“เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ต้นนั้นเหรอครับ”
จองเซอุนถามเสียงเบาหวิว มองเกล็ดหิมะขาวที่ค่อยๆ หล่นลงบนแผ่นหลังของมังกร
“เพื่อนคนสำคัญ” เดวิดตอบเบาๆ กระชับไม้เท้าในมือแน่นจนนิ้วขึ้นข้อขาว “ต้นไม้ต้นนั้นเคยเป็นภูตมาก่อน เธอมีชื่อว่า เฮเลน เมื่อจิตวิญญาณแตกดับลงเลยมีสภาพแบบนั้น เวอร์นอน เองก็รู้ดี ว่าสิ่งมีชีวิตเมื่อตายจากไปจะต้องกลับสู่ผืนดิน แต่ดูเหมือนเด็กคนนั้นยังทำใจไม่ได้ เลยได้แต่เฝ้ารอ หวังว่าสักวันเฮเลนจะกลับมางอกเงยได้เหมือนเดิม”
ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทำไมถึงยังคงรอคอย
จองเซอุนมองมังกรที่ชื่อว่า เวอร์นอน ด้วยแววตาเห็นใจ เขาค่อยๆ สาวเท้าไปหามังกรตัวนั้นอย่างช้าๆ อาจเพราะรู้สึกว่าโดนคุกคาม เวอร์นอนเลยผงกหัวขึ้นมา ส่งเสียงคำรามดังลั่นพ่นไอเย็นออกมา เด็กหนุ่มผมแดงยกแขนขึ้นกั้นด้วยสัญชาตญาณ แต่แทนที่จะโดนแช่แข็งด้วยผลของพลังเวท เขากลับได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะๆ ราวกับเสียงของก้อนน้ำแข็งปริแตก พอลืมตาขึ้นมอง ก็เห็นว่าผู้ดูแลรังมังกรพุ่งตัวมาขวางเอาไว้ รวมถึงใช้ไม้เท้าสร้างบาเรียทรงโดมป้องกันเวทมนตร์
“เวอร์นอน นี่ผมเอง หยุดใช้พลังเวทได้แล้ว!!!” เดวิดตะโกนลั่น ส่งผลให้มังกรสีขาวอมฟ้าหยุดคำรามทันที
กลับไป ไม่ว่ายังไงข้าก็จะอยู่ที่นี่!!!
จองเซอุนย่นหัวคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของมังกรดังขึ้นในหัว พลันเขาต้องผวาเฮือกเมื่อเวอร์นอนเริ่มคำรามอีกรอบ รวมถึงได้ยินเสียงสบถอย่างหัวเสียจากเดวิด ก่อนตามด้วยเสียงร่ายเวทของเด็กหนุ่มผมน้ำตาล เพียงพริบตา เถาหนามสีฟ้าเรืองรองจำนวนมหาศาลก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นน้ำ หนามแต่ละเส้นนั้นพุ่งไปโอบรัดร่างของมังกรอย่างรวดเร็ว วินาทีที่ผู้ดูแลหนุ่มกระแทกด้ามไม้เท้าลงกับพื้น เถาหนามเหล่านั้นก็แตกสลายกลายเป็นละอองสีฟ้าเล็กๆ พร้อมกับเวอร์นอนที่สงบลง
“ผมใช้พลังเวททำให้เวอร์นอนหลับ คงขยับไม่ได้ระยะหนึ่ง ระหว่างนี้ลองเข้าไปพูดคุยดู”
“ผมคิดว่าผมไม่น่าจะช่วยอะไรได้ บางที คุณควรเรียกคุณยองมินมา” จองเซอุนหลุบสายตามองปลายเท้าตัวเอง เงาสะท้อนของผิวน้ำ ทำให้เห็นชัดว่าสีหน้าของตัวเองในตอนนี้มันดูแย่และน่าหมดหวังขนาดไหน
“ไม่หรอก เธอช่วยได้แน่นอน ลองเข้าไปคุยก่อนเถอะ”
เดวิดบอก พลางจูงมือเด็กหนุ่มผมแดงให้เข้าไปหามังกรที่ตอนนี้ไร้พิษสง จองเซอุนขมวดคิ้วมุ่นน้อยๆ เมื่อเดวิดจับมือของเขาให้วางลงบนตัวของเวอร์นอน จากตอนแรกที่คิดว่าผิวของมังกรจะเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง แต่ตัวของเวอร์นอนกลับอุ่นมากกว่าที่คิด
“มันอาจจะยากเกินไป แต่ช่วยเข้าไปในจิตสำนึกของเด็กคนนี้ที ตามหากุญแจ แล้วปลุกเด็กคนนี้จากความฝัน ให้มาพบความเป็นจริง” เดวิดบอกแค่นั้น ก่อนจะออกแรงกดฝ่ามือของจองเซอุนมากกว่าเดิม พร้อมร่ายเวทด้วยทำนองราวร่ายบทกวี
ขับขาน ขับขาน กุญแจแห่งห้วงนิทราเอ๋ย
เปิดประตูให้เราได้ทอดเดิน เผยความทรงจำแต่โบราณกาล
สิ้นคำร่ายของเดวิด อยู่ๆ ร่างทั้งร่างของเวอร์นอนก็ส่องสว่างจ้าแสบตา ทำให้จองเซอุนต้องรีบหลับตาลงเพื่อหนีแสงนั้น เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มผมแดงแทบจะลืมหายใจ หลังพบว่าตัวเองไม่ได้ยืนอยู่บนเกาะกลางน้ำที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาวเย็น แต่เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี มีแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์อาบไล้ลงมา
ด้านนอกถ้ำเหรอ
จองเซอุนหันซ้ายหันขวาด้วยความงุนงง สงสัยว่าเดวิดกับเวอร์นอนนั้นหายไปไหน แล้วคิมดงฮยอนที่อยู่นอกถ้ำเอง ตอนนี้ได้หายไปไหนแล้ว ในจังหวะที่กำลังสับสน เขาก็ได้ยินเสียงวิ่งดังตึงๆ พร้อมกับแผ่นดินสั่นสะเทือน พลันเขาต้องหมอบตัวต่ำ หลังเห็นเวอร์นั้นวิ่งควบทะยานกระโดดข้ามร่างของเขาไป
หัวใจของจองเซอุนเต้นรัวแรงด้วยความระทึก เด็กหนุ่มค่อยๆ ชะโงกหน้าขึ้นช้าๆ กะพริบตาปริบๆ ด้วยความสงสัย ว่าหญิงสาวผมสีน้ำตาลไหม้ในชุดกระโปรงสีเขียวประดับด้วยใบไม้และลูกไม้นั้นเป็นใคร ไม่สิ ภูติสาวตนนั้นเป็นใคร แต่ดูจากบรรยากาศสนุกสนานและรอยยิ้มของทั้งสอง จองเซอุนเดาว่าคงเป็นความสัมพันธ์ที่ดีอย่างแน่นอน
“อ๊ะ!”
เด็กหนุ่มร้องขึ้นเบาๆ เมื่อภูติสาวคนนั้นกระโดดลอยเหนือพื้นและบินตรงมาทางเขา แต่แทนที่จะกระแทกกันจนหน้าคะมำพื้น ร่างของเธอกลับทะลุผ่านร่างของเขาไป พอลองก้มมองดู ก็พบว่าร่างกายของเขานั้นมีลักษณะโปร่งแสงเล็กน้อยราวกับดวงวิญญาณ
หรือว่า ที่นี่คือโลกความฝัน? ความทรงจำ?
จองเซอุนสันนิษฐาน นึกถึงประโยคของเดวิดที่บอกว่าให้เข้าไปในจิตสำนึกของเวอร์นอน เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวาอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าการที่ส่งเขามายังจิตสำนึกของมังกรจะช่วยอะไรได้ แล้วที่บอกว่าให้ตามหากุญแจแล้วปลุกเวอร์นอนให้ตื่น มันหมายความว่าอย่างไร
หลังจากยืนขบคิดอยู่นานและไม่สามารถหาคำตอบได้ เด็กหนุ่มเลยตัดสินใจยืนมองจิตสำนึกตรงหน้านิ่งๆ
เวอร์นอน กับภูติสาวที่คาดว่าน่าจะชื่อเฮเลนวิ่งเล่นไปมาและหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน และเมื่อวิ่งเล่นกันจนเหนื่อย ทั้งคู่ก็ไปหลบพักใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา จองเซอุนเดินเลียบเข้าไปใกล้เพื่อฟังบทสนทนา เรื่องที่ทั้งสองพูดกัน ล้วนเป็นเรื่องทั่วๆ ไป แต่ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องเล่าจากแดนไกล เพราะมังกรนั้นใกล้สูญพันธ์ เลยไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากดินแดนแห่งนี้ ต่างจากเฮเลนที่สามารถท่องเที่ยวไปยังต่างแดนได้ และทุกครั้งที่ไป เธอก็มักจะกลับมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง รวมถึงเก็บของฝากเล็กๆ น้อยๆ อย่างดอกไม้หรือผลไม้กลับมา
ไม่รู้เพราะจองเซอุนนึกคิด ว่าอยากให้เหตุการณ์ผ่านไปเร็วๆ เพื่อจะได้เห็นต้นเหตุหรือเปล่า อยู่ๆ กลางวันกลางคืนก็หมุนเวียนสลับกันอย่างรวดเร็ว เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น วินาทีต่อมาก็ตกลงและแทนทีด้วยพระจันทร์ สลับไปมาซ้ำๆ พร้อมกับเวอร์นอนและเฮเลนเคลื่อนไหวไปมาด้วยความเร็วสูงราวกับแผ่นหนังที่กรอไปด้านหน้า แม้จะไม่ชัดนัก แต่เขาก็สังเกตว่าเฮเลนนั้นดูซูบผอมลงรวมถึงมีสีหน้าอิดโรยราวป่วย จนกระทั่งถึงช่วงหนึ่ง เวลาก็กลับมาเดินในจังหวะปกติ
พายุฝนลูกใหญ่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง สายฟ้าฟาดผ่าลงมายังพื้นอยู่เป็นระยะ จองเซอุนมองฟ้าอย่างใจคอไม่ดี ทั้งภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่คิด แต่แล้วเขาต้องผิดหวัง เมื่อสายฟ้าเส้นหนึ่งผ่าลงบนต้นไม้ใหญ่ที่เวอร์นอนกับเฮเลนมักมานั่งเล่นด้านใต้ด้วยกันเสมอ เพียงพริบตา ต้นไม้นั้นก็ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉาน แม้จะมีสายฝนตกกระหน่ำลงมาไม่หยุด แต่ไฟนั้นก็ไม่มอดดับลงแม้แต่น้อย เวอร์นอนกู่ร้องอย่างเจ็บปวด ขณะที่เฮเลนโอบกอดตัวของมังกรหนุ่มเอาไว้ ร่างของเธอนั้นส่องแสงสีเขียวอมเหลืองเรืองรอง พร้อมกับช่วงร่างที่แตกสลายเป็นละอองแสงเล็กๆ ราวกับหิ่งห้อยอย่างช้าๆ อาจเพราะเสียงของพายุฝนดังกลบ จองเซอุนเลยไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดอะไร แต่จากน้ำตาที่ไหลเป็นทางจากหางตาของทั้งสอง บางที มันคือการจากลากันครั้งสุดท้าย
เมื่อพายุหยุดลง พร้อมกับเปลวไฟที่มอดดับ
สิ่งที่เหลือทิ้งไว้ มีเพียงต้นไม้สีเข้มเหี่ยวแห้งไร้ใบ และมังกรหนุ่มที่อยู่เพียงลำพัง
แท้จริงแล้ว ต้นไม้สูงใหญ่นั้น ก็คือร่างที่แท้จริงของเฮเลน เมื่อต้นไม้ตาย เธอก็เลยหายไป
เด็กหนุ่มผมแดงมองเวอร์นอนที่ยังคงส่งเสียงร้องเจ็บปวดอย่างน่าสงสาร พระอาทิตย์กับพระจันทร์สลับหมุนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ทำให้เห็นภาพของเวอร์นอนพยายามใช้เขาด้านหน้าของตัวเองขุดดินให้เป็นหลุม เพื่อดึงรากของต้นไม้ออกจากดิน แล้วพาเข้าไปยังแดนภูติ และหลังจากนั้น เวอร์นอนก็ไม่เคยออกจากถ้ำมาอีกเลย
“เด็กคนนี้คิดว่าแดนภูติจะช่วยให้เฮเลนกลับมาแตกหน่อผลิบานได้อีกครั้ง ก็เลยรออยู่ตรงนี้มาตลอด”
เสียงของเดวิดดังขึ้นเบาๆ จากด้านข้าง ทำให้จองเซอุนรู้สึกตัวว่าถูกดึงกลับมายังโลกความจริง
เด็กหนุ่มผมแดงกำมือแน่นด้วยสีหน้าเจ็บปวด ไม่รู้เพราะความทรงจำที่ถาโถมเข้ามานั้นมีความรู้สึกของมังกรแทรกเข้ามาด้วยหรือไม่ เขาเลยรู้สึกเจ็บปวดภายในอก อยากจะกรีดร้องออกมา รวมถึงอยากโทษทุกสิ่งบนโลกใบนี้ที่พรากเธอคนนั้นไป อีกใจก็รู้สึกปวดหน่วง ขอบตาร้อนผ่าว โหยหาอยากให้คนสำคัญได้กลับมา
อยากเจออีกครั้ง ได้โปรด พาเธอกลับมาที
เสียงของเวอร์นอนดังตรงเข้ามาในหัว มังกรหนุ่มหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน แม้ยังคงหลับใหลใต้ผลของเวทนิทรา
จองเซอุนลูบหัวของมังกรด้วยความเห็นใจ ส่วนตัวแล้วเขาไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกสูญเสียแบบนี้ ไม่เข้าใจถึงความปรารถนาและโหยหาให้กลับมา ใช่ เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อลองจินตนาการ ว่าคนที่สำคัญที่สุด คนที่เหมือนกับแสงสว่างได้หายไป หาก อิมยองมิน ได้หายไป เขาคงเจ็บปวดไม่น้อย
จองเซอุนผละออกจากเวอร์นอน หมุนตัวไปยังต้นไม้เหี่ยวแห้ง ทาบฝ่ามือลงบนลำต้น อิงแอบหน้าผากลงแนบ ทันใดนั้น ใต้ฝ่าเท้าและพื้นรอบๆ ตัวก็ปรากฏแสงเรืองรองสีฟ้า เส้นผมสีแดงของเด็กหนุ่มพลิ้วไหวน้อยๆ ตามสายลมที่พัดอ้อยอิ่ง จองเซอุนค่อยๆ หลับตาลง พร้อมอธิษฐานจากหัวใจ
ขอร้องละ ช่วยกลับมามีชีวิตอีกครั้งที
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in