แม้จะผ่านมาเนิ่นนาน แต่อิมยองมินยังคงจดจำความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบล่มสลายได้เป็นอย่างดี
ทั้งที่เฝ้าหวัง ขอให้ช่วงเวลานั้นอย่าเพิ่งมาถึง ไม่ได้คาดคิดเลย ว่า ความรู้สึก นั้น จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ห่างออกไปไม่ไกล เขามองเห็นร่างเล็กๆ เจ้าของเรือนผมสีแดงนอนล้มอยู่ ทั้งจมูกและริมฝีปากเต็มไปด้วยเลือด แก้มที่เคยเป็นสีระเรื่ออมชมพู ตอนนี้ซีดเผือดอย่างน่ากลัว ผู้ดูแลรังมังกรพยายามประคองขึ้นกอด เขย่าไปมาหลายทีร้องเรียกให้ตื่น แต่ก็ไม่ได้ผล ราวกับว่าเด็กหนุ่มผมแดงได้สิ้นลมไปแล้ว
ทั้งที่ ไม่กี่วันก่อน พวกเขาก็ยังคงพูดคุยกัน
ทั้งที่ ไม่กี่วันที่แล้ว เด็กคนนั้นยังคงยิ้มแย้มกับเขาอยู่
แต่แล้วทำไม พวกเขาถึงต้องพรากคนที่เขารักที่สุดไปด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นเป็น...” พ่อมดผมน้ำเงินที่เหมือนเพิ่งมาถึงลมหายใจสะดุด เมื่อสบตากับอิมยองมิน
บรรยากาศรอบตัวของอิมยองมินเย็นยะเยือกขึ้นมาโดยพลัน ตรงข้ามกับความรู้สึกภายในอก ขอบตาของเขาแดงระเรื่อ ร้อนผะผ่าวราวกับจะมอดไหม้บริเวณดวงตาทั้งสองข้างของตัวเองได้ จอมเวทหนุ่มกำหมัดแน่น แสงสว่างสีฟ้าอ่อนส่องเรืองรองไปทั่วพื้น พร้อมเถาหนามแหลมที่ผุดขึ้น ไม่ทันที่ใครจะได้เอ่ยอะไร อิมยองมินก็ตวัดมือไปด้านหน้า หนามนับพันโอบรัดรอบร่างของพ่อมดผมน้ำเงิน บีบแน่นราวงูหลาม โอบรัดไม่ให้หายใจ หนามแหลมกรีดลึก เรียกเลือดสดๆ ให้หลั่งริน
“ยองมิน! อย่า! เขาไม่เกี่ยว ผมเป็นคนสั่งให้พา...อึก!” เดวิดที่พยายามจะร้องห้ามในตอนแรกเงียบเสียงลงทันที เมื่ออิมยองมินใช้พลังเวทสั่งให้เถาหนามโอบรัดร่างไม่ต่าง เถาหนามนั้นเลื้อยพันโอบรอบลำคอ บีบรัดแน่นขึ้นเพื่อให้ขาดอากาศหายใจ
จังหวะเดียวกัน เปลวไฟสีฟ้าก็ลุกวาบเบื้องหน้าของอิมยองมิน
เมื่อเปลวไฟสลายหายไป เผยให้เห็นภูติที่สูงประมาณหนึ่งฟุต สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มปกปิดใบหน้าและลำตัว เห็นเพียงแค่ดวงตาสีฟ้าอ่อนเรืองรอง ภูติตนนั้นถือไม้เท้าไม้ที่สูงกว่าตัวเอง ปลายไม้เท้าเป็นห่วงกลม ยึดเข้ากับตะเกียงเหล็กที่มีเปลวไฟสีน้ำเงินลุกโชติช่วงภายใน
“ใจเย็นพ่อหนุ่ม เด็กคนนั้นยังไม่ตายสักหน่อย ปล่อยใครสักคนเพื่อให้อธิบายสถานการณ์เถอะ ขืนชักช้าเดี๋ยวก็ได้ตายจริงหรอก” ภูติตนนั้นบอก พร้อมกับใช้ตะเกียงเคาะศีรษะของจอมเวทหนุ่มจนดังป๊อก
ราวกับโดน้ำเย็นสาดเรียกสติ ดวงตาเรียวสีน้ำตามเข้มที่เต็มไปด้วยแรงโทสะลุกโชนก็เริ่มแผ่วเบาลง จอมเวทหนุ่มลดมือที่ยื่นอยู่ของตัวเองลง ส่งผลให้เถาหนามที่โอบรัดเดวิดอยู่แตกสลายกลายเป็นละอองแสง คงมีเถาหนามที่รัดคิมดงฮยอนเท่านั้นที่ยังคงอยู่
อิมยองมินเมินเสียงของเดวิดที่ขอให้ช่วยปล่อยคิมดงฮยอน เขาสาวเท้าไปหาร่างของคนตัวเล็กที่นอนเหยียดอยู่กับพื้นหญ้า ประคองเข้ามาในอ้อมกอดด้วยมืออันสั่นเทา ดวงตาไหวระริกอย่างหวาดกลัว แต่พอเห็นหน้าอกของเด็กหนุ่มผมแดงกระเพื่อมขึ้นลงน้อยๆ ความรู้สึกเจ็บและปวดหน่วงภายในอกก็เหมือนกับได้รับการเยียวยา
“เห็นไหมละ บอกแล้วว่าเจ้าเด็กนี่ยังไม่ตาย”
อิมยองมินพยักหน้ารับรู้ด้วยแววตาโล่งอก ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเดวิดเพื่อขอคำอธิบาย
“เห็นแก่ที่พวกเราเป็นเพื่อนกันมานาน ช่วยปล่อยเขาก่อนได้ไหม เพราะผมเป็นคนสั่งเขาเอง” เดวิดร้องขอเสียงเบา
มุมปากของจอมเวทผมสีแดงส้มกระตุกน้อยๆ แต่ก็เขาก็ยอมคลายเถาหนามตามคำขอ
“หวังว่าคำอธิบายจะดีพอ” อิมยองมินบอกเสียงเย็นยะเยือก
“ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ มังกรของผมสูญเสียเพื่อนคนสำคัญไป เลยทำให้ฤดูหนาวมาเยือนไว้กว่าที่ควรจะเป็น ตัวผมที่แก้ปัญหาเองไม่ได้ เลยขอให้พ่อมดส่งของช่วยพานายที่เป็นจอมเวทที่ผมรู้จักมา แต่เขากลับพาเด็กคนนี้มาแทน” เดวิดบอก มองไปที่จองเซอุนด้วยแววตาเสียใจปนสำนึกผิด “ทั้งที่ผมพาเขากลับบ้านได้ ผมกลับขอร้อง ไม่สิ ขู่ขอให้เขาช่วย”
ผู้ดูแลมังกรพยายามอย่างหนักที่คุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น เขาเคาะไม้เท้าลงกับพื้นหนึ่งที ทำให้มีกลุ่มแสงราวดวงดาวสีเขียวอมเหลืองลอยออกมาจากปลายไม้เท้า แสงนั้นลอยอ้อยอิ่งมาหาอิมยองมิน พอชายหนุ่มยื่นมือไปกำแสงนั้น ภาพความทรงจำมากมายก็ไหลทะลักเข้ามาในหัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมังกรที่ชื่อเวอร์นอนกับภูติไม้เฮเลน ภาพของจองเซอุนใช้พลังเวทเพื่อช่วยเหลือ รวมถึงคืนชีพต้นไม้ที่เคยแห้งตายให้กลับมาเป็นต้นไม้ใหญ่ดั่งเดิม
“ผมเสียใจจริงๆ ยองมิน ผมแค่อยากให้เด็กคนนี้เข้าไปพูดคุยกับจิตสำนึกของมังกรของผมเท่านั้น แค่อยากปลุกให้ตื่นจากความฝันมาพบกับความเป็นจริง แค่อยากให้รู้ว่าคนสำคัญไม่อาจกลับมาได้แล้ว ไม่ได้นึกเลย ว่าเด็กคนนี้จะมีพลังเวทถึงขนาดสร้างปาฏิหาริย์ระดับนี้ได้” เดวิดหันไปมองต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะหันกลับมามองเด็กหนุ่มผมแดงในอ้อมกอดชายหนุ่ม “ผมถามจริงๆ เด็กคนนี้เป็นอะไรกันแน่ ต่อให้เป็นจอมเวทที่เก่งขนาดไหน ก็ไม่น่าจะทำแบบนี้ได้”
“สเลย์เบก้า” อิมยองมินตอบสั้นๆ
เดวิดเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
“แสดงว่าตำนานเป็นเรื่องจริงสินะ ผมเคยได้ยิน พ่อมด แม่มด จอมเวท คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถสร้างปาฎิหาริย์ แต่สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์จริงๆ ตามทฤษฎีแล้ว ขอเพียงแค่คิดว่าจะทำมันก็ทำได้ทุกอย่าง ไม่ต้องพึ่งพาคาถา ไม้เท้า พลังของแฟรี่หรือภูติ ทำให้หินกลายเป็นทอง ทำให้ปลาแหวกว่ายในอากาศ แม้กระทั่งทำให้พืชผลทางการเกษตรไม่เน่าเปื่อย แต่นั่นคือสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะมันคือการเปลี่ยนแปลงกฎของโลก และส่วนใหญ่มักทำไม่สำเร็จ คงมีเพียง สเลย์เบก้า เท่านั้น ที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ที่น่าทึ่งได้อย่างง่ายดาย”
“ใช่ และราคาที่ต้องจ่ายก็มากเหมือนกัน” อิมยองมินบอก ดึงมือของจองเซอุนมาจับอย่างทะนุถนอม
กำไลประดับอัญมณีที่สวมตรงข้อมือนั้น ตอนนี้ได้แตกไปแล้ว กำไลที่มีคุณสมบัติกดทับพลังเวท
หากไม่ใช่ความปรารถนาของเจ้าตัว มันคงไม่แตกออกแบบนี้
“เป็นเด็กที่ดื้อตาใสเหลือเกินจริงๆ” อิมยองมินยิ้มเศร้าๆ เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กหนุ่มผมแดงทำเรื่องฝืนๆ
“เมื่อกี้ผมลองจับชีพจร จอมเวทน้อยยังไม่ได้เจ็บถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต ถ้าได้พักอยู่ในน้ำหรือกลางป่า น่าจะสามารถเติมเต็มพลังเวทที่เสียไปได้” เดวิดบอก อิมยองมินพยักหน้ารับรู้ อุ้มร่างของคนตัวเล็กขึ้น เพื่อพาไปยังสถานที่เหล่านั้น ทว่าเขาต้องหยุดชะงัก เมื่อภูติไม้สาวลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“เพื่อเป็นการขอบคุณและไถ่โทษ เราจะช่วยเด็กคนนี้เอง จะพาไปยังป่าลึกในดินแดนของเรา” เฮเลนบอก เด็ดลูกไม้สีน้ำตาลที่เป็นเครื่องประดับบริเวณเสื้อออกมาประคองถือในมือ ทันใดนั้นลูกไม้ก็ส่องแสงสีเขียวอ่อน แตกหน่อเป็นต้นอ่อน เลื้อยพันโอบล้อมรอบอิมยองมินกับจองเซอุนเป็นวงกลม
“รบกวนด้วย” อิมยองมินตอบ กระชับคนในอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม
“ฝากขอบคุณและขอโทษจอมเวทน้อยด้วย” เดวิดเอ่ยขึ้นสั้นๆ
“เห็นแก่ที่รู้จักกันมานาน หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทำอะไรพลการแบบนี้”
“ไม่มีอีกแน่นอน ขอให้โชคดี”
สิ้นคำของผู้ดูแลรังมังกร บริเวณพื้นใต้เท้าของจอมเวทหนุ่มผมแดงก็ส่องสว่างวาบแสงตา
เมื่อแสงจ้านั้นหายไป ร่างของจอมเวททั้งสองก็หายไปเช่นกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in