06.24.2016
“ แม้กระทั่งในความเงียบ ยังคงมีเสียงหนึ่งที่ทำงานอย่างหนักหน่วง มันคือเสียงของความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจ น่าแปลกที่มันดังเสียจนทำให้คุณร้องไห้ออกมา เขาว่ากันว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์เจ็บปวดมากที่สุดไม่ได้เกิดจากโรคร้ายหรือบาดแผลที่มองเห็น แต่กลับเป็นคำพูดและการแสดงออกที่กรีดลึกลงไปข้างใน สร้างรอยร้าวและบาดแผลที่มองไม่เห็นเอาไว้ต่างหาก นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด
ผู้คนมากมายเคยตั้งคำถามว่าเวลาช่วยอะไรได้บ้างไหม? คำตอบคือ ใช่— ช่วยได้
แต่สิ่งหนึ่งที่ควรรู้เอาไว้คือเวลาไม่ได้ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันแค่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นในทิศทางที่มันควรจะเป็นก็เท่านั้น และคนที่ควรขอบคุณมากที่สุดก็คือตัวเอง ขอบคุณตัวเองซะที่ก้าวผ่านช่วงเวลาเลวร้ายอย่างนั้นได้ และทำให้ตัวเองเข้มแข็ง ไม่แปลกหรอกที่คนเราจะมีมุมอ่อนแอในเมื่อพระเจ้าสร้างจุดอ่อนให้มนุษย์ทุกคน แม้แต่คนที่แข็งแรงที่สุดในโลกยังมีจุดอ่อนของตนเองเช่นกัน
หลายคนบอกว่าความรู้สึกก็เหมือนแก้วใบหนึ่ง เมื่อแตกไปแล้วหากคุณนำมันกลับมาซ่อมแซมอีกครั้ง รอยร้าวของมันยังคงอยู่ หรือบางคนอาจพูดติดตลกว่าในเมื่อใบเดิมมันแตกก็หาซื้อใบใหม่ไปเลยสิจะยากอะไรกัน ฟังดูแล้วทำได้ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และถ้าเขาเจอเหตุการณ์ที่ทำให้แก้วแตกบ้างก็คงอยากถามกลับเหมือนกัน ทำไมไม่หาแก้วใบใหม่ล่ะ จะยากอะไร
บางครั้งคนเราก็ยังเอาแต่มองแก้วใบเดิมที่มีแต่รอยร้าวเต็มไปหมดเพราะกลัวกับการตามหาแก้วใบใหม่ มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาอีกเหมือนกัน ยากจริงๆ กับการที่จะตามหาแก้วใบใหม่ที่ถูกใจ ไม่แปลกที่คนมักจะจมปรักอยู่กับสิ่งเดิมเพราะความรู้สึกนั้นทำให้พวกเขาเจ็บจนชินชาและจนกระทั่งอยู่ร่วมกับมันได้เหมือนเพื่อนสนิท เหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ท้ายที่สุดแล้วผู้คนเหล่านั้นก็คือคนไร้ความรู้สึก
มีอยู่จริง— กับคนที่มองโลกทุกอย่างเป็นโทนเดียว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ฤดูก็ตาม เขายังคงอยู่ในฤดูแห่งความโดดเดี่ยวของตัวเอง ไม่ได้ปิดตายในเรื่องหัวใจ แต่เป็นเพราะไม่มีใครเข้ามาแทนที่คนที่เคยเป็นเจ้าของมันได้ต่างหาก ใช่ว่าไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ แต่จะทำยังไงในเมื่อของเก่ายังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึกไม่ว่าเวลามันจะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม
การก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเป็นเรื่องที่ดี แต่หลายคนก็ยังคงนำพาเรื่องพวกนั้นก้าวเดินไปด้วยกัน เรียกว่าเป็นพวกยึดติดอย่างแท้จริงก็น่าจะถูก คนประเภทนั้นทนฟังคำสั่งสอนจากปากคนมาไม่รู้เท่าไหร่ ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ เขาลองมาหมดแล้วต่างหากแต่ไม่ได้ผล นั่นก็เลยถือเป็นด้านสีเทาหม่นของชีวิตอย่างแท้จริง เพราะบางครั้งแก้วใบเดิมที่พวกเขานำติดตัวไปด้วยทุกก้าวเดิน อาจเป็นความสุขเพียงชิ้นเดียวที่เขามี ”
คิมจงอิน
ชื่อของผมน่าฟังที่สุดตอนที่คุณเป็นคนพูด
note ;
บทความนี้คัดลอกมาจากฟิกชั่นเรื่องหนึ่งที่เราเคยแต่งเอาไว้ เป็นเรื่องที่เราภูมิใจมากๆ และไม่คิดจะแปลงให้เป็นอย่างอื่นจึงเขียนชื่อเขากำกับเอาไว้ด้วย เพราะอะไร— ก็เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในงานชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in