- Warning Y content -
Pairing : Scorpius H. Malfoy x Albus S. Potter
Genre : Romance
Rate : PG-13 (ใสๆ น่ารัก)
—————————————
สกอเปียสเผลอตัวถอนหายใจออกมา เมื่อตัวเขาเดินทางมาสู่ประโยคสุดท้าย เขาปิดหนังสือในมือลง เหม่อมองไปอย่างไร้จุดหมายไปบนกำแพงไม้โอ๊คสีเข้ม ที่แทบจะกลืนหายไปกับสีของรัตติกาลเบื้องหน้า ก่อนที่เสียงเข็มนาฬิกาจะดังเข้าหู เรียกความสนใจจากเจ้าของนัยน์ตาสีเทาซีด ได้เป็นครั้งแรกในรอบคืน หน้าปัดบอกเวลาตีสองสี่สิบห้า พ่อมดหนุ่มจึงรู้สึกตัว ว่ามั่วแต่อ่านหนังสือเพลินจนหลงลืมเวลาอีกจนได้ สกอเปียสเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง หิมะที่ตกมาตั้งแต่หัวค่ำยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โชคดีที่รุ่งขึ้นเป็นวันหยุด... สกอเปียสไม่ได้ชื่นชอบอากาศหนาวเท่าไรนัก บางทีเขาคงจะใช้วันหยุดนี้ ไปกับการซุกตัวอยู่บนโซฟา พร้อมกองผ้าห่ม หนังสือดีๆ และช็อคโกแล็ตอุ่นๆสักแก้ว
เสียงแตกเบาๆของท่อนฟืนที่สุมอยู่ในเตาผิง ทำให้ขบวนความคิดของสกอเปียสโลดแล่นไปไกล จนกระทั่งเขาสะดุดเข้ากับบางอย่างที่ยังคงติดค้างอยู่ในหัว
สกอเปียสไม่เคยประสบความสำเร็จในการเสกคาถาผู้พิทักษ์...
สกอเปียสจำได้ดีว่าเขาหลงใหลคาถาผู้พิทักษ์ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่านหนังสือชีวประวัติของแฮรี่ พอตเตอร์ เมื่อตอนอายุเก้าขวบ และยังจำสีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้ของเดรโกผู้เป็นพ่อได้ดี เมื่อเขาให้เหตุผลว่าทำไมถึงนึกอยากเรียนคาถาระดับสูงนี้ขึ้นมาในตอนนั้น
แน่นอนว่าสกอเปียสในวัยเก้าขวบ ไม่ว่าจะพยายามสักกี่ครั้ง ก็ไม่สามารถเสกคาถาผู้พิทักษ์ออกมาได้
คาถาผู้พิทักษ์จะทำได้สำเร็จก็ต่อเมื่อความทรงจำแสนสุขที่ผู้ใช้คาถาเลือก มีพลังมากเพียงพอ ความคิดนั้นทำเอาสกอเปียสถึงกับจิตตก แต่พ่อบอกกับเขาว่า สกอเปียสเพียงแค่เด็กเกินไป พลังเวทยังไม่กล้าแข็งมากพอที่จะใช้คาถาระดับสูงนี้เท่านั้น เขาเชื่อคำของพ่อ และเฝ้าแต่จินตนาการ ว่าคาถาผู้พิทักษ์ที่เขาเสก จะออกมาในรูปลักษณ์ใด
จินตนาการนั้นคงอยู่เพียงแค่สี่ปี
ความมุ่งมั่นต่อคาถาผู้พิทักษ์ของสกอเปียสพังทลายลง ในวันที่แม่ของเขาลาจากโลกนี้ไป เสียงถ้อยคำไว้อาลัยไม่ต่างจากสายลมที่พัดผ่าน ความเศร้าโศกแฝงตัวอยู่ทั่วทุกที่ ค่อยๆกัดกินทุกสิ่งที่มีชื่อมัลฟอยสลักไว้อย่างเงียบงัน สกอเปียสจ้องมองโลงไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่งดงามไม่ต่างจากมารดาของตน ค่อยๆถูกดินสีดำกลืนหายด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
สกอเปียสอดคิดไม่ได้ว่าตระกูลของเขาต้องคำสาป
ในขณะที่คิดว่าตนคงไม่อาจรับรู้ความรู้สึกใดได้อีก แรงบีบเบาๆที่มือข้างขวา กลับทำให้ในอกอุ่นซ่าน
‘มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้างไหม?’
ทั้งที่สกอเปียสคิดว่า ตัวเองร้องไห้ไปจนไม่เหลืออะไรให้ร้องอีกแล้ว กระนั้นน้ำตาก็ยังไหลออกมา
‘แค่มางานศพก็พอ’
ทั้งตัวของเขาสะอื้อฮั่กอย่างไม่อาจควบคุม มือที่กุมมือสกอเปียสไว้บีบกระชับแน่นขึ้น และแม้จะมองเห็นได้ไม่ชัด แต่สกอเปียสก็มั่นใจ ว่าเจ้าของมือและดวงตาสีเขียวที่ยืนอยู่ข้างกัน ก็กำลังร้องไห้ไม่ต่างจากเขา สกอเปียสหลับตาลง บีบมืออีกฝ่ายกลับไปแทนคำขอบคุณ และไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม สกอเปียสในตอนนั้นพึมพำออกมา
“เอกซ์เปกโต พาโทรนัม”
‘ฉันจะไป จะอยู่ตรงนั้นเพื่อนายแน่ๆ ฉันสัญญา’
.
.
ความมั่นใจต่อคาถาผู้พิทักษ์ของสกอเปียสเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังเหตุการณ์เครื่องย้อนเวลา สกอเปียสรู้สึกว่าตัวเขาสงบลง และยอมรับในสิ่งต่างๆได้มากขึ้น
บางครั้งเรื่องแย่ๆ หรือการเสียสละก็จำเป็นที่จะต้องเกิด เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
สกอเปียสรู้สึกว่าภายในตัวเขาเกิดความกล้า และพร้อมแล้วกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ เขาพูดเรื่องสมัครคัดตัวนักกีฬาควิชดิชกับอัลบัส แน่นอนว่าเพื่อนสนิทยังคงเอ่ยปากแซวความคิดของเขา แต่การที่อีกฝ่ายทิ้งสายตาตรงไปข้างหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
‘ฉันเองก็นัดพ่อไว้ แบบว่า ฉันว่ามันคงดี ถ้าเราจะได้เปิดอกคุยกัน ...ในหลายๆเรื่อง’
เป็นเหมือนคำสารภาพกลายๆ ว่าอัลบัสเองก็คิดอย่างเดียวกับเขา
ดังนั้นปีที่หกจึงเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตการเป็นนักเรียนที่ฮอกวอตของสกอเปียส ไม่ว่าจะเพราะเพื่อนร่วมสถาบันที่ต่างทยอยกันเปิดใจยอมรับในตัวสกอเปียส และอัลบัสมากขึ้น หรือเขาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมทีมควิชดิชของบ้านได้อย่างฉิวเฉียด และชัยชนะอย่างเหนือความคาดหมายของสลิธิริน ที่ทำให้สกอเปียสกลายเป็นที่หมายปองของสาวๆในชั่วข้ามคืน สกอเปียสไม่ปฏิเสธ ว่าความเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน มันทำให้เขาหวาดกลัว แต่เมื่อมองเห็นรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มใบหน้าของเพื่อนสนิท สกอเปียสจึงเลือกที่จะวางใจ และยอมปล่อยให้ตัวเองดื่มด่ำกับช่วงเวลานั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ที่ช็อคที่สุด คงจะเป็นคำตอบตกลงของ โรส เกรนเจอร์ วีสลีย์ ต่อคำชวนไปงานเต้นรำฉลองการประลองเวทไตรภาคีของสกอเปียส มันเหนือความคาดหมายไปมากเสียจน สกอเปียสอดคิดไม่ได้ว่าบางทีตัวเองอาจจะกำลังฝัน ดังนั้น นอกจากจะถามโรสซ้ำเพื่อยืนยันคำตอบแล้ว เขายังสร้างความปวดหัวให้อัลบัส เดเมี่ยน เจเรมี่ และนิโคไล เพื่อนร่วมหอ ด้วยการถามย้ำให้แน่ใจ ว่าตัวเขาไม่ได้คิดไปเอง ติดต่อกันเป็นเวลาสามวันเต็มอีกด้วย
เดทแรกในคืนงานเต้นรำนั้นสมบูรณ์แบบเสียจน ตัวสกอเปียสเองแทบจะเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เมื่อละออกจากริมฝีปากของโรส และโบกมือลาส่งเธอตรงทางแยกระหว่างหอกริฟฟินดอร์และสลิธิริน สกอเปียนก็รีบวิ่งไปยังลานน้ำพุทันทีที่แผ่นหลังของโรสลับสายตา สกอเปียสหยิบไม้กายสิทธิ์ออกจากเสื้อคลุมด้วยมือที่สั่นเทา เขามั่นใจว่าครั้งนี้มันจะต้องได้ผล
“เอกซ์เปกโต พาโทรนัม!”
ชั่วขณะที่ปลายไม้กายสิทธิ์เปล่งแสงสีขาวนวลตา สิ่งที่แวบเข้ามาในหัว คือเหตุการณ์ในเย็นวันนั้น ในตอนที่อัลบัสกำลังช่วยติดดอกไม้ลงบนปกเสื้อของเขา เพื่อนสนิทของเขานิ่งเงียบไปพัก แต่ก่อนสกอเปียสจะได้ถามอะไร อัลบัสก็ถอยห่างออกไป จ้องมองกลับมาที่สกอเปียสพลางขยับยิ้มกึ่งกระเซ้า
จะด้วยแสงที่สลัวของชั้นใต้ดินหรืออะไรก็แต่ สกอเปียสรู้สึกว่า...
‘ให้ตาย ฉันว่าโรสจะต้องคลั่งแน่ๆ’
ดวงตาสีเขียวคู่นั้นหม่นลงกว่าที่เคย
สกอเปียสกระพริบตาอีกครั้ง ไม่มีแสงที่ปลายไม้กายสิทธิ์ ที่ลานน้ำพุยังคงว่างเปล่า
ไม่มีวี่แววของผู้พิทักษ์
สกอเปียสได้ยินเสียงเพลงจากงานเต้นรำดังอยู่ไกลๆ จังหวะในดนตรีแน่นหนักเนิบช้า
ไม่ต่างจากเสียงหัวใจของเขา
.
.
สกอเปียสผ่านความสัมพันธ์มาสามครั้ง เพื่อที่จะเรียนรู้ว่า ตัวเขาไม่เคยต้องการใครเลย นอกจากอัลบัส
มันอาจจะเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันแรกที่เจ้าของดวงตาสีเขียวคู่นั้น เลือกที่จะนั่งอยู่ในรถไฟตู้เดียวกับเขา
อาจจะเป็นตอนที่อัลบัสกุมมือเขาไว้แน่น เมื่อสกอเปียสรู้สึกเหมือนโลกพังทลายลง ในวันที่แม่ของเขาจากไป
บางทีคงเป็นครั้งที่พวกเขายืนมองฮอกวอตจากบนเนินเขา ที่สุดเขตป่าต้องห้าม อัลบัสขยับยิ้ม ทั้งที่ยืนอยู่ตรงนั้นแต่ในเวลาเดียวกัน กลับรู้สึกเหมือนว่ากำลังจะหายไป ดังนั้นสกอเปียสจึงสารภาพ ว่าตัวเองรู้สึกโชคดีแค่ไหน ที่ได้รู้จักกับอัลบัส
หรือในวันที่สกอเปียสรู้ว่า เขาไม่มีวันตามหาอัลบัสเจอ ได้อีก ไม่ว่าจะที่ไหนในโลกก็ตาม
คงจะเป็นตอนที่สเนปบอกให้เขานึกถึงอัลบัส ขณะกำลังหลบหนีจากผู้คุมวิญญาณ
เป็นนาทีที่สกอเปียสคว้าอัลบัสเข้ามากอดไว้ เพราะพวกเขาล้มเหลวในการทำลายภารกิจของเซดริกที่ทะเลสาบ
ในตอนที่สกอเปียสเสกคาถาผู้พิทักษ์ไม่สำเร็จ แม้ว่าจะได้จูบจากคนที่ตนเชื่อว่าปรารถนามาแสนนาน อย่างโรส
มาคิดดูแล้ว...ตัวเขาช่างเห็นแก่ตัวและโง่เขลา สกอเปียสใช้เวลาแสนนาน ในการทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ทั้งที่รู้ความหมายในการกระทำ รวมถึงความรู้สึกที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีเขียวคู่นั้นมาโดยตลอด แต่กลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น และแม้ในขณะที่ตัวเองยังไม่มีความชัดเจนอะไร ก็ยังจะกันตัวอัลบัสเอาไว้ ด้วยสิทธิ์ของการเป็นเพื่อนสนิทที่ตนมี
แม้กระทั่งในวันที่เขาตัดสินใจ ว่าจะไม่มีวันปล่อยอัลบัสไป สกอเปียสก็ใช้ยังวิธีที่ขี้โกง
เพราะสกอเปียสรู้ว่าอัลบัสไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ ไม่ใช่อย่างจริงจัง
ดังนั้นสกอเปียสจึงใช้สองมือยันประตู และกักอัลบัสไว้ในอ้อมแขน เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไปตามนัดเดทของรุ่นพี่ที่พบในที่ทำงาน
เขาพร่ำเอ่ยคำขอโทษ สลับกับคำบอกรัก และกดจูบลงบนริมฝีปากอีกฝ่ายซ้ำๆ สกอเปียสรู้สึกถึงหยาดน้ำตา ที่ไหลลงมาจนเปียกไปทั่วสองข้างแก้มของอัลบัส สัมผัสได้ถึงแรงทุบหนักๆบนลาดไหล่ ก่อนที่มือทั้งสองข้างนั้นจะเปลี่ยนเป็นโอบกอด
.
.
ดวงตาสีเทามองกลับมายังอัลบัสที่ซุกตัวนิ่งในผ้าห่มบนเตียงเดียวกัน สกอเปียสหยิบไม้กายสิทธิ์ที่วางอยู่ที่ข้างหัวเตียงขึ้นมา ปล่อยให้ความทรงจำ และความรู้สึกทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอัลบัสโอบกอดเขาไว้
“เอกซ์เปกโต พาโทรนัม”
แสงสีขาวนวลโอบล้อมที่ปลายไม้กายสิทธิ์ ก่อนจะค่อยๆแผ่กระจายออกไปจนครอบคลุมบริเวณทั่วทั้งห้อง เป็นแสงอันอบอุ่น ที่อ่อนโยนเสียจนทำให้ลมหายใจติดขัด สกอเปียสลดไม้กายสิทธิ์ลง แสงสีขาวนวลค่อยๆสลายตัวจางหายไป เสียงพลิกตัวดังขึ้น ในจังหวะเดียวกับที่หยดน้ำตาร่วงหล่นจากดวงตาสีเทาของสกอเปียส
นัยน์ตาสีเขียวปรือเปิดขึ้น ก่อนที่มืออุ่นๆของอัลบัส จะเอื้อมมาลูบบนหลังมือของสกอเปียสเบาๆ
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?”
น้ำเสียงของอัลบัสแสดงถึงความเป็นห่วงแม้จะยังติดกระแสงัวเงียอยู่ก็ตาม สกอเปียสหัวเราะบางๆก่อนจะปาดน้ำตา แล้วเอ่ยตอบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“ฉันพึ่งจะเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้สำเร็จน่ะ”
อัลบัสยิ้มให้กับคำตอบ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง
“ดีจังเลยนะ”
สกอเปียสขยับยิ้มกว้างขึ้นให้กับภาพตรงหน้า ก่อนจะ ขยับไม้กายสิทธิ์ดับไฟในโคมที่หัวเตียง ซุกตัวเข้าในผ้าห่ม รั้งอัลบัสเข้ามากอดไว้ แล้วจึงหลับตา
ราวกับได้ยินเสียงกระซิบของพ่อในห้วงฝัน หรือแท้จริงแล้ว อาจเป็นชิ้นส่วนในเศษเสี้ยวความทรงจำที่หล่นหาย
‘รู้ไหมสกอเปียส พ่อเองก็เคยเสกคาถาผู้พิทักษ์ไม่ได้ จนกระทั่งพ่อรู้จักกับแม่ของลูก เพราะฉะนั้น ลูกไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปหรอก พ่อเชื่อว่าลูกจะสามารถเสกคาถาผู้พิทักษ์ได้เอง เมื่อถึงเวลา’
‘เวลาที่เหมือนกับตอนที่พ่อได้เจอกับแม่?’
‘ใช่แล้วลูกรัก เหมือนที่พ่อได้พบกับแม่’
“เอกซ์เปกโต พาโทรนัม”
~ Fin ~
พล็อตมาตอนเที่ยงคืน เขียนจบภายในสองคืน ไวที่สุดในประวัติศาสตร์การเขียนฟิคของเรา (ทำไมตอนเขียนวิจัยไม่ไหลให้ได้แบบนี้บ้าง /ขำทั้งน้ามตา) สกอบัสเป็นคู่ที่เราชอบมาก และอยากเขียนมากตั้งแต่อ่านบทละครจบเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่คือไม่มีพล็อต และที่สำคัญคือไม่กล้าเขียน //หัวเราะแห้งสนิท คือเรากลัวการเขียนฟิคจากนิยายมากค่ะ เพราะเราจะรู้สึกอยู่ตลอด ว่าอาจมีจุดสำคัญที่เราพลาดในการใส่รายละเอียดไปก็ได้ แต่สุดท้ายความพีคก็เอาชนะความกลัว ปิ๊ง! ออกมาเป็นฟิคจากนิยายเรื่องแรกในชีวิตเรา
เรื่องนี้จะมีความเป็น AU อยู่บ้างตรงตัวละครบางตัวที่เราคิดชื่อใส่เข้าไปเอง จริงๆเราก็เลือนๆฉากในละครไปบ้างแล้ว นี่พยายามเอามาเท่าที่จำได้ ถ้าหากผิดพลาดตรงไหน ช่วยชี้ให้จะขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ท้ายที่สุดนี้ต้องขอบคุณไดองที่ปลุกไฟในตัวเรา ถึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา แถมยังช่วยให้คำแนะนำเรื่องลงฟิคอีก (น่ารักสุดๆ) ขอบคุณจริงๆนะจ๊ะ ไว้เจอกันแล้วจะเลี้ยงหนมตอบแทนนะ จุ๊บๆ >3<
ทำไมอัลบัสของตาลช่วงชิงหัวใจฉันขนาดนี้ ฮึก มันใช่
ชอบที่ตาลเขียนฟิกใส ๆ ได้ฟีล bittersweet มาก /นึกภาพตอนอัลบัสติดดอกไม้บนปกเสื้อให้สกอร์เปียส
ฉากจูบบบ ; _ ; เขียนฉากจูบได้มีเอกลักษณ์ ฟีลแนวตาลจริง ๆ
ขอบคุณที่เขียนฟิกเรื่องนี้ออกมา ถ้าวันไหนเขียนเพิ่มก็รออ่านอีกกก