- Dear Diary / Ceremony Before Bedtime
วันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2020
ฉันถูกรถจักรยานยนต์ชนตอนกำลังเดินข้ามถนนหน้าวัด xxx คาบเรียนสุดท้ายเลิกตั้งแต่บ่ายสองโมงครึ่งแล้ว แต่ด้วยติดนิสัยชอบนอนเอาแรงก่อนออกไปสอนพิเศษทำให้กว่าจะได้ออกจากโรงเรียนจริงก็ปาเข้าไปเกือบสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่ถนนใหญ่อัดแน่นไปด้วยรถตามปกติของช่วง Rush hour ฉันกดสัญญาณไฟรอข้ามทางม้าลายบนเสา รอนาฬิกาดิจิตอลนับถอยหลังราวสามสิบวินาที ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว สลับกับที่สัญลักษณ์รูปคนเดินถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว คนขับรถเป็นผู้หญิง เธอชนฉันที่กำลังยืนอยู่บนทางม้าลาย ในขณะที่ไฟจราจรยังคงส่องแสงเป็นทรงกลมสีแดง เหมือนข้อมือจะซ้น แขนขวาเจ็บจนชาไปหมด แล้วเธอก็จากไปโดยไม่เหลียวมามองฉันที่ล้มลงอยู่ด้านหลัง
ไฟจราจรจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวในเวลาอีกไม่ถึงสิบวินาที ฉันกัดฟันลุกยืนก้าวฉับ ๆ ไปยังฟุตบาทอีกฝั่ง โทรหาผู้ปกครองของเด็กที่เรียนพิเศษด้วยพร้อมกับบอกว่าประสบอุบัติเหตุ คงไปสอนไม่ได้แล้ว เมื่อเสร็จธุระจึงต่อสายถึงพ่อ ฉันบอกว่าบาดเจ็บ และขอให้เขามารับ แต่สิ่งที่พ่อทำคือโอนเงินให้ พร้อมกับบอกให้นั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง ฉันพูดไม่ออก กลับบ้านมาก็ได้แต่กระทืบเท้าปึงปังเดินขึ้นห้อง ระบายความโกรธกับพื้นและกำแพง ฉันไม่ได้โกรธผู้หญิงคนนั้นที่ขับรถชนฉันเลย แต่ฉันโกรธพ่อ โกรธเกลียดเขาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรให้ แต่เพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนั่นแหละถึงได้เกลียด
ฉันใช้เวลาไปเกือบครึ่งชีวิตในการสาปแช่งเขาและโลกใบนี้ เราไม่ถูกกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม้ว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้นบ้างในช่วงที่ฉันเรียนอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ญาติดีกันได้เพียงไม่ถึงเดือนหลังจากที่ฉันกลับมา เหมือนกับว่าความห่างไกลจะทำให้พ่อรักฉันมากกว่าเดิม เพราะอย่างนั้นเมื่อมีฉันอยู่ใกล้ตัวจึงปล่อยปละละเลยเหมือนอย่างเก่า เขาทำให้ฉันผิดหวัง ถึงแม้ว่าจะไม่เคยคาดหวังอะไรไว้ตั้งแต่แรก ความเจ็บปวดที่ต้นขาและหัวเข่าเริ่มแล่นขึ้นมาในขอบเขตการรับรู้หลังจากทิ้งตัวลงบนเตียง อวัยวะท่อนล่างซีกขวาม่วงเป็นจ้ำไปหมด ฉันรู้สึกขอบคุณที่ประสาทสัมผัสเพิ่งทำงานตอนที่กลับถึงบ้านมาแล้ว จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะเดินไปเรียกรถด้วยความเจ็บปวดระดับนี้ได้อย่างไร ฉันเจ็บตัว แต่น้อยใจพ่อมากกว่า เขาพยายามทำตัวมีเหตุผลด้วยการบอกว่าจะไปขอดูกล้องวงจรปิดหน้าวัด xxx ทั้งที่ใครใครก็รู้ดีว่าอุปกรณ์ของทางการในประเทศสารขัณฑ์เฮงซวยนี่ใช้การไม่เคยได้
แม่และน้องสาวกลับมาถึงบ้านแล้ว ฉันชื่นชมตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลงไปกินข้าวด้านล่าง ขนาดถูกรถชนเจ็บตัวขนาดนี้ยังไม่ร้องไห้ แต่แล้วความผิดหวังในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำลายความสามารถในการกลั้นน้ำตาเอาไว้จนหมดสิ้น อาหารเย็นในวันนั้นเป็นไข่เจียวและกับข้าวอีกสองสามอย่าง ฉันกำลังจะผ่านพ้นวันนี้ไปได้อย่างราบรื่นแท้ ๆ อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะสลัดทิ้งความรู้สึกเฮงซวยนี่ทิ้งไปด้วยข้ออ้างปลอบประโลมใจที่ว่าอีกเดี๋ยวก็มีวันพรุ่งนี้ให้เริ่มต้นใหม่ แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงในตอนที่เขาเอ่ยถามขึ้นมาว่า ทำไมไม่กินไข่เจียวล่ะ พ่อจำได้ว่าชอบ แล้วฉันก็เริ่มร้องไห้ ความน้อยใจและผิดหวังถาโถมเข้ามาเหมือนพายุทำเอาฉันกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ฉันเกลียดไข่เจียวเช่นเดียวกับที่เกลียดเขามาทั้งชีวิต เกลียดผู้หญิงคนนั้นที่ขับรถชนฉัน เกลียดที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมาขอโทษ โกรธเกลียดโลกใบนี้ที่เหวี่ยงเอาเรื่องเฮงซวยเข้ามาในชีวิตฉันไม่หยุดหย่อน ฉันร้องไห้อย่างหนัก ที่แย่ที่สุดคือในวินาทีนั้นฉันโกรธเกลียดตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด บางทีอาจไม่ใช่โลกนี้ที่ทำผิดต่อฉัน แต่เป็นฉันเองที่อยู่ผิดที่ผิดทางมาตลอด ฉันเกลียดโลกใบนี้พอ ๆ กับที่เกลียดพ่อ และเกลียดพ่อพอ ๆ กับที่เกลียดตัวเอง
ความโกรธเกลียดและเสียใจมักมาควบคู่กับความรู้สึกผิด ฉันร้องไห้จนแทบจะหายใจไม่ทัน รู้สึกผิดต่อตัวเอง รู้สึกผิดต่อพ่อ และบางครั้งบางคราวก็รู้สึกผิดต่อโลกที่ฉันเอาแต่โยนความผิดให้ ฉันเฝ้าขอโทษมันด้วยใจจริงขณะที่กำลังจ้องมองเพดานห้องนอนในคืนที่นอนไม่หลับ ไม่ขอให้มันยกโทษให้เพราะคำขอโทษของฉันไม่ได้มาพร้อมกับคำสัญญาที่ว่าจะไม่สาปแช่งอีก มนุษย์เราขอโทษเมื่อทำผิด เพื่อที่จะได้ขอโทษอีกครั้งเมื่อทำผิดซ้ำ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์จำพวกปากอย่างใจอย่าง อ้อนวอนขอโทษที่ไม่อาจลดความเกลียดชังที่มีต่อโลกใบนี้ลงได้บ่อยครั้งจนแทบนับไม่ไหว ฉันไม่เคยขอโทษตัวเอง คำขอโทษที่ตั้งใจจะส่งถึงผู้อื่นนั้นเอ่ยออกไปง่ายกว่ามาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยคิดที่จะขอโทษพ่อ
รอยช้ำสีม่วงเข้มเป็นทางยาวบนต้นขาหายดีแล้ว ข้อมือเองก็ไม่เจ็บอีกต่อไปเมื่ิอออกแรงบีบ แต่ฉันยังคงโกรธเกลียดตัวเองอยู่ ในเวลาปกติแล้วพ่อกับโลกไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ฉันเป็นมนุษย์จำพวกที่สนใจแต่ตัวเอง ดังนั้นฉันจึงเกลียดตัวเองที่สุด ฉันจะเกลียดโลกเฉพาะในเวลาที่เกลียดพ่อ และมักจะเกลียดพ่อไปพร้อม ๆ กับเกลียดตัวเอง มีบ้างบางครั้งที่เกลียดตัวเองมากจนพาลเกลียดโลกใบนี้ไปด้วย แต่ก็เป็นอย่างนั้นไม่บ่อยนัก เพราะสังเกตได้ว่าความเกลียดชังที่มีต่อโลกนี้ทำให้ฉันโกรธเกลียดตัวเองน้อยลง ท้ายที่สุดจึงค้นพบว่าฉันไม่ได้เกลียดโลกนี้อย่างที่กล่อมตัวเองให้เชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด ฉันเกลียดตัวเองต่างหาก ฉันเกลียดตัวเอง แต่ก็รักตัวเองมากเช่นเดียวกัน กลไลการป้องกันตัวเองของฉันโยนความเกลียดชังและความรู้สึกผิดบาปทุกอย่างไปให้โลก ฉันไม่เคยเกลียดโลกใบนี้เลย แต่การโกรธเกลียดอะไรสักอย่างทำให้ฉันรู้สึกดีกับตัวเอง จึงพูดพร่ำคำขอโทษที่มีต่อมันออกมาได้อย่างง่ายดาย
เป็นอีกครั้งฉันนอนมองเพดานห้องนอน แสงไฟจากระเบียงด้านนอกและลมแรงทำให้เงาของผ้าม่านขยับไปมาบนนั้น ฉันมองมันเหมือนเด็กเล็กมองโมบายแขวน ยังคงเป็นมนุษย์ที่ทำผิดซ้ำซากและเอ่ยกล่าวคำขอโทษต่อโลกใบนี้อยู่ กลางคืนเงียบเกินไปจนบ่อยครั้งก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันในหัว ฉันข่มตาพยายามนอน เอ่ยกล่าวคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาราวกับกำลังทำพิธีกรรมอะไรสักอย่าง เพราะไม่อาจลดความเกลียดชังที่มีต่อตัวเองลงได้ จึงไม่อาจลดความเกลียดชังที่มีต่อโลกใบนี้ลงได้ ฉันเฝ้าเอาแต่สาปแช่งโลก เพราะขี้ขลาดเกินกว่าที่จะสาปแช่งตัวเอง วิงวอนขอโทษโลก เพราะปากหนักเกินกว่าที่จะขอโทษตัวเอง การขอโทษคือการยอมรับว่าตัวเองทำผิด ฉันไม่อยากยอมรับว่าเป็นความผิดของฉันที่ฉันนั้นเกลียดตัวเอง คำขอโทษของฉันไม่เคยส่งไปถึงโลกเลย ส่วนถ้อยคำสาปแช่งก็วนย้อนกลับมาเข้าหาตัวอยู่เสมอ โลกคงเกลียดฉันเหมือนที่ฉันเกลียดตัวเอง แต่ฉันไม่โกรธเคืองมันด้วยเรื่องทำนองนั้น เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว หากโลกยังคงรักฉันอยู่ทั้งที่ฉันสาปแช่งมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันฉันคงนอนไม่หลับ ฉันสมควรได้รับมัน ความเกลียดชังนับเป็นสิ่งที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่โลกจะมอบให้ฉันได้ ฉันจึงโอบกอดความรู้สึกเกลียดชังที่ได้รับจากมันเอาไว้กับตัว กดมันเอาไว้ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ ไม่นานนักก็หลับลง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in