ร่างเพรียวบางในชุดประจำตัวสีเขียวสลับดำประดับด้วยโลหะและทองก้าวยาวๆไปตามทางเดิน สีหน้าของเจ้าตัวดูแจ่มใสขึ้นหลังจากแอบไปเล่นซนที่คุกใต้ดินมาเล็กน้อย
เทพหนุ่มเจ้าเล่ห์กำลังจะถึงโถงรับรองอยู่แล้วตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะของกลุ่มคนดังแว่วออกมาจากทิศทางที่เขาก็ลังมุ่งไป
“อ้าว น้องข้า! ข้านึกว่าเจ้าบอกว่าจะไม่มากินข้าวกับข้าแล้วเสียอีก” ธอร์พูดขึ้นเสียงดังอยู่ตรงหัวโต๊ะอาหารตัวยาว โดยมีกลุ่มสามพิริยะและเลดี้ซิฟจับกลุ่มนั่งกันอยู่ที่โต๊ะเตี้ยด้านหลัง…
ช่างน่าหงุดหงิดนัก! โลกิคิดในใจแม้ใบหน้าจะพรายยิ้มแย้ม
“ข้ามากินข้าวกับท่านแม่ ไม่ใช่เจ้า..ธอร์” โลกิเดินเอามือไขว้หลัง ส่งยิ้มให้ฟริกก้าที่นั่งอยู่ทางขวาของพี่ชาย แล้วหย่อนกายลงนั่งที่ข้างกัน
ฮึ พี่ชาย...ที่จะนับก็ใช่ ไม่นับก็ไม่ใช่ แล้วยังมีเหล่าสหายลูกไล่ที่เฮละโลตามไปเสียทุกที่ มาเป็นคอมโบเชียวนะ ดูท่าวันนี้ของเขาคงไม่น่าอภิรมณ์ไปทั้งวัน
“อ้อ… นี่เจ้ารู้หรือยังโลกิ ท่านพ่อสั่งให้มีงานเลี้ยงคืนนี้ ข้าเพิ่งได้ฟังจากท่านแม่ ชักจะจัดงานเลี้ยงบ่อยไปแล้วเจ้าว่าไหม?”
โลกิได้ยินก็ทำเป็นสนใจอาหารที่มีคนนำมาเสิร์ฟให้ตรงหน้าแล้วลอบยิ้ม
“ท่านไม่ได้กลับแอสการ์ดมาเสียนาน ออลฟาร์เธอร์คงจะอยากฉลองนั่นแหละ.. ข้าไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาตรงไหน ปาร์ตี้ก็สนุกดีไม่ใช่หรือ”
“ข้าเห็นด้วย! มีเหล้ามีอาหารให้พวกข้าสนุกกันทั้งคืน ดีที่สุดแล้ว!” โวลล์สแต็กก์โพล่งขึ้นมาเสียงดัง ตามด้วยการพูดถึงงานเลี้ยงครั้งก่อน
เมื่อคืนวันแรกที่ธอร์กลับมาจากการออกไปตามหาเส้นทางของตัวเอง...
หลังจากต้องสูญเสียน้องชายแลกกับชีวิตของหญิงที่ตนรัก เหตุการณ์นั้นติดอยู่ภายในใจของเทพสายฟ้าผู้แข็งแกร่ง กรีดซ้ำรอยแผลเดิมที่ตนไม่อาจจะยื้อหัวใจน้องไว้ ไม่แม้จะเอื้อมมือไปให้ถึง ทั้งอย่างนั้นตอนที่ได้ตัวกลับคืนมาความโกรธเกรี้ยวกลับมากมายเสียจนส่งให้เขาเย็นชา เลิกสนใจคนที่ออกปากจะทำลายทุกสิ่งที่เขารักอีก
และ...
เป็นอีกครั้งที่โลกิเลือกทิ้งชีวิตตัวเองต่อหน้าเขา
ราวกับตราบาป ธอร์ไม่อาจทำใจรับบัลลังก์ไว้ได้ และยิ่งไม่อาจทำใจอยู่ในแอสการ์ดที่แน่นขนัดไปด้วยช่วงเวลาเกือบหนึ่งพันปีของน้องได้อีก ธอร์จึงก้าวออกไปภายนอก ทบทวนทุกอย่างที่ได้ผิดพลาด และเรียนรู้ทุกสิ่งเพื่อที่จะก้าวต่อไป
หลังจากผ่านไปนานจนเขาไปเยือนครบทั้งเก้าโลก ธอร์ก็หวนคืนบ้านอีกครั้ง ท่ามกลางความประหลาดใจ และโล่งใจของคิงและควีนแห่งแอสการ์ด
แต่นั่นคงไม่เท่าความประหลาดใจของเขาที่พบว่าน้องยังมีชีวิตอยู่
คราวนี้ธอร์จึงตั้งมั่นว่าจะต้องเข้าถึงจิตใจของเจ้ายักษ์น้ำแข็งตัวเล็กนั่นให้ได้!
.
.
ระหว่างที่ธอร์หันไปคุยสนุกสนานกับสหายทั้งสี่ โลกิก็ปรายตามองแล้วยกแก้วทองบรรจุไวน์ขึ้นจิบพร้อมกันแค่นเสียง หึ เบาๆในลำคอ
ฟริกก้าเห็นปฏิกิริยานั้นจึงพูดขึ้นพอให้ได้ยินกันทั้งวงสนทนา
“คืนนี้แม่คงจะเห็นเจ้าที่งานสินะ โลกิ” เจ้าตัวถึงกับชะงักหันมามองคนพูด
“อ..เอ่อ ก็”
“ต้องมาสิโลกิ! เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าพลาดเห็นท่านพ่อทำตัวตลกๆในงานเลี้ยงกี่ครั้งแล้ว ฮ่าๆๆๆ”
“ใช่ๆ อย่างครั้งที่แล้วนะ องค์โอดินลุกขึ้นมายืนโยกเอวอยู่บนเก้าอี้ แบบนี้ เจ้าคิดดูแล้วกัน ฮ่าๆๆ อุ๊บ!!!” เลดี้ชิฟรีบตะครุบปากเพื่อนที่ไม่พูดเปล่ายังทำท่าประกอบให้ดูเสียอีก
ทั้งสี่รีบพากันคุกเข่าลงขอโทษองค์ราชินีเป็นการใหญ่ แม้แต่ธอร์ก็ยังหน้าเจื่อนว่าเผลอเอาเรื่องมาพูดตลกต่อหน้าแม่ซะได้
ฟริกก้าเลิกคิ้วสูง มีสีหน้าตกใจประหลาดๆแต่ก็พยักหน้าเล็กน้อย อภัยให้กับเหล่าสหายของเจ้าชายองค์โตแห่งแอสการ์ด และเมื่อหันไปข้างตัว เจ้าชายแสนซนองค์เล็กก็ส่งยิ้มแห้งๆมาให้
“…เช่นนั้น ‘ข้า’ กับ ‘องค์โอดิน’ จะรอพบเจ้าที่งานนะ โลกิ…” เธอลุกขึ้นยืนพลางจับคางเจ้าลูกชายตัวดีส่ายไปมาเบาๆด้วยสายตาคาดโทษ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ทั้งหมดจึงพากันถอนหายใจโล่งอก หันไปรุมเจ้าโวลล์สแต็กก์ที่ปากพล่อยจนหวิดถูกสั่งขังลืมทั้งคณะ
“ท่านแม่ยามโกรธนี่น่ากลัวชะมัด…แต่ทำไมดู พูดกับเจ้าแปลกๆ?? …ช่างเถอะ เจ้าต้องมาร่วมงานนะโลกิ! จะมามัวเก็บตัวอยู่ได้ยังไง!” ธอร์ยกน่องไก่ในมือชี้มาหาน้อง ฉีกยิ้มกว้าง
แม้จะโดนโลกิจะปรายตามองอย่างรำคาญ… คนน้องได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น เรื่องสำคัญกว่าเจ้าพี่งี่เง่านั่นก็คือ
คืนนี้จะทำยังไงดีเนี่ย?!!
.
.
.
ณ ห้องโถงเล็กสำหรับจัดเลี้ยงภายใน ทั้งห้องสว่างไสวด้วยคบไฟสีทอง และเสียงเพลงจากคณะบรรเลงโต๊ะตัวยาวเต็มไปด้วยอาหารคาวหวานและเหล้าสุราซึ่งถูกรินเติมอยู่ไม่ขาด งานเลี้ยงเพิ่งจะเริ่มได้ไม่นานแต่คนก็แน่นขนัด ต่างจับกลุ่มส่งเสียงพูดคุยกันอย่างออกรส
ธอร์อยู่ตรงนั้น นั่งอยู่ท้ายสุดของโต๊ะใกล้กับโค้งประตูซึ่งสามารถออกไปรับลมที่ระเบียงทางเดินได้ เหล่าสหายสายธอร์กระจายตัวกันสนุกสนานกับงานเลี้ยง ก่อนที่เสียงดนตรีจะหยุดลง
และเสียงจอแจเงียบลงตาม
ราชาแห่งแอสการ์ดเดินควงคู่มากับราชินีผู้มีบรรยากาศอ่อนโยนสง่างามรายล้อม ทั้งสองเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงยกพื้นด้านหน้าคณะดนตรี
“เอาล่ะ ก่อนอื่นขอบคุณพวกเจ้าทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้” โอดินเริ่ม
“และอย่างที่พวกเจ้าเข้าใจ งานนี้ข้าจัดขึ้นเพื่อลูกชายของข้า ธอร์” เขาผายมือไปทางท้ายโต๊ะ เจ้าชายองค์โตแห่งแอสการ์ดรีบโค้งรับแล้วเดินออกมาที่ด้านหน้า ยิ้มรับให้กับเสียงปรบมือที่รายล้อม
“ท่านพ่อ..ท่านแม่” เมื่อมาหยุดยืนที่ด้านหน้า ธอร์สบตาคนทั้งสองแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ข้าช่างเอาแต่ใจ ทำให้พวกท่านเป็นกังวลอยู่เรื่อย...ข้าควรทำเช่นไรดี” ฟริกก้าเห็นบ่ากว้างของลูกชายลู่ลงไม่เหมือนดังเคยก็ย่อตัวลงรับให้ยืนขึ้น
“ไม่เป็นไรเลยธอร์..แค่เจ้าเรียนรู้ เติบโต รู้จักนึกถึงคนรอบข้าง นั่นเป็นสิ่งมีค่าที่พ่อแม่ได้จากการรอลูกๆของพวกเขาอยู่ที่บ้านแล้ว” เธอยิ้มอ่อนโยน และลูบแก้มนั้นด้วยรัก ก่อนจะหันไปทางโอดินแล้วเปิดทางให้
องค์โอดินทำเพียงแค่มองอยู่นิ่งๆ ไม่ได้เดินเข้าไปหาลูกชาย แล้วพูดขึ้นด้วยทำนองช้าๆ เนิบนาบว่า
“บุตรชายข้า…วันนึงเจ้าจะเป็นราชา วันที่เจ้าพร้อม.. และข้าดีใจที่เจ้าเลือกที่จะออกไปตามหา เรียนรู้...” ทุกสายตาจับจ้องมาทิศทางเดียว รวมทั้งธอร์และฟริกก้า เป็นจังหวะขาดช่วงอันเงียบเชียบ..
“เอ่อ ข้าดีใจที่เจ้ากลับมา ชนแก้ว!” เสียงเฮดังขึ้นพร้อมๆกับที่ออลฟาร์เธอร์คว้าแก้วไวน์จากไหนไม่รู้ขึ้นชูไปรอบๆ
“พ่อเจ้าพูดได้เท่านั้นก็เก่งแล้วล่ะ” ฟริกก้าตบบ่าลูกชายที่ยืนงงอยู่ เธอมองโอดิน ส่ายหน้าน้อยๆ
“โลกิล่ะท่านแม่? ท่านเห็นโลกิมาหรือยัง” ธอร์ถามพลางมองหา
“เอ..จะมา อ้ะ นั่นไงน้องเจ้า...พูดถึงก็มาเชียวนะ” เธอชี้ให้ดูคนที่เพิ่งเดินพ้นประตูโค้งเข้ามา
“โลกิ!” ธอร์ส่งเสียงเรียก โลกิฉีกยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาคนทั้งสอง
“ท่านแม่..ท่านพี่” เจ้าตัวโค้งให้ทั้งสอง
“ข้าเกือบนึกว่าเจ้า..จะมาไม่ได้ซะแล้ว โลกิ” ฟริกก้าจับคางเจ้าตัวดี ท่าทางมันเขี้ยว
“พูดอะไรน่ะท่านแม่? นี่ข้าจะให้ท่านพ่อพูดเรื่องเจ้าด้วย ท่านพ่อ!.. อ้าว ท่านพ่อล่ะ?!” เมื่อหันไปก็ไม่เห็นองค์โอดินอยู่ตรงนั้นแล้ว แม้จะกวาดตามองรอบๆก็ไม่เจอ ธอร์มัวแต่มองหาทางนั้นทางนี้จึงไม่ทันรู้สึกถึงอีกสองคนที่ลอบมองกันอยู่เงียบๆ
คนหนึ่งถอนหายใจ อีกคนยิ้มแผล่
“โลกิ เจ้าช่วยข้าไว้ที่ดาร์คเอลฟ์ เจ้าควรจะได้รับการสรรเสริญด้วย..มานี่ ข้าจะไปบอกท่านพ่อ” ร่างสูงคว้าข้อมือน้องที่กำลังตั้งป้อมปฏิเสธอย่างร้อนรน
“เดี๋ยวก่อนธอร์!” โลกิดึงมือไว้
“เรื่องนี้ข้าคุยกับองค์โอดินแล้ว ใช่ไหมท่านแม่.. และข้าก็เป็นคนให้ปิดเรื่องที่ข้ายังไม่ตายไว้เอง”
ธอร์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ผละจากน้องชายหันไปหามารดา
“ยังไงกันท่านแม่ นี่เป็นเรื่องน่ายินดีไม่ควรต้องปกปิดไม่ใช่หรือ?”
ฟริกก้าอ้ำอึ้ง หันไปทำตาดุใส่โลกิแวบหนึ่งก่อนจะตอบ
“ก็ดูเอาเถอะธอร์ ความคิดน้องเจ้าแต่ละอย่าง...แม่ต้องขอตัวไปดูออลฟาร์เธอร์ก่อน ขอให้สนุกกับงานเลี้ยง” เธอพูดรัวเร็ว ตบไหล่ลูกชายทั้งสอง(ซึ่งออกจะหนักที่โลกิสักหน่อย) แล้วผละออกจากงานไปทันที
ร่างสูงหันกลับมาที่โลกิอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวต้นเรื่องยกมือทั้งสองข้าง เขายกไหล่ขึ้นแล้วรีบพูดดักคอ
“ข้าจะไปสนุกกับงานเลี้ยง เชิญท่านตามสบาย” โลกิตบไหล่พี่ชายสองทีแล้วเดินหายเข้าไปในกลุ่มคน
“…ชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นตัวเอกของงานกันแน่ในเมื่อข้าโดนเมินขนาดนี้”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in