เราเพิ่งสอบไฟนอลเสร็จได้ไม่กี่วัน รู้สึกเหนื่อย ๆ ไม่ค่อยอยากทำอะไรเท่าไร แต่อยู่ดี ๆ คุณป้าก็โทรมาชวนให้กลับไร่ด้วยกันสัก 2-3 วัน หนีเสียงดัง ๆ และความวุ่นวายในเมืองไปสู่ความสงบและชีวิตที่เรียบง่ายในชนบทดูบ้าง
ตอนแรกเราปฏิเสธคุณป้าไป เพราะอยากนอนอยู่เฉย ๆ ที่บ้านมากกว่า แต่ทันทีที่คุณป้าบอกว่า "แต่ที่นี่ดาวสวยนะ" เลยรีบตกลงและเตรียมเก็บกระเป๋าพร้อมออกเดินทางภายใน 3 ชั่วโมง โดยที่ไม่ลืมหยิบอุปกรณ์การถ่ายรูปต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย
เนื่องจากเราออกเดินทางกันในช่วงบ่ายของวันศุกร์ ทำให้กว่าจะไปถึงที่ไร่ก็เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เราทานข้าวเย็นกันอย่างเรียบง่ายก่อนที่จะเตรียมตัวออกไปถ่ายรูปดาวกันตอนกลางคืน ที่ผ่านมาเราเคยมีประสบการณ์ถ่ายดาวครั้งเดียวจากการไปขึ้นค่ายกับชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัย ครั้งนั้นผ่านไปได้ด้วยดีเพราะมีรุ่นพี่ช่วย แต่ในครั้งนี้เราลุยเดี่ยว แถมลองถ่ายดาวหมุนเป็นครั้งแรกด้วย ทำให้ทำพลาดไปหลายจุด แต่ก็ภูมิใจกับรูปที่ได้ออกมามาก ๆ แล้ว
ดาวหมุนครั้งแรก เปิด Bulb 30 นาที ลด iso เหลือ 100 แล้ว แต่ลืมเพิ่ม f (รูปนี้ถ่ายด้วย f/3.5 ค่ะ 55555555555) เลยต้องใช้ Lr ช่วยดึงแสงลงมา พลาดครั้งเดียวจำไปตลอดกาล
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน คุณป้าบอกเราว่าจะให้ตื่นมาช่วยผูกองุ่นในตอนเช้า แต่ไม่ได้บอกเราว่ากี่โมง เราเลยอนุมานเองว่าคงประมาณ 7-8 โมง ที่ไหนได้ โดนปลุกตั้งแต่ตี 5 เลยค่ะ 5555555555 เลยลุกจากเตียงแบบสลึมสลือพร้อมติดกล้องออกไปด้วย
เท่าที่จำได้ คุณป้าบอกว่าต้นองุ่นเป็นไม้เลื้อย ถ้าปลูกแบบไม่มีที่ให้เกาะ เขาก็จะเลื้อยไปตามพื้นดิน ซึ่งจะทำให้องุ่นโตช้า และเวลาออกผลก็จะกองอยู่ที่พื้นซึ่งไม่เหมาะกับการเก็บไปทำอะไรต่อเท่าไร จึงต้องปักไม้ค้ำเพื่อให้ต้นองุ่นมีที่เกาะ เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมเรามักเห็นต้นองุ่นเกาะอยู่กับไม้ค้ำหรือค้างองุ่นอยู่เสมอ โดยหลังจากองุ่นมีที่เกาะแล้ว เราก็ต้องควบคุมทิศทางการเลื้อยขององุ่นด้วย เพื่อให้ต้นองุ่นโตขึ้นได้อย่างเป็นระเบียบ ไม่เลื้อยลงดิน ไม่เลื้อยไปชนกัน หรือแย่งอาหารกันจนอาจทำให้โตช้าลงได้
โดยการควบคุมทิศทางการเลื้อยขององุ่นก็ทำได้จากการผูกองุ่นด้วยเทป ซึ่งก็คือสิ่งที่เรามาทำในวันนี้ วิธีก็ง่าย ๆ เพียงแค่นำเทปมาผูกกับตัวต้น และดึงไปผูกไว้กับลวดในทิศที่เราต้องการให้องุ่นเลื้อยไป
เทปที่ใช้ผูกองุ่น
องุ่นต้นแรกที่เราผูก!
องุ่นต้นที่สอง
ตอนที่ผูกองุ่น
จะสังเกตได้ว่าใบองุ่นเป็นรูเยอะมาก คุณป้าเล่าให้ฟังว่าอาทิตย์ก่อนเพิ่งมีแมลง (ที่เราจำชื่อไม่ได้) ลงมากัดใบ เลยต้องใช้อะไรสักอย่าง (ที่เราจำชื่อไม่ได้อีกแล้ว 555555555 แต่คุ้น ๆ ว่าเกี่ยวกับธรรมชาติ ไม่ได้ใช้สารเคมี) มาฉีด แมลงถึงยอมไป แต่ก็ทิ้งรูเอาไว้เต็มไปหมดเลย
แต่หลังจากผูกองุ่นเสร็จแล้ว อีกอย่างที่ต้องทำคือตัดหนวดองุ่นออก ซึ่งก็คือหนวดเขียว ๆ เล็ก ๆ ที่คอยเลื้อยเกาะไม้ค้ำหรือเกาะลวด เนื่องจากหนวดเล็ก ๆ เหล่านี้จะแย่งน้ำแย่งอาหารจากตัวต้นจริง ๆ เลยจำเป็นที่จะต้องตัดออกให้เหลือแค่ยอดอันหลักที่จะเลื้อยต่อ
หน้าที่เราหลัก ๆ ก็มีแค่นี้ เพียงแต่ต้องผูก ๆ ตัด ๆ ไปเรื่อย ๆ จนครบทุกต้น เท่านั้นเอ๊ง 555555555555 ดูเหมือนเยอะ ซึ่งจริง ๆ ก็เยอะแหละค่ะ แฮ่ แต่ทำไปทำมาก็สนุกดี หลังจากเสร็จภารกิจชาวไร่จำเป็นยามเช้าแล้ว เราก็ไปเดินเล่นถ่ายรูปรอบ ๆ ไร่ต่อ ซึ่งได้รูปออกมา ดังนี้
ดอกบัวสีชมพูที่บานแค่ตอนเช้าและหุบตอนบ่าย
ต้นมัลเบอรี่ หรืออีกชื่อคือ "ต้นหม่อน"
ต้นหม่อนมี 2 พันธุ์ พันธุ์แรกคือพันธุ์ที่ออกเป็นลูปมัลเบอรี่ นำมารับประทานได้
อีกพันธุ์คือพันธุ์ที่ใช้เลี้ยงไหม โดยใบของต้นหม่อนเป็นอาหารที่ดีสำหรับตัวไหม
พริกชี้ฟ้ากับมดแดงตัวเล็ก
ดอกอะไรที่อย่างที่เราก็ไม่รู้จักชื่อเหมือนกัน
ลูกมะเขือ
ต้นฟักทอง
ใบฟักทองที่หน้าตาเหมือนรูปหัวใจ
ดอกตะแบกจากต้นที่อยู่หน้าไร่
หลังจากนั้นเราก็ออกไปเที่ยวที่เขื่อนมูลบน นั่งรถเที่ยวรอบ ๆ อำเภอปัก แล้วค่อยกลับมาพักผ่อนที่ไร่ รูปก็หมดลงแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ และขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี
หมายเหตุ: รูปทั้งหมดถ่ายด้วยกล้อง Nikon D5600 มีเพียงรูปดาวหมุนที่ใช้คิท 18-140mm ถ่าย ส่วนรูปที่เหลือใช้ 50mm f/1.8 ค่ะ
sincerely,
themoonograph
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in