เพราะสัญชาตญาณของสัตว์ที่เป็นผู้ถูกล่าทำให้เขาประสาทสัมผัสค่อนข้างไว เช่นเดียวกับกลิ่นสาบที่เขาได้กลิ่นอยู่ตอนนี้
พ่อ
“พ่อ!” ขาเล็กรีบวิ่งไปในตัวบ้านทันที เมื่อเขาได้กลิ่นอะไรที่ไม่ชอบมาพากลอย่างกลิ่นเลือด
วันนี้คุณจุนฮยองอนุญาตให้เขากลับบ้านมาดูว่าคุณพ่อของกีกวังยังสบายดีอยู่มั้ย สภาพบ้านที่ดูเหมือนไม่มีใครดูแลก็พอจะเดาได้ว่าพ่อเขาคงไปสิงอยู่ที่บ่อนไหนซักที่นานกว่าบ้านไปแล้ว แต่มันก็ไม่ควรมีกลิ่นคาวแบบนี้ให้เขาได้กลิ่น
“เดี๋ยวครับคุณกีกวัง” บอดี้การ์ดของจุนฮยองที่มากับกีกวังรีบเข้ามาขวางก่อนที่คนตัวเล็กจะได้เปิดห้องที่มีกลิ่นออกมารุนแรง
เขาไม่กล้าเสี่ยง
ถ้าหากคุณกีกวังเป็นอะไรไป เขาก็คงได้เป็นอะไรไปมากกว่าอีกสิบเท่าแน่นอน
ชายมีอายุนอนหมดสภาพอยู่บนฟูก ศีรษะมีแผลเหมือนโดนฟาดมา กลิ่นเลือดที่ได้คงมาจากแผลตรงนี้ กีกวังมองข้ามไหล่ของบอดี้การ์ดไปก่อนจะพยายามถลาตัวเข้าไปหาพ่อของตัวเอง
“พ่อ พ่อ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นปลุกสติของชายหนุ่ม เขาไม่ได้ดีใจที่เจอกีกวังแต่กลับโมโหขึ้นมาพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดลุกขึ้นเพื่อจะทำร้ายร่างกายคนเป็นลูก
“แก! ทำไมแกยังไม่ไปอีก”
“ออกไป!!”
คนตัวเล็กหยุดนิ่งไม่ไหวติงเมื่อประโยคที่หลุดออกมาจากปากของคนเป็นพ่อทำเอาเขาปวดหนึบหัวใจ ราวกับโดนน้ำแข็งสาดเข้าเต็มๆหน้า
สรุปเขากลับมาให้พ่อเขาด่าหรอเนี่ย
นึกสมเพชตัวเองที่คิดว่าอีกคนจะคิดถึงนึกถึงเขาซักครั้ง
สุดท้ายก็ไม่เลย
ยิ่งทำราวกับหลุดพ้นจากเขาไปแล้ว
“ฝากพาไปโรงพยาบาลให้หน่อยนะครับ”
“กีกวัง” คนที่นั่งเหม่ออยู่โซฟาไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่กลับมาจากบ้านของคนตัวเล็ก ก็ไม่ยอมพูดอะไรกับใคร ทำเพียงแค่เดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางอ่อนแรงแล้วนั่งแหมะอยู่ที่โซฟาร่วมชั่วโมง
“อีกีกวัง” จุนฮยองพูดด้วยเสียงกังวานทำให้กระต่ายน้อยสะดุ้งสุดตัวก่อนจะมองมาด้วยท่าทางตื่นๆ
“ชู่วๆ ร้องไห้ทำไม” กีกวังนึกเกลียดตัวเองที่เขาร้องไห้ต่อหน้าจุนฮยองมาสองครั้งแล้ว แถมไม่ได้ตั้งใจทั้งสองครั้ง เพียงแค่จุนฮยองทำเสียงดังใส่น้ำตาของเขาก็เผลอกลิ้งลงมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“จุนฮยองแกล้งอะไรน้อง” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเขากำลังเห็นคนตัวเล็กตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของหลานตัวเอง
“ผมไม่ได้ทำนะครับ” จุนฮยองกอดอีกคนไว้แน่นพลางกระซิบปลอบโยนอีกคนแม้เขาจะไม่รู้ว่าอีกคนร้องไห้เพราะอะไร รอให้พร้อมแล้วค่อยถามก็ได้
“แล้วพ่อเธอละ” หลังกินข้าว อายน้ำเสร็จจุนฮยองก้เรียกอีกคนให้มาหาที่ห้องของเขาที่อยู่ข้างๆกับเจ้าตัว ห้องนอนที่มีโต๊ะทำงานเหมือนว่าจะถูกใช้งานมากกว่าเตียงด้วยซ้ำ
“อยู่โรงพยาบาลครับ” กีกวังก้มหน้างุดมองมือที่อยู่บนตัก บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบมีเพียงแค่เสียงกระดาษกับเสียงปากกาจากจุนฮยองดังขึ้น ตาใสค่อยๆเงยมามองท่าทางของอีกคนที่ ทำงานอยู่
“เหนื่อยมั้ยครับ” จุนฮยองเลิกคิ้วให้กับคำถามก่อนจะวางงานทั้งหมดลง จริงๆมันไม่ได้เป็นงานที่รีบแต่เขาแค่ไม่มีอะไรทำก่อนนอนแค่นั้น
“ก็นิดหน่อย”
“ผมว่าคุณดูเหนื่อยมากนะครับ”
“งั้นก็นอนเป็นเพื่อนฉันสิ”
มันเกี่ยวกันหรอครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in