เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SOMEWHERE ONLY I KNOWmrbrsd94
ความเงียบ และ แก้วที่แตกไปแล้ว
  • 06.24.2016

     

    “ แม้กระทั่งในความเงียบ ยังคงมีเสียงหนึ่งที่ทำงานอย่างหนักหน่วง มันคือเสียงของความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจ น่าแปลกที่มันดังเสียจนทำให้คุณร้องไห้ออกมา เขาว่ากันว่าสิ่งที่ทำให้มนุษย์เจ็บปวดมากที่สุดไม่ได้เกิดจากโรคร้ายหรือบาดแผลที่มองเห็น แต่กลับเป็นคำพูดและการแสดงออกที่กรีดลึกลงไปข้างใน สร้างรอยร้าวและบาดแผลที่มองไม่เห็นเอาไว้ต่างหาก นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

    ผู้คนมากมายเคยตั้งคำถามว่าเวลาช่วยอะไรได้บ้างไหม? คำตอบคือ ใช่— ช่วยได้

    แต่สิ่งหนึ่งที่ควรรู้เอาไว้คือเวลาไม่ได้ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันแค่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นในทิศทางที่มันควรจะเป็นก็เท่านั้น และคนที่ควรขอบคุณมากที่สุดก็คือตัวเอง ขอบคุณตัวเองซะที่ก้าวผ่านช่วงเวลาเลวร้ายอย่างนั้นได้ และทำให้ตัวเองเข้มแข็ง ไม่แปลกหรอกที่คนเราจะมีมุมอ่อนแอในเมื่อพระเจ้าสร้างจุดอ่อนให้มนุษย์ทุกคน แม้แต่คนที่แข็งแรงที่สุดในโลกยังมีจุดอ่อนของตนเองเช่นกัน

    หลายคนบอกว่าความรู้สึกก็เหมือนแก้วใบหนึ่ง เมื่อแตกไปแล้วหากคุณนำมันกลับมาซ่อมแซมอีกครั้ง รอยร้าวของมันยังคงอยู่ หรือบางคนอาจพูดติดตลกว่าในเมื่อใบเดิมมันแตกก็หาซื้อใบใหม่ไปเลยสิจะยากอะไรกัน ฟังดูแล้วทำได้ง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และถ้าเขาเจอเหตุการณ์ที่ทำให้แก้วแตกบ้างก็คงอยากถามกลับเหมือนกัน ทำไมไม่หาแก้วใบใหม่ล่ะ จะยากอะไร

    บางครั้งคนเราก็ยังเอาแต่มองแก้วใบเดิมที่มีแต่รอยร้าวเต็มไปหมดเพราะกลัวกับการตามหาแก้วใบใหม่ มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาอีกเหมือนกัน ยากจริงๆ กับการที่จะตามหาแก้วใบใหม่ที่ถูกใจ ไม่แปลกที่คนมักจะจมปรักอยู่กับสิ่งเดิมเพราะความรู้สึกนั้นทำให้พวกเขาเจ็บจนชินชาและจนกระทั่งอยู่ร่วมกับมันได้เหมือนเพื่อนสนิท เหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ท้ายที่สุดแล้วผู้คนเหล่านั้นก็คือคนไร้ความรู้สึก

    มีอยู่จริง— กับคนที่มองโลกทุกอย่างเป็นโทนเดียว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ฤดูก็ตาม เขายังคงอยู่ในฤดูแห่งความโดดเดี่ยวของตัวเอง ไม่ได้ปิดตายในเรื่องหัวใจ แต่เป็นเพราะไม่มีใครเข้ามาแทนที่คนที่เคยเป็นเจ้าของมันได้ต่างหาก ใช่ว่าไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆ แต่จะทำยังไงในเมื่อของเก่ายังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึกไม่ว่าเวลามันจะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม

    การก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเป็นเรื่องที่ดี แต่หลายคนก็ยังคงนำพาเรื่องพวกนั้นก้าวเดินไปด้วยกัน เรียกว่าเป็นพวกยึดติดอย่างแท้จริงก็น่าจะถูก คนประเภทนั้นทนฟังคำสั่งสอนจากปากคนมาไม่รู้เท่าไหร่ ใช่ว่าเขาไม่เคยทำ เขาลองมาหมดแล้วต่างหากแต่ไม่ได้ผล นั่นก็เลยถือเป็นด้านสีเทาหม่นของชีวิตอย่างแท้จริง เพราะบางครั้งแก้วใบเดิมที่พวกเขานำติดตัวไปด้วยทุกก้าวเดิน อาจเป็นความสุขเพียงชิ้นเดียวที่เขามี ”               

     

    คิมจงอิน

    ชื่อของผมน่าฟังที่สุดตอนที่คุณเป็นคนพูด



    note ; 

    บทความนี้คัดลอกมาจากฟิกชั่นเรื่องหนึ่งที่เราเคยแต่งเอาไว้ เป็นเรื่องที่เราภูมิใจมากๆ และไม่คิดจะแปลงให้เป็นอย่างอื่นจึงเขียนชื่อเขากำกับเอาไว้ด้วย เพราะอะไร— ก็เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจในงานชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน 



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
six0day_ (@six0day_)
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เห็นผลงานของคุณมิ้นในนี้อีก รู้ตัวอีกทีเราก็ตามผลงานของคุณมาเรื่อยๆ ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าเราเคยชื่นชมIn the depth of serenityแล้วก็ให้กำลังใจคุณมิ้นในทวิตไปแล้ว วันนี้ได้กลับมาอ่านบทความนี้อีกครั้ง เราคิดว่างานของคุณมิ้นส่งผลกระทบทางความรู้สึกของเราอย่างร้ายกาจเสมอๆเลยค่ะ แต่ละบรรทัด แต่ละบทมันreflectชีวิต แล้วก็ความคิดเยอะมากๆ เราจมอยู่กับตัวอักษรอยู่นานพอตัว เราจะขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ไปจนคุณมิ้นเบื่อเลยหล่ะค่ะ ขอบคุณที่ใส่ในในทุกตัวอักษร ถ่ายทอดออกมาได้อย่างชัดเจนนะคะ เป็นเป็นกำลังใจอยู่เสมอ :)