต้ของสก็อตแลนด์ ตอนแรกจองเซอุนตั้งใจจะให้อันยูจินพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพราะเธอวิ่งสุดแรงเพื่อออกตามหาอิมยองมิน แต่ทันทีที่เธอรู้ว่า อิมยองมินเดินเข้าไปในป่า เธอก็ปล่อยโฮอย่างน่าสงสารในรูปลักษณ์ของเด็กสาวผมน้ำตาลทันที พอถามว่าเป็นอะไร ภูติสาวจึงอธิบายด้วยเสียงละลักละล่ำว่า “นายท่านตั้งใจจะผนึกตัวเองค่ะ เมื่อหลายสิบปีก่อนระหว่างที่รอคอยนายน้อยอยู่ นายท่านเคยพูดเอาไว้ ว่าบางทีควรหยุดเรื่องทุกอย่าง นายท่านบอกว่าตัวเองกำเนิดในที่ที่อยู่ไกลแสนไกล ที่นั่นทั้งหนาวและมืดสนิท และหากได้กลับไปอีกครั้ง นายท่านตั้งใจจะหลับไปตลอดกาล เพราะนายท่านรู้ดีว่าต่อให้ปรารถนาความตายขนาดไหน นายท่านก็ไม่สามารถตายได้”
เมื่อฟังอันยูจินอธิบายจบ จองเซอุนก็ตัดสินใจออกเดินทางต่อทันที ไม่สนใจเสียงห้ามปรามของเด็กสาวที่เตือนว่าป่าแห่งนี้มีกลิ่นอายความตาย หากเข้าไปคงยากที่จะกลับออกมา ขอให้รอเธอติดต่อผู้ดูแลมังกรเดวิด เพราะพ่อมดระดับนั้นน่าจะสามารถฝ่าป่าแห่งนี้ไปพบกับอิมยองมินได้ แน่นอน เขารู้ดีว่าเธอเป็นห่วง รู้ดีว่าเขาควรอยู่รอการช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เขารอไม่ไหวแล้ว แม้สองสามวันจะเป็นเวลาที่แทบจะเรียกว่าชั่วพริบตาสำหรับอิมยองมิน ทว่าเขาไม่อยากให้จอมเวทหนุ่มต้องรอไปมากกว่านี้ ที่สำคัญ เขาอยากเจอ อยากเจออิมยองมิน อยากกลับไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนั้นอีกครั้ง แต่เพราะการตัดสินใจวู่วามแบบนั้น พวกเขาเลยโดนพวกภูติ วิญญาณ และปีศาจที่อยู่ในป่าเข้าโจมตีทันทีที่เหยียบย่างเข้ามา
“ยูจิน อีกไกลไหม” จองเซอุนถามเสียงหอบถี่ ทั้งรู้สึกเริ่มมึนหัวจากการใช้พลังเวทติดต่อกันมากเกินไป
ไม่แน่ใจค่ะ กลิ่นของนายท่านเลือนรางกว่าตอนแรกมาก บางทีตอนนี้อาจจะกลับเข้าไปในโลกภูติแล้ว
สเลย์เบก้าหนุ่มพยักหน้าเข้าใจด้วยแววตาค่อนข้างผิดหวัง ก่อนกัดฟันรวบรวมสมาธิสร้างกำแพงไฟเพื่อสะกัดฝูงปีศาจที่ไล่ตามหลัง สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเหมือนกลุ่มก้อนผ้าขี้ริ้วส่งเสียงกรีดร้องเสียงแหลมสูงราวเจ็บปวด แต่ก็มีอยู่หลายตนที่บินโฉบหลบเปลวไฟและไล่ตามมาในระยะประชิด
สเลย์เบก้า เจ้าเด็กนั่นคือสเลย์เบก้า จับมัน รีบจับตัวมันมา
ฮี่ฮี่ จะกิน ข้าจะกินมัน เจ้าเด็กน้อยที่น่าอร่อย
ตามหาอยู่ใช่ไหม ตามหาเจ้าตัวน่ารังเกียจนั่นอยู่ใช่ไหม มาสิ ข้ารู้ว่ามันอยู่ไหน ข้าจะช่วยเจ้าเอง
“ใครพูดน่ะ! รู้เหรอว่าเขาอยู่ไหน” จองเซอุนตะโกนถามท่ามกลางป่าที่มืดสนิท
แลกกับแขนข้างหนึ่งของเจ้า แล้วข้าจะพาไปยังที่แห่งนั้นเอง
นายน้อย! อย่าไปฟังเจ้าพวกนั้น พวกมันกำลังหลอกนายน้อย กรี๊ดดด!!!
อันยูจินกรีดร้องเสียงหลง พอๆ กับจองเซอุนที่ร้องอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็มีเถาหนามขนาดใหญ่พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาจากทางด้านขวา
“ยูจิน! เป็นอะไรไหม” สเลย์เบก้าหนุ่มถามเสียงตื่น เมื่อเห็นว่าขาหน้าข้างขวาของเธอมีเลือดไหลอาบ
แผลแค่นี้ไม่เป็นไรค่ะ นายน้อยจับยูจินแน่นๆ อย่าให้ตกเด็ดขาด
อันยูจินสั่งเสียงร้อนรน จองเซอุนที่กลับมามีสติอีกครั้งหลังจากโดนเสียงปริศนานั้นหลอกล่อพยักหน้าเข้าใจ เขายึดจับภูติสาวแน่นกว่าเดิม พร้อมกับยิงเวทไฟใส่เถาหนามที่พุ่งเข้ามาเตรียมโอบรัดพวกเขาทั้งสอง พลันเด็กหนุ่มต้องขนลุกซู่ทันที เมื่ออยู่ๆ พวกภูติและปีศาจด้านหลังจู่ๆ ก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากพวกผ้าขี้ริ้วแล้ว มันยังมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับก้อนขนมีหนามสีดำ ดวงตาสีแดงฉาน วิ่งไล่กวดอยู่ตามพื้น ทั้งยังมีสิ่งชีวิตที่ไม่อาจระบุรูปร่างได้แน่ชัดอีกจำนวนมาก
“โอ๊ย!” จองเซอุนร้องขึ้นเบาๆ เมื่อไม่ทันระวังเถาหนามที่พุ่งโจมตีจากจุดอับสายตา
นายน้อย เลือด... อันยูจินครางเสียงแผ่ว แม้เธอไม่ได้หันมามอง แต่คาดว่าคงได้กลิ่น
เด็กหนุ่มผมแดงเตรียมบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร แผลถลอกเพียงแค่นิดเดียว แต่เขาต้องกลืนคำพูดเหล่านั้น เมื่อพบว่าพวกที่ตามอยู่ด้านหลังส่งเสียงกรีดร้องโหยหวยและคลุ้มคลั่งหนักกว่าเดิม
เลือด เลือด เลือดของสเลย์เบก้า
ข้าจะกินมัน ข้าจะกินมันให้ได้
ท่าไม่ดีแล้ว แบบนี้แย่แน่ — จองเซอุนหน้าซีดเผือด ตวัดมือขึ้นสูง ส่งผลให้มีเปลวไฟพุ่งขึ้นจากพื้น เสาไฟที่ร้อนระอุนั้นโจมตีโดนฝูงปีศาจเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ด้วยจำนวนมหาศาลของพวกมัน เลยดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์
นายน้อย หมอบ!!!
เสียงเตือนของอันยูจินทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมองด้านหน้า แต่เหมือนจะช้าไป เพราะเขาโดนเถาวัลย์เส้นใหญ่หวดฟาดอย่างแรงจนพลัดตกจากหลังอันยูจิน ภูติหมาป่าสาวที่เห็นแบบนั้นหยุดวิ่ง พร้อมกระโจนมาอยู่ด้านหน้าเขา ขวางพวกฝูงปีศาจที่ไล่กวดจากด้านหลังไม่ให้เข้าใกล้ อันยูจินคำรามเสียกึกก้อง และด้วยพลังเวทที่แฝงอยู่ในน้ำเสียง ส่งผลให้พวกมันปลิวกระเด็ดไปไกลหลายสิบตัว
นายน้อย รีบไปค่ะ ยูจินจะอยู่ตรงนี้เอง
“ไม่...” จองเซอุนบอกเสียงแหบพร่า ไม่แน่ใจเพราะโดนเถาวัลย์ฟาดที่ข้างขมับอย่างจัง หรือเพราะใช้เวทมนตร์จนเกินตัว เขาเลยเห็นภาพตรงหน้าแยกออกเป็นสอง ทั้งพร่าเลือนจนเหมือนจะมองอะไรไม่เห็น
นายน้อย! ขอร้องละค่ะ นายน้อยต้องหนีไปเดี๋ยวนี้!
เธอบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะใช้กรงเล็บตะปบปีศาจที่พุ่งเข้ามาหมายโจมตีเธอกับเด็กหนุ่ม
จองเซอุนที่เตรียมใช้พลังเวทต่อในตอนแรกถึงกับลดมือลง ดวงตากลมโตของเขามองพวกภูติและปีศาจที่โอบล้อมรอบตัวเป็นวงกลมด้วยแววตาไหวระริก พวกมันมองตรงมาที่เขาด้วยแววตาสีแดงเรืองแสง แสยะยิ้มแยกเขี้ยวให้ด้วยท่าทางเหมือนกับเตรียมจะขย้ำเหยื่อที่ไร้ทางสู้ตรงหน้า
“ยูจิน หนีไปเถอะ พวกมันต้องการแค่ผมคนเดียว ฝากบอกลาคุณยองมินด้วย”
นายน้อยพูดอะไร! ยูจินไม่มีทางทิ้งนายน้อยไปไหนแน่!
จองเซอุนไม่สนเสียงตะโกนที่บอกให้หนีของเด็กสาว เขาหันไปมองทางทิศที่เป็นป่าลึกด้วยรอยยิ้มบาง
ขอโทษนะครับ หากชาติหน้ามีจริง ผมหวัง ว่าจะได้กลับมาพบกับคุณอีกครั้ง —
เด็กหนุ่มหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นทาง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกปีศาจพุ่งกระโจนใสเขา แต่แทนที่จะรู้สึกเจ็บปวดกับคมเขี้ยวที่ฝังลึกบนตัว เขากลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่อบอุ่นโอบล้อมรอบตัว พร้อมกับแสงสว่างจ้าที่สาดส่องไปทั่วทิศทาง
จองเซอุนปรือตาขึ้นน้อยๆ พลันเขาต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ หลังพบว่าสร้อยเงิน ประดับอัญมณีทรงรีสีแดงที่คอกำลังส่องแสงสว่างเป็นสีขาวเรืองรอง แสงนั้นกระเพื่อมไหวราวกับคลื่นน้ำของแสงเหนือ และทุกครั้งที่คลื่นแสงเหล่านั้นตกกระทบบนตัวภูติและปีศาจ พวกมันต้องกรีดร้องอย่างเจ็บปวด และถอยหลบไปในความมืด
นายน้อย พวกมันห่างออกไปแล้ว ตอนนี้รีบไปกันเถอะค่ะ
อันยูจินเร่ง ทั้งหมอบตัวต่ำรอให้เด็กหนุ่มปีนขึ้นมาบนหลังเธอ
จองเซอุนไม่รอช้า รีบขึ้นไปนั่งบนหลัง จากนั้นภูติสาวก็เริ่มออกวิ่งต่อทันที
ระหว่างที่พวกเขากำลังเคลื่อนที่ เด็กหนุ่มก็ก้มลงต่ำ เลื่อนมือขึ้นมากอบกุมอัญมณีด้วยความทะนุถนอม พร้อมกับนึกขึ้นได้ว่า อิมยองมินเคยบอกเอาไว้ตอนที่อยู่ในห้องหนังสือว่า สร้อยเส้นนี้มีคุณสมบัติป้องกันภัย และที่สำคัญ สร้อยเส้นนี้เคยเป็นของเอสเธอร์มากก่อน
“เด็กน้อยอันเป็นที่รัก และตัวตนของฉันอีกคนหนึ่ง ไม่ว่าเธอจะเลือกทางไหน พวกเราก็ยินดีกับสิ่งที่เธอเลือก และภาวนาขอให้เธอมีความสุขกับเส้นทางนั้น”
“ขอบคุณนะครับ คุณเอสเธอร์”
สเลย์เบก้าหนุ่มกระซิบเสียงแผ่ว ทั้งหวังว่าเธอที่มีตัวตนหลงเหลืออยู่ภายในสร้อยเส้นนี้จะรับรู้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in