เสียงลั่นของไฟแช็คดึงความสนใจผมไปที่เรียวปากซึ่งกำลังสูดเอาทุกสัมผัสของตัวยาในบุหรี่อัดเข้าไปในปาก ผ่านไปถึงปอด ระบายออกมาเป็นมุ้งควันสีขาวล้อมกรอบใบหน้าเรียวอันมีรูปตาโดดเด่น ราวกับต้องมนต์สะกด ผมคิดว่าคืนนี้จะต้องไม่จบลงอย่างง่ายดายเพียงแค่เธอเดินจากไป
เธอยืนอยู่หน้าร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น สวมชุดสีแดงสดตัดกับบรรยากาศโดยรอบราวกับคนละโลก แต่สีนั้นขับให้ผิวสีเหลืองตามธรรมชาติของคนไทยสะพรั่งไปทั้งตัว ริมฝีปากสีเดียวกันนั้นหันมาถามผม "อยากรบกวนสักตัวไหมคะ?" พร้อมยื่นซองบุหรี่ในมือส่งมา
แท้จริงแล้วผมมีของผมเหลืออยู่กว่าครึ่งซอง ทว่าไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้สัมผัสกับปลายนิ้วกรีดกรายนั่น จึงเอื้อมมือเข้าไปหยิบมาอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วเราสัมผัสชั่วครู่ ทว่าดั่งเนิ่นนาน รู้สึกตัวอีกที เธอก็มายืนตรงหน้าผม พร้อมยื่นหน้ามาต่อไฟให้กับเจ้าท่อนิโคตินน้อยบริสุทธิ์ซึ่งคาอยู่ระหว่างฝีปากบนและล่าง
ผมไม่อยากที่จะฝืนสูดไอมะเร็งเข้าไปเร็วนักเลย เพราะไม่อยากให้ดวงตาคมคู่นั้นผละจากไป ทว่าด้วยประสบการณ์ หากผมเล่นหูเล่นตา หรือเล่นตัวมากเกิน ผมจะเสียแต้มอย่างรวดเร็ว และตอนนี้เธอถือคะแนนเหนือกว่าอย่างมากในสายตาของผม ฉะนั้นการไม่เสียเวลาต่อไฟให้นานนัก แต่ไปต่อที่ "อย่างอื่น" อาจจะน่าสุนทรีย์กว่า
เพราะประกายไฟที่ผมอยากจุดไม่ใช่ที่ปลายบุหรี่ของผม
แต่เป็นประกายไฟในเรือนร่างภายใต้ชุดสีแดงฉานนั้นต่างหาก
บุหรี่น่ะจะหาซื้อ หาจุดไม่ได้ยากนักหรอก แต่ของอย่างหล่อนนี้สิ เหมือนหนังสือภาษากรีกที่ผมอ่านไม่ออก แต่มีคนเล่าว่ามันเลิศรสวรรณกรรม เมื่อเห็นว่าผมสามารถจุดบุหรี่ติดได้แล้ว เธอจึงถอยหลังออกไปในจังหวะที่ผมดึงพาหนะของยมทูตออกจากปาก และปล่อยควันสีขาวดังควันจากเตาเผาศพพวยพุ่งไปในอากาศ
ผมลอบมองเธอเพื่อสรรหาเรื่องราวจะเริ่มสนทนา การได้เห็นสาวชุดสีเพลิงออกมาเดินเล่นบนถนนในย่านชุมชนคนญี่ปุ่น ทำให้ผมคิดถึงปลาทองในโหลแก้วที่สาวโอยรัน หรือโสเภณีหญิงชอบเลี้ยงจนกลายเป็นสัญลักษณ์เปรียบเปรยถึงพวกเธอในบทกวีบ่อยครั้ง เมื่อพิศดีๆ บนเค้าความสวยงามของเธอนั้น แฝงไว้ด้วยความอิดโรยและบรรยากาศที่อ่อนล้าเศร้าสร้อย
"มาคนเดียวเหรอคะ?" เธอถาม อีกแล้ว...ผมปล่อยให้เธอรุกผมได้อีกแล้ว
"ครับ" ผมปดหน้าด้านๆ แม้จะมีเพื่อนฝูงโบกมือโบกไม้ไล่ให้กลับเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วผ่านกระจกใส "คุณล่ะ?"
"เพิ่งผ่านมาจากงานแต่งคนรู้จัก ว่าจะแวะชิบเบียร์แปลกๆ ที่นี่ แต่อยากบุหรี่ซะก่อนค่ะ"
ผมรีบขัดทันใด "ถ้าหมายถึงของที่แปะโฆษณากันอยู่ มันไม่ได้ดีอย่างที่เค้าพูดกันหรอกครับ"
"แล้วคุณล่ะ...ดีเหมือนยี่ห้อของเสื้อผ้ารองเท้าที่คุณสวมใส่ไหม?"
ผมไม่ตอบ ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แค่ปากไม่ว่าง ผมฮุบริมฝีปากเธออย่างกระหาย ในเมื่อเธออยากทราบรสชาติ ผมจึงให้เธอได้ชิม และเล็มจนลืมเสียสิ้นว่ายืนอยู่ตรงไหน ผมรวบลมหายใจที่เล็ดลอดจากคราบลิปสติกนั่นราวกับปลาขาดน้ำ แต่เธอใจเย็นกว่ามาก เพราะยังมีอารมณ์ขยี้ดับก้นบุหรี่กับราวกั้นอะไรแถวนั้นได้อยู่ ก่อนจะยกมือขึ้นประคองซีกหน้าผม "คุณจะทำลิปสติกฉันหายหมด"
"งั้นผมจะพาคุณไปแต่งหน้าซะใหม่"
"ที่ไหนดี? บ้านฉันหรือที่ของคุณ?"
พระเจ้า! ผมไม่เคย 'ได้' อะไรแบบนี้กลับบ้านอย่างง่ายดายเช่นนี้ ราวกับผมเดินไปตลาดสด เลือกเนื้อชิ้นที่ดีที่สุด แต่มาในราคาที่ถูกกว่าค่าตัวแบบเดียวกันในห้างสรรพสินค้าเป็นเท่าตัว เหมือนกับเธอเองก็จังหวะเช่นนี้เหมือนกัน
มันจบลงที่ห้องของเธอซึ่งอยู่ไม่ไกล เธอเปิดประตูเชิญให้ผมเข้าไปในทุ่งของความมืด ก่อนไฟจะถูกเปิดให้สว่าง เธอทิ้งอะไรบางอย่างลงไปในโหลใส่น้ำเหนือตู้รองเท้า ผมเหลือบเห็นพืชน้ำกับทรงของภาชนะจึงอนุมานว่าเธอคงเลี้ยงปลาทองเป็นเพื่อนสาวโสด
ผู้หญิงที่เหมือนปลาทอง
กับการเลี้ยงปลาทองจริงๆ
บางทีผมก็เริ่มกลัวการเปรียบเปรยอนุมานของตนเอง
แต่อย่างไรเสีย ถ้าเธอเป็นปลาทอง คงเป็นตัวสวยที่สุดจากในตู้ที่แออัด สีแดงจัดจ้านอันผมได้มาอย่างไม่ลำบากนัก และแม้คืนนี้จะได้ครอบครอง ผมก็คงจะปล่อยเธอไว้ในโหล และหาตัวใหม่มาเพิ่มเติมได้อีกถ้าเบื่อ ผมไม่ต้องการรู้ชื่อเธอ ที่อยากรู้คงมีเพียงหลังจากปลดเสื้อเธอออกจะมองเห็นอะไรบ้าง
เธอเดินตามเข้ามา ผมไม่ได้เอาสายตาไปสอดส่องหาอะไรในนั้นมาก นอกจากเตียงนอน โอบอุ้มและพากันเล้าโลมกันไปจนทิ้งตัวลงบนฟูกหนานุ่ม คราแรกเธอทาบทับอยู่บนตัวผม ก่อนจะถูกพลิกตัวกดลงไปจมกับกองผ้าฝ้ายที่ยับยน ริมฝีปากสีแดงแย้มยิ้มอยู่ภายใต้เส้นผมสีน้ำตาลซึ่งยุ่งเหยิงปรกลงมาจากตอนที่ผมพลิกตัวเธอลงเพื่อปลดพันธนาการทั้งหลายทั้งปวง เธอเองก็ใช่ว่าจะนิ่งเฉย หากแต่แข่งกันปลดปราการออกจากตัวผมเช่นกัน จนในที่สุดเราสองก็เปล่าเปลิือยและแทะเลียกันไปถ้วนทั่ว
เธอสะพรั่งไปทั้งตัว เว้นแต่บริเวณเหนือสะโพกตรงหน้าท้องที่มีรอยสักปลาทอง ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในเรื่องสั้นหรือนิยายสักเรื่องที่ทุกอย่างดูเหมาะเจาะกันไปหมดอย่างถูกวางแผนเอาไว้ ราวกับคืนนี้เราจะต้องได้เจอกัน
เธอจะเป็นปลาทองตัวที่สวยที่สุด
เธอจะถูกผมเลือก
และสุดท้ายผมจะได้ครอบครองเธอ
ทุกอย่างพอดีกันราวฟ้าบันดาล
ผมขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลิขิตให้ผมได้เธอในวันนี้
ยามผมครอบครองเธอ รุกล้ำเข้าไปในโพรงถ้ำอันลึกล้ำ ผมจินตนาการเสียว่าผมเองก็เหมือนปลาทองตัวหนึ่งซึ่งมุดเข้าอุโมงค์หลบภัยในโหล แหวกว่ายผ่านกอสาหร่ายเพื่อไปหาท่อออกซิเจนด้วยปรารถนาในความปิติอย่างสูงสุด จนกระทั่งผมได้ยินเสียงแหวกผิวน้ำและตกใจจนปลดเปลื้องทุกอารมณ์ออกมาในคราวเดียว
เสร็จสมอารมณ์หมาย ผมไม่รู้ชื่อเธอ เธอไม่รู้ชื่อผม ไม่คิดจะถามด้วย แวบหนึ่งผมก็อยากขอช่องทางติดต่อกันไว้ อย่างที่บอก...ผมคิดว่าเธอเป็นปลาทองที่สวยที่สุดในตู้ และผมก็ยังอยากเชยชมเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้เบื่อ
"สายแล้ว คุณเข้างานกี่โมง?" เธอถามขึ้นเมื่อควานหานาฬิกาข้อมือของผมเจอ ซึ่งจริงๆ เธออาศัยดูเวลาจากในมือถือซึ่งอยู่บนหัวเตียงเสียก็ได้ เหมือนผีหลอก มีเสียงสั่นครืดคราดดังขึ้นตอนที่ผมตอบกลับไป
"วันนี้ผมไม่เข้างาน"
"แต่ฉันมีนัดอีกสองชม.ข้างหน้า" เสียงเธอเรียบเย็นเมื่อหยิบมือถือมาดู วางมันลง และเปลี่ยนไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ "อย่างน้อยเดี๋ยวให้ฉันลงไปส่งชั้นล่างแล้วกัน"
ผมแต่งตัวรอเธอ เธอสวมกางเกงขาสั้นใต้เสื้อนอนตัวโคร่งอย่างลวกๆ แสงแดดจัดจ้าที่ส่องกระทบกระจกผ่านเข้ามาทำให้เธอดูเหมือนภาพฝันมากกว่าความเป็นจริง แม้ในขณะที่เธอยื่นบุหรี่ให้ผมได้ชิมหนึ่งคำ แล้วดึงกลับไปรวบนิโคตินส่วนสุดท้ายเข้าปอด จนตอนนี้เธอพาผมเดินมาถึงหน้าประตู แล้วโยนก้นบุหรี่ลงไปในโหลแก้วอย่างไม่แยแส!
"เอ้า ไปสิ" เธอเร่งผม ผมที่เดินเหมือนยังตื่นไม่เต็มที่ ในหัวมีแต่การพยายามนึกถึงโหลปลาทองอันนั้น พร้อมกับการตายของบุหรี่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอทิ้งบุหรี่ลงในโหลปลาทอง แล้วปลาล่ะ? หรือแท้จริงแล้วมันเป็นเพียงโหลเปล่าแต่แรกที่ไม่มีปลา เพียงแค่จัดพื้นที่ไว้รอให้มีเวลาที่ปลาจะได้มาหย่อนตัวลงไปอาศัยถาวรสักวัน
ผมคิดเช่นนี้ตลอดเวลาในลิฟต์ที่เคลื่อนตัวลง ภาพของโหลปลาทองที่มีปลาทองหรืออาจจะไม่มี พร้อมกับจังหวะที่ก้นบุหรี่...ก้นบุหรี่! ผมมองเห็นมันลงไปนอนตายในโหลอย่างแจ่มชัด เพียงแต่ผมไม่เห็นปลาทองในโหล
และเมื่อลิฟต์เปิด ผมจึงได้หันมาพิศใบหน้านั้น...ใบหน้าที่ไร้การตกแต่งใดๆ รวมถึงบรรยากาศของล็อบบี้ซึ่งคุ้นตาดี เธอโบกมิือโบกไม้จากในลิฟต์ เร่งเร้าให้ผมเดินไปข้างหน้าต่อ ทว่าในหัวผมสับสนไปหมด
ผมยืนอยู่ในโซนอพาร์ตเมนต์ของตนเอง เพียงแต่อยู่กันคนละตึก ผมอ่านปากของเธอซึ่งเหมือนจะบอกผมว่า 'ตึกคุณอยู่ข้างหน้า' ผมตะลึงงัน เธอนั่นเอง...เธอคือผู้หญิงที่ผมเดินสวนผ่านโดยไม่เคยใส่ใจ เพราะริมฝีปากและเรือนร่างนั้นไม่ได้ประกอบอยู่ในชุดสีแดงแบบเมื่อคืน เพียงแต่เปล่าเปลือยและตกแต่งอยู่ในเครื่องแบบพนักงานซึ่งไม่สะดุดตา
ก่อนที่ลิฟต์จะปิดตัวลง ผมเห็นเธอยกมือถือขึ้นมา กรอกคำพูดที่ประกอบด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญกึ่งรังเกียจที่จะกล่าวเรียงเป็นประโยคลงไป สิ่งที่ผู้หญิงส่วนมากมักจะเป็นแต่ลืมสังเกตคือ...เมื่อคุยกับเพื่อนสาวที่ถูกคอ พวกเธอจะเสียงดังขึ้น
"เออ ชั้นได้ล่ะ อีคนที่แกบอกว่างานดีตึกเอ ล่อง่ายชิบหายแค่บุหรี่ตัวเดียว"
สิ่งที่ผู้หญิงส่วนมากมักจะเป็นแต่ลืมสังเกตคือ...เมื่อคุยกับเพื่อนสาวที่ถูกคอ พวกเธอจะเสียงดังขึ้น แต่สิ่งที่ผู้ชายส่วนมากอย่างผมมักจะเป็นแต่ลืมสังเกตคือ...การมองผู้หญิงสวย แต่ลืมพิจารณารายละเอียดที่อยู่ภายใต้หน้ากากเครื่องสำอาง
ตอนนั้นผมไม่คิดถึงว่ามีปลาทองในโหลนั้นอีกหรือไม่ แต่ผมรู้ว่าที่ก้นพื้นกรวดในโหล มีความตายของบุหรี่...อันผมไม่สามารถประมาณจำนวนของมันได้
ความตายของบุหรี่ในโหลปลาทอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in