ณ บ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง กรุงลอนดอน
สหราชอาณาจักร
นี่มันกี่วันกันแล้วนะตั้งแต่ฉันอยู่ที่นี่มา.. ฉันเหม่อมองวิวของสวนที่อยู่ด้านนอกตึก ฉันรู้แค่ว่าวันนี้เป็นวันจันทร์ วันจันทร์ที่วนมาหลายต่อหลายครั้งถ้าลองนับดูดีๆ ก็น่าจะรอบที่ 112 เห็นจะได้ และถึงแม้มันจะเป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์ แต่ฉันก็ยังไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือเห็นถึงความแตกต่างของมันจากพี่น้องอีกหกวันที่เหลือเลย ฉันรู้สึกแค่ว่า วันนี้คงเป็นอีกวันที่ทุกอย่างจะค่อยๆ ผ่านไป.. นานเสียจนราวกับว่าอยากจะให้ฉันจดจำทุกช่วงวินาทีที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ความจริงมันจะไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย
“คุณยายเทเรซ่าคะ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวคะ เดี๋ยวสิบโมงเด็กๆ จะมากันแล้วนะคะ” นั่นคือเสียงของบลู หนึ่งในคนดูแลสถานที่ที่ฉันกำลังอาศัยอยู่ ณ ตอนนี้
นี่ฉันลืมไปได้อย่างไร เมื่อไม่กี่วันมานี้บลูเพิ่งบอกฉันเองว่าจะมีเด็กๆ เข้ามาที่นี่และเขาอยากให้พวกเราเป็นเพื่อน เล่นกับเด็กพวกนั้น ได้ยินมาว่าเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเหงาคนใหม่ เขาบอกว่าอยากให้เด็กได้ทักษะการใช้ชีวิตจากเราและเราก็ได้เพื่อนคุยที่เหมือนลูกเหมือนหลานด้วย.. เข้าใจคิดดีจริง บางทีวันจันทร์สัปดาห์นี้อาจจะพอมีอะไรให้น่าจดจำบ้างแล้ว
ณ ห้องส่วนกลาง บ้านพักคนชรา
เด็กเยอะกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ทุกคนดูตื่นเต้นกับสถานที่ใหม่ที่ไม่คุ้นตา สถานที่ๆ เต็มไปด้วยคนแก่จำนวนมาก ในความคิดของเด็กพวกนั้นคงคุ้นเคยกับภาพของคุณตาหรือคุณยายที่อยู่ที่บ้านคอยทำอาหารให้ทุกคน ไม่ใช่ศูนย์รวมของคนแก่ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกันทางสายเลือดแต่ต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันด้วยเหตุผลที่มีอยู่ไม่กี่ข้อ
ระหว่างที่ฉันกำลังสำรวจบรรยากาศตรงหน้าไปรอบๆ สายตาของฉันก็สะดุดกับเด็กชายคนหนึ่ง แวบหนึ่งเขาทำให้ฉันนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ฉันจึงเข้าไปทำความรู้จักแขกตัวเล็กคนนี้
“เล่นอะไรอยู่เหรอจ๊ะ” ฉันถาม
“Pokemon GO ฮะ ที่นี่มีมอนสเตอร์หายากเยอะมากเลย คุณยายอยากลองเล่นดูไหมครับ” เด็กคนนั้นตอบพร้อมชูหน้าจอโทรศัพท์ที่มีลักษณะคล้ายแผนที่ให้ฉันดู
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้นะ..
“เด็กๆ จ๊ะ ถึงเวลาทำกิจกรรมกับคุณตาคุณยายกันแล้ว ทุกคนเตรียมสิ่งของของตัวเองมากันใช่ไหมจ๊ะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ไปหาคุณตาหรือคุณยายที่อยากจับคู่ด้วยได้เลยจ่ะ” เสียงของบลูดังขึ้นก่อนที่ฉันจะตอบเด็กน้อยคนนั้น
แย่ละสิ นี่ฉันต้องแก่มากจนลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่ต้องเตรียมสิ่งของมา ฉันเองก็ต้องเตรียมสำหรับแลกเปลี่ยนกัน.. ลองดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน
“หนูอยากคู่กับฉันไหมจ๊ะ” ฉันหันไปถามเด็กชายที่ยังคงจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์ของเขา
“ได้สิฮะ” เด็กชายตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองฉัน
“อะแฮ่ม” ฉันกระแอมเสียงเพื่อให้เด็กคนนั้นรู้ตัว
“ขอโทษครับคุณยาย เก็บมอนสเตอร์เสร็จพอดีเลยครับ”
ฉันเริ่มสงสัยว่าเกมที่เด็กคนนี้เล่นมันมีดีอะไร นอกจากการเล่นสนุกทิ้งเวลาไปเปล่าๆ ฉันจึงถามออกไป
“เกมนี้มันสนุกอย่างไรเหรอจ๊ะ ฉันเห็นหนูเล่นตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว”
“ผมชอบปิกาจูครับ แล้วก็มอนสเตอร์ตัวอื่นๆ ด้วย มันน่ารักครับ” เด็กชายตอบ
น่ารักเหรอ.. เด็กนี่ไม่ซับซ้อนดีจริง คิดอะไรอยู่ก็พูดออกมาเลย แต่ฉันก็ยังไม่เห็นข้อดีของมันอยู่ดี
“เรามาแลกของกันเลยดีไหมครับ” เด็กน้อยว่าพลางชูพวงกุญแจตัวการ์ตูนสีเหลืองมาให้ฉัน เจ้าตัวนี้มันหน้าคุ้นๆ แปลกๆ ฉันจึงเอ่ยถาม
“นี่ตัวเดียวกับที่หนูเล่นในเกมเมื่อกี้ใช่ไหมจ๊ะ”
“ใช่ครับ ผมชอบปิกาจูมากเลย” เขาตอบพร้อมยิ้มกว้างให้ฉัน “คุณแม่ให้เป็นรางวัลปลอบใจที่ผมทำคะแนนสอบที่โรงเรียนไม่ค่อยดีครับ”
แปลกจริงๆ ทำอย่างนี้เด็กจะไม่ยิ่งได้ใจหรือไง ฉันจึงถามต่อ
“งั้นหรือจ๊ะ คุณแม่หนูนี่เป็นคนใจดีจังเลยนะ”
“ท่านใจดีที่สุดเลยครับ ทีแรกผมก็กลัวครับเพราะผมไม่เคยทำคะแนนได้แย่เท่านี้มาก่อน แต่คุณแม่ก็ไม่โกรธเลย แต่ท่านกลับพาผมไปซื้อเจ้าพวงกุญแจอันนี้มาแล้วบอกผมว่าครั้งหน้าผมจะต้องทำได้แน่นอน.. มันเป็นของที่มีความทรงจำที่ดีต่อผมมาก ผมเลยเอามันมาด้วยวันนี้ครับ” เด็กคนนั้นเล่าไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
.. เรื่องราวในอดีตหวนกลับเข้ามาในความทรงจำของฉันอีกครั้ง ทำไมมันช่างตรงกันข้ามเสียเช่นนี้นะ
“คุณยายมีอะไรมาแลกกับผมรึเปล่าครับ” เสียงของเด็กน้อยเรียกสติฉันกลับมา
จริงสิ ฉันยังเก็บมันไว้นี่หน่า
“มีสิจ๊ะ รอสักแปปนะ” ฉันตอบก่อนจะเดินเข้าไปค้นหา อะไรบางอย่าง ที่ฉันไม่คิดว่าจะได้หยิบมันขึ้นมาอีก
“นี่จ๊ะ” ฉันตอบพลางยื่นสิ่งของทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปให้เขา
“โห มีปิกาจูด้วย ไหนคุณยายว่าไม่รู้จักไงครับ นี่โปเกม่อนทั้งเรื่องเลยนะครับ” ฉันเห็นแววตาเป็นประกายและน้ำเสียงที่ตื่นเต้นของเด็กคนนั้น เขาถามฉันพลางสำรวจวัตถุสี่เหลี่ยมข้างหน้าไปด้วย “ว่าแต่ มันคืออะไรเหรอครับ”
“มันคือเกมกดจ๊ะ เป็นเกมที่มีมาก่อนจะเป็นเกมแบบในโทรศัพท์ที่หนูเล่นอีกนะ ยายเห็นมันมีสติกเกอร์การ์ตูนแบบเดียวกับที่หนูชอบเลยนึกขึ้นได้จ่ะ ..รับไว้สิจ๊ะ” ฉันว่าพลางยื่นเกมสี่เหลี่ยมไปให้เด็กที่อยู่ตรงหน้า
“คุณยายเล่นเกมด้วยเหรอครับ ทันสมัยจังเลย” เด็กน้อยเอ่ยถาม
“อ๋อ ไม่ใช่ของฉันหรอก ฉันแค่เก็บมันเอาไว้.. นานมากแล้ว” ฉันตอบ
_________
“เอาล่ะจ่ะเด็กๆ.. คงได้พูดคุยและแลกสิ่งของกับคุณตาคุณยายกันเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ น่าเสียดายที่วันนี้เวลาหมดแล้ว ใครที่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่มารับสามารถคุยกับคุณตาคุณยายต่อหรือเล่นกับเพื่อนๆ รอในบ้านพักได้นะจ๊ะ หวังว่าวันนี้ทุกคนคงได้ฟังเรื่องเล่ามากมายจากคุณตาคุณยายกันนะจ๊ะ อย่าลืมเก็บไปเล่าให้คุณพ่อคุณแม่หรือคุณครูฟังกันนะจ๊ะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกจ้ะ” เสียงของบลูดังขึ้นพอดี ทำให้ฉันต้องบอกลาเจ้าตัวเล็กตรงหน้า
“กลับบ้านดีๆ นะจ๊ะ ขอบคุณสำหรับพวงกุญแจนี่ด้วย ฉันจะเก็บมันไว้ให้ดีเลย”
“...” เด็กน้อยเงียบไปครู่หนึ่ง “คุณยายให้เกมผมจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ เผื่อเจ้าของจะอยากได้มันคืนอยู่”
ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเช่นกัน “ไม่เป็นไรจ๊ะ หนูเอาไปได้เลย เจ้าของเขาคงจะไม่มาเอามันคืนไปแล้ว.. แต่หนูต้องสัญญากับฉันนะว่าจะดูแลมันให้ดี” ฉันยิ้มตอบโดยแฝงนัยน์ตาแห่งความเศร้าเอาไว้
“ผมจะดูแลมันอย่างดีเลยครับ ขอบคุณมากนะครับ ..อ๊ะ! คุณแม่มาแล้ว ผมกลับก่อนนะครับคุณยาย ไว้เจอกันใหม่นะครับ” เด็กน้อยโบกมือลาฉันพร้อมรอยยิ้มสดใส .. ถ้าได้พบอีกก็คงดีสินะ
_______
ฉันกลับมานั่งที่ที่ตอนเช้านั่งมองวิวของสวนจากหน้าต่าง บัดนี้แสงจากดวงอาทิตย์เริ่มทำให้ต้นไม้มีสีที่ชัดขึ้น วันนี้ผ่านไปเร็วกว่าทุกวัน คงเพราะเด็กคนนั้น ความสดใสของเด็กนี่มันดีจริงๆ ทำฉันได้รับพลังงานนั้นไปด้วยจนลืมเวลาไป จะว่าไปคงเพราะสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ด้วยละมั้ง ที่ทำให้เขาเป็นเด็กที่ไร้เดียงสาเช่นนั้น แน่ล่ะ แม่เขาออกจะใจดีขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่การสปอยจนเกินไป ฉันชื่นชมเธอนะ เธอทำหน้าที่นั้นได้ดีกว่าฉันมาก
“เป็นไงบ้างคะคุณยายเทเรซ่า หนูเห็นคุยกับน้องตั้งนานสองนาน วันนี้ไม่น่าเบื่อแล้วใช่ไหมคะ” บลูนั่นเอง
“เขาน่ารักดีนะ ได้คุยกับเด็กๆ บ้างทำฉันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลย” ฉันตอบพลางยิ้มน้อยๆ
“นี่นโยบายของรัฐมนตรีคนใหม่ใช่ไหม ไม่เลวเลยนะ ฉันชักอยากให้มีอีกเร็วๆ ซะแล้วสิ”
“หนูนึกว่าคุณยายทราบแล้วเสียอีกว่าใครคือรัฐมนตรีคนใหม่ของกระทรวงความเหงา” บลูกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความแปลกใจ
“ใครหรือจ๊ะ” ฉันถามอย่างไม่รู้จริงๆ เพราะเลิกสนใจข่าวคราวไปสักพักแล้ว
“เทรสัน เคราช์ ค่ะ”
ฉันนิ่งไปชั่วขณะ นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้ยินชื่อนี้หรือแม้กระทั่งใบหน้าของเขาที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลาเนิ่นนาน.. ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงไม่เข้าใจและไม่คิดจะเข้าใจเขาด้วย แต่ตอนนี้ฉันว่าฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมฉันถึงต้องมาอยู่ที่สถานที่แห่งนี้แทนที่จะเป็น คุณยาย ที่ดูแลหลานๆ และทำอาหารให้กับทุกคนในบ้าน
*เรื่องสั้นเรื่องนี้มีเค้าโครงบางส่วนมาจาก โรงเรียนอนุบาลในบ้านพักคนชราทางเลือกใหม่คลายเหงาสำหรับไม้ใกล้ฝั่งชาวอังกฤษ โดย ณัฐวุฒิ เผ่าทวี
วัตถุดิบที่ใช้
1. บทความเรื่อง โรงเรียนอนุบาลในบ้านพักคนชราทางเลือกใหม่คลายเหงาสำหรับไม้ใกล้ฝั่งชาวอังกฤษ นำความรู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาของผู้สูงอายุที่ต้องอยู่บ้านพักคนชรามาสื่อถึงการถูกทอดทิ้งและใช้ฉากเป็นประเทศอังกฤษ รวมถึงใช้นโยบายคลายความเหงาของกระทรวงความเหงาที่มีอยู่จริงในอังกฤษมาผูกกับเรื่องล้อชื่อตัวละคร “เทรสัน เคราช์” กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความเหงา (Minister of Loneliness) เทรซีย์ เคราช์ (Tracey Crouch)
2. ตัวบทเรื่อง หลังม่าน ใช้การที่ตัวละครในเรื่องไม่เห็นคุณค่าของความรักที่ตนไม่ได้ต้องการ มาประกอบเป็นสาเหตุที่เทเรซ่าต้องถูกทิ้งให้อยู่บ้านพักคนชราเพราะลูกชายของเธอไม่ได้ต้องการความรักที่มาในรูปแบบของการกดดันจากเธอ จนท้ายที่สุดเมื่อเขามีโอกาสเขาจึงทิ้งเธอไป
3. รูปถ่าย Nintendo จาก ธัญชิตา แสงโชติกุล ใช้เป็นเกมกดที่เทเรซ่ามอบให้เด็กอนุบาล
ผลงานสืบเนื่องจากวิชาศิลปะการเขียนร้อยแก้ว
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562
โดย ชนัญญา เมธมโนศักดิ์ นิสิตอักษรศาสตร์ เอกภาษาไทย ชั้นปีที่ 3
อ้างอิงรูปภาพ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in