มัน..เป็นอะไรที่แย่มาก
สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องทะเลาะกับเด็กผู้หญิงที่ดื้อรั้น หัวแข็ง เอาแต่ใจ ไม่รับฟังใครและไม่เคย..เว้นช่องว่างให้เราพูดอะไรๆได้เลย
ทุกๆครั้งที่ชายหนุ่มอ้าปากจะพูดอะไรบ้าง เด็กสาวก็ยิ่งพ่นคำพูดออกมามากขึ้น คุณลองจินตนาการถึงเวลาที่คุณไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนที่ไม่ยอมปล่อยไมค์สักที แล้วเราต้องทนฟังเพื่อนร้องเพลงไม่หยุดทั้งๆที่เราเองก็อยากร้องบ้าง ใช่..ตอนนี้ฮาร์ลี่กำลังรู้สึกแบบนั้น เขาอยากจะพูดอะไรออกไปบ้าง แต่มอร์แกนก็ไม่ยอมลดให้เขาเลย
“ถ้าพี่คิดว่าพี่เจ๋งจริงเก่งจริงล่ะก็ เอาสิ เอาเลย..สร้างอะไรใหม่ๆขึ้นมาสิ อะไรที่มันดีกว่าที่พ่อฉันเคยทำน่ะ” และในที่สุดเด็กสาวก็หยุดพูดสักที
ฮาร์ลี่ได้ยินประโยคแบบนี้มากี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ และไม่รู้ทำไม มอร์แกนต้องพูดอะไรแบบนี้ใส่เขาคนเดียวเท่านั้น “เอ็ม..ฟังพี่นะ พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าพี่ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกว่าหรือเหนือกว่าโทนี่หรือเธอเลยสักนิด แต่เวลาที่อยู่ข้างนอกนั่น ถ้าเธอวู่วาม ไม่คิดหน้าคิดหลัง มันจะ---”
“ใช่สิ พี่ไม่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าแต่พี่แค่คิดว่าฉันไม่รู้จักคิด!! ขอบคุณค่ะ!” เมื่อพูดจบ มอร์แกนก็เดินกระแทกเท้ากลับเข้าห้องของตนไป โดยทิ้งความหนักใจและความรู้สึกปวดเฮดให้ฮาร์ลี่ คีนเนอร์ไว้ข้างหลัง
“ฉันมีชีสเบอร์เกอร์นะ ถ้านายอยากจะง้อเธอ” ปีเตอร์พูดขึ้น หลังนั่งดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆมานาน
“ถ้ามันได้ผลจริงๆนะ ฉันทำไปแล้ว” ฮาร์ลี่เดินไปนั่งบนโซฟากลางห้อง เขาเปิดทีวีช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์คดู เผื่อว่าอย่างน้อยมันจะทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ เพราะในใจฮาร์ลี่เอาแต่คิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เกือบทำให้มอร์แกนเอาตัวไม่รอด
ก่อนหน้านี้ปีเตอร์และมอร์แกน เพิ่งไปทำภารกิจไล่จับพวกโจรที่มาขโมยเทคโนโลยีกัน แน่นอนว่าคนพวกนี้ขโมยอาวุธที่ผลิตโดยสตาร์กอินดัสทรี่หรือพวกสารเคมีแปลกๆของออสคอร์ป นั่นหมายความว่าพวกนี้อันตรายพอตัวเลยล่ะ แต่มอร์แกนดูจะไม่ได้คิดแบบนั้นหรืออาจจะด้วยเหตุผลอื่นที่ทำให้เธอวู่วาม ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังเท่าไหร่ เธอไม่ทำตามแผน เธอบุกเข้าไปกลางดงพวกมันโดยไม่รอปีเตอร์ จนเกือบพลาดท่าให้พวกศัตรูไปแล้ว โชคดีที่ปีเตอร์ตามไปช่วยไว้ได้ทัน แต่ศัตรูก็หนีไปได้ แต่ดูเหมือนมอร์แกนจะไม่ได้คิดว่าโชคดีที่ปีเตอร์มาช่วยทัน เพราะมอร์แกนเอาแต่พูดคำว่า “ฉันจะชนะอยู่แล้วถ้าพี่ไม่เข้ามาขวาง” หรือไม่ก็ “ฉันจะจับพวกมันได้อยู่แล้วถ้าพี่ไม่เข้ามาขวาง”
“หรือจริงๆฉันควรจะง้อเธอกันนะ” ปีเตอร์พูดเสียงอู้อี้เพราะมีชีสเบอร์เกอร์อยู่เต็มปาก “ก็นะ ตอนนั้นถ้าฉันไล่จับพวกนั้นอย่างน้อยก็คงจับได้สักห้าหกคน แต่ฉันเลือกที่จะปล่อยพวกขโมยนั่นไป”
“มันไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย” ฮาร์ลี่นวดขมับตัวเอง “เวลาเอ็มวีนแตกใส่ฉัน รู้ไหม มันเหมือนกับฉันกำลังคุยกับโทนี่อยู่เลย”
“ช่าย คุณสตาร์กเองก็ชอบวีนแตกใส่ฉันบ้างเหมือนกัน แต่ก็นะ ทุกครั้งฉันก็ผิดเองจริงๆนั่นแหละ” ปีเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย
“ก็ไม่เชิงหรอก แค่ ตอนเจอกันครั้งแรก โทนี่มีอาการป่วย เขามักจะโทษว่าเป็นเพราะฉันพูดแบบนั้นพูดแบบนี้เขาถึงได้อาการกำเริบ ทั้งที่บางครั้งฉันยังไม่พูดอะไรเลย” ฮาร์ลี่หันไปมองปีเตอร์ คิ้วของฮาร์ลี่ขมวดกันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ได้ “และเอ็มก็เป็นแบบนั้น”
“โอ้โห ดราม่าควีนเลยแฮะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผ่านมาก็หลายวันแล้ว มอร์แกนยังคงไม่ยอมคุยดีๆกับปีเตอร์ แต่หนักกว่าคือไม่แม้แต่จะมองเห็นฮาร์ลี่ เธอทำกับฮาร์ลี่เหมือนเป็นอากาศธาตุ คล้ายๆกับว่าทั้งคู่กำลังอยู่กันคนละมิติ โดยมิติที่ฮาร์ลี่อยู่นั้นมองเห็นและได้ยินเสียงของมอร์แกนชัดเจนและพยายามอย่างยิ่งที่จะติดต่อเธอ แต่มอร์แกนไม่สามารถสัมผัสหรือรับรู้การมีอยู่ของฮาร์ลี่ได้เลย คล้ายๆกับหนังเรื่องอะไรนะ...อินเตอร์สเตลล่างั้นเหรอ อืม เรื่องนี้แหละ
มอร์แกนยังคงยืนยันที่จะบอกว่าเป็นความผิดปีเตอร์ที่พวกหัวขโมยพวกนั้นหนีไปได้ และเธอยืนยันที่จะผูกใจเจ็บกับพวกหนุ่มๆ ถ้ามีโอกาสที่เธอจะพูดอะไรแรงๆที่พอจะกัดแทะจิตใจพวกสองหนุ่มได้ล่ะก็ เธอดูไม่ลังเลเลยที่จะคว้าโอกาสนั้นมาครอบครอง
ฮาร์ลี่ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเขาและปีเตอร์ไม่ผิด ฉะนั้นถ้าปีเตอร์ไปขอโทษมอร์แกน ฮาร์ลี่ก็จะโกรธปีเตอร์โทษฐานที่ตามใจยัยคุณหนูบ้านสตาร์กมากเกินไป
ส่วนปีเตอร์น่ะเหรอ มีทางเลือกไหนอีกบ้าง เขาไม่อยากทะเลาะกับใครนะ เขาไม่อยากผิดใจกับใครทั้งนั้น เขาเป็นเหมือนพี่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม เขาแคร์น้องๆทั้งสองคน เขาจึงอยากแก้ปัญหาของคนหนึ่งโดยที่ไม่มีปัญหาของอีกคนมาเพิ่มให้ปวดตับปวดไต เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มอร์แกนรู้ว่าเขารู้สึกผิดและขอโทษจริงๆที่ปล่อยพวกโจรหนีไป โดยระวังจะไม่ให้มีคำว่าขอโทษออกมาต่อหน้าฮาร์ลี่เพราะขี้เกียจต้องมาตามง้อฮาร์ลี่อีกคน
ให้ตายเถอะ เกิดเป็นปีเตอร์มันช่างปวดใจจริงจริ๊ง
เอาจริงบางครั้งปีเตอร์ก็อยากหายตัวไปจากจุดๆนี้เหมือนกัน เขาเองก็รู้สึกหนักใจที่ต้องอยู่เป็นคนกลางคนขี้เอาแต่ใจถึงสองคนด้วยกัน แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะสิบปีก่อนหลังเหตุการการต่อสู้กับธานอสที่ฐานทัพอเวนเจอร์เขาได้สาบานกับตัวเองไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ทิ้งคุณนายสตาร์กกับมอร์แกนไปไหน ถ้าเขาหายไปนั่นเท่ากับเขาผิดคำพูด...อย่างน้อยก็ผิดกับตัวเอง
ตู้ม!!!
เสียงดังสนั่นมาจากลานว่างของฐานทัพ เพียงเสี้ยววินาทีหลังเสียงระเบิดพวกหุ่นยนต์เฝ้าระวังและหุ่นยนต์กู้ภัยก็บินวนให้วุ่น ปีเตอร์เองก็ถึงกลับต้องใส่ชุดเก่งกระโดดออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังคงหลอนกับเรื่องราวเก่าๆจนแว่บแรกปีเตอร์นึกว่าเอเลี่ยนส์บุก ก็ถ้าคุณมีชีวิตวัยเด็กที่อยู่ๆก็ได้ต่อสู้เอเลี่ยนส์ที่มาบุกโลกถึงสองครั้งและหนึ่งครั้งนั้นพวกมันก็บุกมาถึงฐานทัพอเวนเจอร์ คุณคงต้องระวังเกินเหตุเป็นธรรมดา ยิ่งสไปเดอร์เซ้นส์ของปีเตอร์ไม่ทำงานด้วยยิ่งทำให้เขาต้องระแวงเป็นพิเศษ
แต่แทนที่จะเป็นกองทัพเอเลี่ยนส์กลับกลายเป็นกลุ่มคนประมาณสิบกว่าคนที่ถูกมัดด้วยเชือกใยเหล็กพลังไฟฟ้า เหนือหัวคนพวกนี้ขึ้นไปมีฮาร์ลี่ที่กำลังลอยอยู่ในชุดเกราะเหล็ก “ฉันจับมาให้แล้วนะ” ฮาร์ลี่ลงจอดพร้อมเปิดหน้ากากออก “เผื่อเอ็มจะเลิกบ่นนายสักที”
ปีเตอร์ยังคงอึ้งอยู่ คือจริงๆปีเตอร์ก็กำลังคิดว่าจะไปจับเจ้าโจรพวกนั้นที่เขาปล่อยไป เขาเคยชวนฮาร์ลี่แล้วแต่ถูกปฏิเสธ แถมฮาร์ลี่ยังบอกว่า อึดอัด จะขอกลับบ้านสักพักจนกว่ามอร์แกนจะหายหัวร้อนใส่ แต่นี่คืออะไรล่ะเนี่ย...ฮาร์ลี่แอบไปปฏิบัติภารกิจคนเดียวโดยไม่บอกให้ใครรู้เนี่ยนะ
“อะไรกันล่ะเนี่ย” เสียงของมอร์แกนดังขึ้นมาจากข้างหลังของปีเตอร์ เธอเองก็ดูงุนงงไม่แพ้กันกับปีเตอร์
แทนที่ฮาร์ลี่จะตอบเธอ เขากลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินผ่านเธอกลับเข้าอาคารไปโดยไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ ชุดเกราะเหล็กนาโนของฮาร์ลี่กลับคืนสภาพเป็นเสื้อแจ็กเก็ตธรรมดาแล้ว
ปีเตอร์หันมองมอร์แกนสลับกับฮาร์ลี่ มอร์แกนมองฮาร์ลี่สลับกับพวกนักโทษ แต่พอเธอเห็นว่าฮาร์ลี่เมินเธอก็เดินเข้าไปดูพวกนักโทษหัวขโมย ส่วนปีเตอร์เดินตามฮาร์ลี่ไป เขากับฮาร์ลี่มีเรืองที่ต้องเคลียร์กันให้เข้าใจ ไหนบอกจะไม่ไปตามล่าพวกนี้ ไหนบอกจะไม่ขอโทษมอร์แกน แล้วที่เขาทำอยู่นี่คืออะไร เกิดเป็นปีเตอร์ก็งงเป็นนะเฮ้ย
“เฮ้ๆ คุณน้องฮาร์ลี่ครับ กระผมอยากทราบจริงๆครับว่า ไหนคุณบอกจะไม่ไปตามล่าหรือขอโทษใครทั้งนั้นไงครับ? หื้ม?” ปีเตอร์บีบเสียงแหลมเพื่อกวนประสาทฮาร์ลี่ “แต่เอ๊~ ไอ้พวกคนที่ถูกมัดอยู่ข้างนอกนั่นมันอะไรกันน๊าา~ ไหนจะคำพูดที่ว่า ‘ฉันจะไม่ขอโทษใครทั้งนั้น นายก็ห้ามเด็ดขาด’ เอ๊~~ แปลกใจจัง”
“ฉันมีชีสเบอร์เกอร์มาให้นายด้วย” ฮาร์ลี่ยื่นชีสเบอร์เกอร์ถุงใหญ่ให้ปีเตอร์ เขาทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ปีเตอร์พูด แต่จากที่ปีเตอร์สังเกตถุงเบอร์เกอร์แล้วก็พอดูออกว่าซื้อมาง้อมอร์แกนมากกว่าให้ปีเตอร์พี่ชายที่แสนดีคนนี้ เพราะถึงปีเตอร์จะกินจุแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกินชีสเบอร์เกอร์เป็นสิบชิ้นได้หรอกนะ
“นายทำทำไมอ่ะ ‘ว๊าวว พี่ไปจับคนพวกนี้คนเดียวเลยเหรอคะ’” ปีเตอร์เลียนเสียงมอร์แกน “หรือว่า ‘มีชีสเบอร์เกอร์ด้วยเหรอคะ ดีใจจัง’ หรือจะเป็น ‘หนูขอโทษที่พูดไม่ดีกับพี่นะคะพี่ฮาร์ลี่’ อะไรทำนองนี้หรือเปล่า?”
ฮาร์ลี่หันมามองค้อนใส่ปีเตอร์ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ปีเตอร์หยุดกวนได้หรอก “ก็แบบว่านะครับ คุณคีนเนอร์ ถ้าอยากขอโทษทำไม่พูดออกไปตรงๆล่ะคร้าบ” ปีเตอร์คว้าเบอร์เกอร์แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนตู้เย็น
ยังไม่ทันที่ฮาร์ลี่จะตอบอะไรมอร์แกนก็เดินเข้าห้องมา “ถ้าฉันได้ยินไม่ผิด มีใครบางคนอยากจะขอโทษใครรึไงนี่แหละ ใช่ไหม”
อ่า...ใช่ นั่นมันยิ่งทำให้ฮาร์ลี่ค้อนปีเตอร์หนักกว่าเดิมพร้อมตอกกลับมอร์แกน “ขอโทษ? ฉันทำอะไรผิดไปงั้นเหรอถึงต้องขอโทษใครด้วย”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าพี่ต้องไปขอโทษใครนะ ทำไมคะ? พี่ไปทำไม่ดีมาหรือไง” มอร์แกนเองก็ไม่ยอมแพ้
ส่วนปีเตอร์ที่นั่งกินชีสเบอร์เกอร์อยู่บนหลังตู้เย็นก็เริ่มคิดแล้วว่าตัวเองควรจะดูเหตุการณ์เงียบหรือกระโดดผ่ากลางเข้าไปห้ามศึกดี
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่เธอที่ฉันจะต้องขอโทษ!” ฮาร์ลี่เริ่มใส่อารมณ์
“โว้วๆๆ เฮ้ พวก” ปีเตอร์ตะโกนขึ้นมาก่อนจะเริ่มไปกันใหญ่ “อีซี่หนา อีซี่หนา รู้ใช่ไหมว่ายิ่งใช้อารมณ์ ยิ่งเอาคำพูดที่พูดออกไปกลับมาไม่ได้น่ะ”
ฮาร์ลี่หันมองปีเตอร์ เขาดูเริ่มเย็นลงเพราะกลัวจะพูดอะไรไม่ดีออกไป แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทันแล้วน่ะสิ
“ไม่เป็นไรค่ะ พีท” มอร์แกนจ้องฮาร์ลี่ตาไม่กระพริบ สีหน้านี่ต่อให้เป็นเด็กสองขวบก็ดูออกว่าเธอโกรธโดยไม่ต้องให้ใครบอก “เอาสิ จะพูดอะไรต่อล่ะ อยากพูดอะไร พูดเลย ฉัน.ฟัง.อยู่”
“เอ็ม....พี่ขอล่ะ นะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย” ปีเตอร์ขอร้อง และก่อนที่ฮาร์ลี่จะทันได้อ้าปากพูดอะไรอีกปีเตอร์ก็ชี้ไปที่หน้าฮาร์ลี่ “นายด้วย ฮาร์ลี่ ขอร้อง แค่นี้ฉันก็อึดอัดมากพอแล้ว ถ้าขืนพวกนายยังทะเลาะกันอีก สาบานได้เลยพวกว่าฉันนี่แหละจะออกจากทีมคนแรก”
ใช่ เขาหมายความอย่างที่พูดจริงๆและดูเหมือนมันจะได้ผลแล้ว ปีเตอร์ไม่ใช่พวกชอบใช้ไม้แข็งแบบนี้เท่าไหร่ แต่เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
ทั้งคู่ดูหน้าเสียหลังจากที่ปีเตอร์พูดออกไปแบบนั้น เพราะปีเตอร์ไม่เคยอยู่ในโหมดโหดมาก่อน ไม่ว่าจะเครียดหรืออยู่สถานการณ์ที่เลวร้ายแค่ไหนปีเตอร์ก็ยังคงตลกได้ตลอดเวลา แต่ครั้งนี้ปีเตอร์กลับพร้อมที่จะจับหัวพวกเขากระแทกกับกำแพงแล้วกดน้ำจนกว่าพวกเขาจะเริ่มร้องขอชีวิต มันอาจฟังดูเวอร์แต่แววตาของปีเตอร์มันแสดงออกชัดเจนมากว่าถ้าทั้งคู่ไม่หยุดเขาเอาทั้งคู่ตายแน่
บรรยากาศเริ่มกดดันมากขึ้น ทั้งสามคนเริ่มอึดอัดมากขึ้น มอร์แกนกับฮาร์ลี่ยังคงไม่พูดอะไร ปีเตอร์หยิบชีสเบอร์เกอร์มาอีกอัน เขารู้ดีว่าเขาไม่ควรเป็นคนทำให้บรรยากาศเลวร้ายแต่ถ้าเขาไม่ทำ ก็คงเป็นแวนด้า ไม่ก็โรดส์หรือแซมนั่นแหละที่ต้องพูด แต่ตอนนี้ทั้งสามคนไม่อยู่ไง แล้วจะมีใครอีกล่ะ
“ฟังนะ” ปีเตอร์เกริ่น “มอร์แกน วันก่อนเธอควรจะรอฉัน ฉันรู้ว่าเธอโกรธที่พวกมันขโมยของที่พ่อเธอสร้างขึ้น แต่เธอไม่ควรบุกเข้าไปแบบนั้น เธอเกือบตาย...ขอร้อง อย่าเถียง” เขาดักคอมอร์แกนที่อ้าปากทำท่าจะเถียง “ฉันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เธอกล้าพูดใช่ไหมว่าเธอจะจับพวกนั้นได้ถ้าฉันไม่เข้าไปขวาง ถ้างั้นทำไมสิ่งที่ฉันเห็นมันไม่ใช่ล่ะ ทุกอย่างตรงกันข้ามไปหมด” ปีเตอร์สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “ส่วนนาย ฮาร์ลี่ช่วยลดอีโก้ของตัวเองลงบ้างได้ไหม ถ้านายเป็นห่วงเอ็มก็แค่พูดไปตรงๆว่านายเป็นห่วง”
เมื่อพูดจบใบหน้าของปีเตอร์ก็ดูเลื่อนลอยราวกับเขากำลังคิดอะไรอยู่ นอกจากเสียงเคี้ยวเบอร์เกอร์แล้วก็ไม่มีเสียงอะไรเลย ทุกคนเงียบกันหมด
เสียงกลืนเบอร์เกอร์ของพี่ใหญ่ดังขึ้นทำลายความเงียบก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มพูดอีกครั้ง “เอาเป็น ในนี้ถ้าจะมีใครขอโทษ มันคงเป็นพี่เอง ที่วันนั้นพี่ไปรวมตัวกับเธอช้า แถมยังจับใครไม่ได้ด้วย เอ็ม….พี่ขอโทษนะ” ปีเตอร์หันไปหาฮาร์ลี่ “ส่วนนาย ฉันขอโทษที่ไม่ค่อยรับฟังนาย ชอบตามใจเอ็ม ชอบทำนายหัวเสีย เป็นพี่ที่ดีของกลุ่มไม่ได้ ฉันผิดเอง ขอโทษ”
“เอาเป็นว่า ถ้าพวกนายหัวเย็นลงเมื่อไหร่ ฉันหัวเย็นลงเมื่อไหร่ เราค่อยกลับมาคุยกัน และหวังว่าตอนนั้นพวกนายจะดีกันแล้ว เลิกทะเลาะ เลิกเกี่ยงกันว่าใครถูกใครผิด โอเค๊” พอพูดจบปีเตอร์ก็กระโดดลงจากตู้เย็นแล้วเดินออกไปพร้อมกับเบอร์เกอร์ชิ้นที่สาม เขาทิ้งให้น้องๆทั้งสองคนยืนเคว้งอยู่ข้างหลัง
.
.
.
.
.
.
สำหรับมอร์แกนแล้ว เธอเองก็รู้ตัวมาตลอดว่าเธอเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง ก็จะให้ทำยังไงได้ล่ะ พ่อของเธอคือโทนี่ สตาร์กผู้ยิ่งใหญ่ สุดยอดวีรบุรุษไอร์ออนแมน ผู้กอบกู้โลกจากการล่มสลายและการบุกครั้งใหญ่ของธานอส สุดยอดอเวนเจอร์ผู้เสียสละ หลังจากที่พ่อจากไปแล้วทุกคนให้ความรักเธอ คอยเอาใจเธอ ลุงแฮปปี้ ลุงโรดส์ คุณลุงแซม คุณปู่สตีฟ พี่ปีเตอร์ พี่ฮาร์ลี่ ทุกคนดูแลและตามใจเธอมาตลอด จนหลายๆครั้งเธอก็เหลิง คิดว่าจะทำอะไรก็ได้ เดี๋ยวสุดท้ายทุกคนก็กลับมาดีกับเธอเอง
ทุกๆครั้งที่เธองอนให้ฮาร์ลี่หรือปีเตอร์ ไม่นานทั้งคู่ก็จะมาง้อเธอ มันเป็นแบบนี้ตลอดจนกระทั้งวันก่อนที่ปีเตอร์เดินออกไป เธอก็ติดต่อปีเตอร์ไม่ได้เลย มันดูเหมือนว่าครั้งนี้ปีเตอร์จะโกรธจริงๆ ซึ่ง...เธอไม่เคยเห็นปีเตอร์โกรธมาก่อน สำหรับเธอแล้วปีเตอร์เป็นพี่ชายที่ใจดี ขี้เล่น ไม่ใช่คนที่จะโกรธหรือโมโหใคร อย่างน้อยก็ไม่เคยทำให้เธอเห็น
ส่วนฮาร์ลี่ หลังจากที่ปีเตอร์เดินออกไปวันนั้นฮาร์ลี่เดินเข้ามาจับมือเธอแต่เธอกลับสะบัดมือออกแล้วไล่ตะเพิดฮาร์ลี่ไป ตั้งแต่นั้นเขาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ทั้งคู่จะได้เจอกันก็ตอนสตีฟเรียกพวกเด็กๆกับพวกแซมไปซ้อม หรือเจอกันตอนกินข้าว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้คุยกันเลย
มอร์แกนรู้ตัวว่าตัวเองผิด แต่เธอไม่อยากจะรับมัน เธอแค่อยากให้พวกพี่ๆเห็นและยอมรับเธอว่าเธอเก่งพอจะทำอะไรด้วยตัวคนเดียวได้โดยพวกพี่ๆไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเธอ คนที่อีโก้สูงไม่ใช่ฮาร์ลี่เลย แต่เป็นเธอเองต่างที่เต็มไปด้วยอีโก้และทิฐิ
ตอนนี้มอร์แกนอยากเจอพ่อ เธออยากกอดพ่อ เธออยากให้พ่อปลอบเธอและลูบหัวเธออีกครั้ง ตอนนี้เธอต้องการให้พ่อมาช่วยยิ่งกว่าอะไร มอร์แกนคิดถึงพ่อมากจนไม่รู้ว่าจะพูดมันออกมายังไง และไม่รู้ว่าจะพูดให้ใครฟังดี พอคิดแบบนั้นอยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาแบบหยุดไม่อยู่
‘กรุณาฝากข้อความหลังเสียงสัญญาณ ปิ๊บ!’ เป็นอีกครั้งที่เธอพยายามติดต่อปีเตอร์ “พีท.. พี่คะ วันนี้มาเจอกันหน่อยได้ไหม ที่ร้านเบอร์เกอร์ร้านเดิม ตอนทุ่มนึงนะ หนูจะรอนะคะ...เอ็ม”
ตอนนี้เพิ่งเที่ยง แต่มอร์แกนก็ไม่มีสมาธิทำอะไร เธอไม่กล้าเข้าไปทักฮาร์ลี่เพราะฮาร์ลี่ยังไม่มองเธอเลย เธอไม่กล้าปรึกษาพวกผู้ใหญ่เพราะรู้ดีว่าพวกเขาจะแนะนำเธอให้ทำอะไร ตอนนี้เธอแค่อยากติดต่อปีเตอร์ให้ได้ก่อน มอร์แกนอดทนรอให้ถึงเวลาเลิกฝึกตอนเย็นไม่ไหว จึงตัดสินใจที่จะโดดซ้อมแล้วออกไปรอปีเตอร์ที่ร้านที่นัดไว้...อย่างน้อยเธอก็หวังให้ปีเตอร์ได้รับข้อความน่ะนะ
.
.
.
.
ระหว่างที่กำลังเดินไปซ้อม ฮาร์ลี่เห็นมอร์แกนทำตัวลับๆล่อๆเดินออกจากตัวอาคารไป เขาจึงตัดสินใจโดดซ้อมแล้วตามเธอไป เขาตามมาจนถึงร้านประจำของเธอ ตอนนี้เขาแอบมองเธออยู่จากร้านการแฟฝั่งตรงข้าม สีหน้าของมอร์แกนก็เหมือนหลายวันที่ผ่านมา เธอดูเศร้าหมอง แต่วันนี้ดูหนักกว่าวันก่อนๆที่ผ่านมา ดวงตาของเธอดูแดงก่ำเหมือนเธอเพิ่งร้องไห้มา หรือบางทีตอนนี้เธออาจจะร้องไห้อยู่ก็ได้ ฮาร์ลี่อยากจะเดินเข้าไปหาเธอแล้วกอดปลอบเธอไว้ แต่กลัวโดนเธอไล่ตะเพิดออกมาอีก สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือ นั่งรอเธอจนกว่าเธอจะอยากกลับ
ผ่านไปกว่าห้าชั่วโมงแล้ว มอร์แกนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ชีสเบอร์กเกอร์และช็อคโกแลตเย็นที่เธอสั่งมาตั้งแต่เมื่อบ่ายเธอก็ยังไม่แม้แต่จะแตะต้องมันเลย ...ฮาร์ลี่รู้ได้ยังไงน่ะเหรอว่าเธอสั่งอะไร ก็เมนูพวกนี้เป็นเมนูประจำของเธอน่ะสิ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกนะ
มอร์แกนเอาแต่จ้องนาฬิกาสลับกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน เธอทำอย่างนี้ตั้งแต่ทุ่มนึง จนเกือบๆสองทุ่มครึ่งเธอถึงหยุด เธอนั่งนิ่งเหม่อมองเบอร์เกอร์อยู่อย่างนั้น ไม่นานนักเธอก็เริ่มร้องไห้ วินาทีนั้นเองหัวใจของฮาร์ลี่เหมือนถูกมีดกรีดลงกลางหัวใจ เขาไม่เคยเห็นมอร์แกนร้องไห้และเขาก็ไม่อยากเห็นด้วย มือไม้ของฮาร์ลี่สั่นไปหมด เกิดอะไรขึ้นกันมอร์แกน อะไรที่ทำให้เธอร้องไห้ได้ขนาดนี้ ใครทำอะไรเธอ...ใครกัน
รู้สึกตัวอีกทีฮาร์ลี่ก็ยืนอยู่ข้างๆมอร์แกนแล้ว “เฮ้ คนสวย” เสียงของฮาร์ลี่สั่นเครือ “เป็นอะไรไปคะ”
มอร์แกนหันไปมองชายหนุ่มอยู่ชั่วอึดใจนึงก่อนจะโผเข้ากอดแล้วปล่อยโฮออกมา ฮาร์ลี่เม้มปากแน่น เขาโอบมอร์แกนไว้แล้วค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเธอ “ใครทำอะไรยัยหนูของพี่ ฮึ? ใครมันช่างกล้ามารังแกมอร์แกน สตาร์ก ไหนบอกพี่สิคะ” เขาลูบเลือนผมนุ่มของมอร์แกนอย่างเบามือ “พี่จะไปจัดการมันเอง”
มอร์แกนผละตัวออกแล้วจ้องตาฮาร์ลี่เขม็ง สาวน้อยเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของฮาร์ลี่อย่างแรงแล้วทุบที่หน้าอกของอีกฝ่ายก่อนจะโวยวายเสียงดังสนั่น “ก็พี่นั่นแหละ!”
คำตอบของคุณหนูสตาร์กทำเอาไอ้หนุ่มคีนเนอร์ถึงกับงงจนไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“ห๊ะ….” ฮาร์ลี่พยายามนึกว่าเขาทำอะไรให้เธอต้องร้องไห้ทั้งที่คนที่อยากร้องไห้คือเขามากกว่าไม่ใช่เหรอ “ฉันเหรอ….”
“ใช่!!” มอร์แกนสูดจมูกเสียงดัง “ทำไมพี่ไม่ง้อฉันล่ะ!! ปกติพี่ไม่เคยเมินฉันนี่นา ฮึก!!”
ฮาร์ลี่ คีนเนอร์ถึงบางอ้อทันที
“ก็โธ่...ใครมันจะไปกล้าง้อล่ะ เข้าใกล้ก็โดนไล่ตะเพิด ไม่ยอมมองหน้าแถมยังชอบเดินหนีอีก” ฮาร์ลี่บีบจมูกอีกฝ่ายเบาๆ “รู้ไหมว่าคนที่ควรร้องไห้คือพี่ต่างหาก ยิ่งเวลาที่เห็นเธอไม่มีความสุขเนี่ย ไม่ชอบเลย”
“ก็พี่มาว่าฉันไม่รู้จักคิดนี่! แถมวันนั้นยังตวาดฉันด้วย!! ฮึก...ฉันนึกว่าพี่เกลียดฉันแล้วซะอีก แงงงงงงงง” เด็กสาวเริ่มร้องไห้อีกครั้ง “หนูขอโทษ แงงงงง”
ไม่รู้ว่าฮาร์ลี่จะร้องไห้ที่มอร์แกนกลัวเขาจนร้องไห้หรือจะหัวเราะที่เธอร้องไห้เป็นเล็กดี มือเรียวที่ลูบหัวเธออยู่นั้นค่อยๆเอื้อมมาปาดน้ำตา เขาก้มตัวจนหน้าผากชนกันกับมอร์แกน “ไม่มีใครมารังแกคนสวยของพี่ พี่ก็ดีใจแล้ว” ฮาร์ลี่ส่งยิ้มเอ็นดูให้อีกฝ่าย “พี่ขอโทษนะคะ ที่ว่าเธอแบบนั้น ขอโทษที่เสียงดังใส่เธอ แล้วก็ขอโทษนะที่ไม่ได้มาง้อ”
มอร์แกนพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดชายหนุ่มอีกครั้ง เธอสัญญากับตัวเองว่า จะไม่งี่เง่าใส่ฮาร์ลี่กับปีเตอร์อีก อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะนะ หลังจากนี้เธอจะให้เป็นเรื่องของอนาคตที่เธอจะพยายามงี่เง่าใส่พี่ๆให้น้อยที่สุด
แม้จะไม่ใช่พี่น้องกันจริง แต่ภาพพี่ชายน้องสาวกอดกันช่างน่ารักจริงๆ คนอื่นอาจจะไม่ได้คิดแบบนี้ แต่ปีเตอร์คิด
ปีเตอร์ที่อยู่ในชุดไอ้แมงมุมกำลังห้อยตัวกลับหัวอยู่นอกหน้าต่างมองดูภาพที่หาได้ยากนี้อยู่เงียบๆ หัวใจเขาพองโตที่เห็นทั้งคู่ดีกัน แม้หลายวันที่ผ่านมาเขาอยากจะรับสายเด็กสาวแล้วบอกว่า ‘เฮ้ เดี๋ยวพี่จะเข้าฐานทัพแล้วนะ เธอได้ชีสเบอร์เกอร์ไหม’ แต่เขาก็ต้องทำใจแข็งไว้
ถึงทั้งสามจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆแต่ปีเตอร์ ฮาร์ลี่และมอร์แกนรู้ดีว่าพวกเขารักกันมากแค่ไหน ในฐานะพี่ใหญ่ และในฐานะไอ้แมงมุม เขาอยากจะเป็นตัวเชื่อมสายใยความสัมพันธ์ไว้ ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะไม่มีวันหายไป
“น่ารักจริงๆเลยน๊าาา”
.
.
.
.
.
.
[ END ]
[ END CREDIT ] “แล้ววันนั้นมอร์แกนโทรหาใครกันนะ มือถือฉันก็ไม่ดังซะหน่อย” ฮาร์ลี่บ่นอุบอิบ “เอ๊ะ….หรือว่าแฟน!!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in