*coverไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาแต่อย่างใด แต่ใส่เพราะสวยดี*
สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเขียนบทความขึ้นมา ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้สื่อสารผ่านตัวอักษรได้ดีมากนั้นเกิดจากความว่างมาก ระหว่างใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยรอมหาวิทยาลัยเปิดเทอม คอยส่องแท็ก #Dek61 #ทีมศิลปากร นั่งดูตาเอกแคสเกม และพยายามหาประสบการณ์ชีวิตในรั้วเขียวเวอร์ริเดียนอ่าน จึงตัดสินใจว่า เออ เราจะบ่นขิงข่าลอยๆในทวิตอย่างเดียวไม่ได้ มาเขียน(แกมบ่น)ในนี้บ้างแล้วกัน เผื่อวันไหนย้อนกลับมาอ่านหรือมีคนบังเอิญกดมาอ่านประสบการณ์ของเราแล้วอาจจะมีประโยชน์อะไรบ้าง และอีกสิ่งที่ตัดสินใจเขียนคืออยากรู้ว่าวันแรก. . . . จนถึงบทความล่าสุดที่จะเขียนความคิดเราจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ชีวิตมีอะไรพัฒนาขึ้นหรือเปล่า เอาละ เกริ่นมายาวเวิ่นเว้อ เข้าสู่หัวข้อที่กำลังจะพิมพ์เลยดีกว่า
ก้าวแรกของเรา
จริงๆเราไม่ได้วาดภาพตัวเองเป็นเด็กอักษรฯ ศิลปากรด้วยซ้ำ หลังจากเรียนๆเล่นๆมาตลอด6ปี สิ่งที่รู้คืออยากเรียนภาษา คณะอักษรฯ มนุษฯ ศิลปศาสตร์ เลยเป็น3ในตัวเลือกในหัว แต่ทีนี้จะเรียนที่ไหน . . . ไม่รู้แฮะ จนกระทั่งม.6 เรารู้มาว่าที่นี่มีโควตา28จังหวัด โป๊ะเช๊ะ ภูมิลำเนาอยู่ในโควตาพอดิบพอดี
เลยเอาวะ ลองยื่นกับเพื่อนหน่อยแล้วกัน เผื่อจะติด ตอนแรกพอรู้ว่าต้องใช้9วิชายื่น (รวมถึงPat7.1อันน้อยนิด orz) ก็เครียดนิดหน่อยเพราะโดนไซโคมาตลอดว่ามันยาก หลังจากสอบ9วิชาเสร็จก็เห็นด้วยว่ามันยากจริงๆ อังกฤษ80ข้อ100คะแนน บ้าไปแล้วววววววว ซึ่งเราทำไม่ทันด้วย ดิ่งไฟลุกไป20ข้อเหนาะๆ หลังจากคะแนนออกก็ร้อนๆหนาวๆละว่าจะผ่านไหม (ซึ่งถ้าไม่ผ่านก็ปลอบใจตัวเอง รอบ3รอบ4รออยู่เว้ย) หลังจากประกาศผล ติดจ้าาาาาาาาา ตอนรู้ผลนั่นอยู่ภูเก็ต เช้าวันถัดมาก็ต้องรีบบินกลับด่วนเลยเพราะต้องไปสัมภาษณ์วันถัดไป (ตารางทำไมกระชั้นแบบนี้คะคุณกิตติ) ผลตรวจร่างกายก็ต้องตรวจจากนี่ไป เสียเงินเบาๆ590บาท ฮรึก
แต่หลังจากติดนั่นเราก็ยังดีใจไม่สุด ใจนึงก็คิดว่าเรียนที่นี่ดีแล้ว อักษรศาสตร์เชียวนา ศิลปากรก็ใกล้บ้านด้วย แต่อีกใจนึงก็อยากไปยื่นรอบอื่นทดสอบคะแนนตัวเองว่าจะติดที่ไหนได้บ้าง ตอนแรกจะไม่บินกลับไปแต่แม่บอกว่า ' ติดแล้วก็ไปเถอะ ที่นี่คนเค้าก็เรียนกัน จะได้ไม่ต้องรอรอบอื่น ' เอาวะ ลองไปซักตั้ง เผื่อสัมภาษณ์ผ่านจะได้ตัดสินใจถูก ยังไงมีที่เรียนก็ยังดีกว่าไม่มีละวะ
รั้วเขียวเวอร์ริเดียน มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์
พอขึ้นรถตู้รอบแรกมาถึงหน้ามอปุ๊ป มีคนหลายคนที่มาสัมภาษณ์ที่นี่เหมือนกับเรา หลังจากลงรถแล้วเราก็เดินไปที่คณะอักษรศาสตร์ ระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าไปเราได้ยินเสียงกลองสันทนาการแว่วเข้ามา
' เค้ามีกิจกรรมอะไรแต่เช้าขนาดนี้เลยเรอะ ' ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
เดินไปได้ซักพักก็เห็นต้นตอของเสียงที่มาจากพี่ๆกลุ่มนึงมาคอยแนะทางว่าเราต้องไปทางไหน
' น้องไปคณะไหนครับ '
' อักษรศาสตร์ค่ะ '
' ทางนั้นเลยน้อง โชคดีครับ ' เราขอบคุณและยิ้มให้พี่ๆ
ก่อนหน้านั้นเราเคยมาศิลปากรแล้วสองครั้ง เป็นการมากับโรงเรียนเพื่อแข่งทักษะภาษาฝรั่งเศส ถามว่าได้รางวัลไหม . . . . . /ละไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่ครั้งนี้เรามาในฐานะนักเรียนที่มาสัมภาษณ์ ตื่นเต้นแบบแปลกๆ เวลาขณะที่เราไปถึงคือ7.30น. เริ่มสัมภาษณ์จริงๆตอน 8.30น. เนื่องจากเราอ่านมาว่าสัมภาษณ์จะรันตามคิวคนที่มาก่อนเลยรีบมาให้เร็วที่สุด พอไปถึงก็เห็นหลายๆคนมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีพี่ๆคอยแนะแนวว่าต้องเตรียมเอกสารอย่างไรบ้าง เรานั่งรอที่โต๊ะแล้วก็สังเกตคนรอบๆตัวไปด้วยแล้วก็หาอะไรทำฆ่าเวลา ซักพักรุ่นพี่ก็เริ่มประกาศเรียกให้เด็กน้อยทั้งหลายเข้าไปในหอประชุมเพื่อกรอกข้อมูลประกอบการสัมภาษณ์ ด้วยความเร็ว(เหรอ)ของเราจึงได้ไปอยู่คนแรกในแถวของอักษรศาสตร์แบบไม่แยกสาขาได้ หลังจากนั่งประจำที่บรรยากาศแห่งการเตรียมสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้น
ชะละล่า สัมภาษณ์แล้วจ้า
ในขณะที่กรอกใบข้อมูลประกอบการสัมภาษณ์ รุ่นพี่ก็ผลัดกันขึ้นมาทำหน้าที่พิธีกรเพื่อให้ข้อมูลและเอนเตอเทรนด์น้องๆ แต่ก็น้องๆก็ไร้ซึ่งปฏิสัมพันธ์ใดๆเพราะทุกคนเครียดกับการกรอกแบบสัมภาษณ์มาก (ไม่มีคะแนนในส่วนนี้ แต่ทุกคนเครียดจริงๆ) 55555555 พอถึงเวลาก็จะมีพี่ๆมาตามไปสัมภาษณ์กับอาจารย์ในอีกห้องหนึ่ง ซึ่งอาจารย์หลายๆท่านจะนั่งอยู่ในห้องนั้นแต่ว่าแยกโต๊ะกัน เราผู้ซึ่งเป็นคิวแรกก็ได้เข้าห้องไปก่อนและคนอื่นๆก็เดินตามเข้ามา บรรยากาศการสัมภาษณ์ของเราชิวๆมากกกกกก ไม่มีอะไรให้เครียดเท่าไหร่ เราได้สัมภาษณ์กับอาจารย์ภาคภาษาฝรั่งเศสและก็ผ่านมาได้ด้วยดี หากใครอ่านบทความนี้และกังวลว่าคุณจะตกสัมภาษณ์ ไม่ต้องกลัวค่ะ ถ้าคุณไม่ได้อินดี้แบบโลกนี้เข้าไม่ถึง คุณไม่มีทางตกสัมภาษณ์แน่อน
แต่ยกเว้นรอบ3ซึ่งมหาลัยเรียนสัมภาษณ์เยอะ แต่รับตามจำนวน ._. ต้องรอดูกันต่อไป
แนบบทสนทนาคร่าวๆของเรากับอาจารย์
เรา: สวัสดีค่ะอาจารย์
อาจารย์: *อ่านใบประกอบการสัมภาษณ์*
*เกียมตัวจะหย่อนก้น แต่เอ๊ะ เค้าบอกกันว่าควรให้อาจารย์บอกถึงจะนั่งได้ไม่ใช่เรอะ แต่นี่กุหย่อนก้นมาครึ่งนึงแล้วอะ ถอยทันไหม ไม่ถอย นั่งเลยละกัน*
อาจารย์: Bonjour, comment allez-vous ?
เรา: *เชี่ย ไม่ได้เตรียมใจมาเจออะไรแบบนี้ยยย์ ฉันมาสัมฯเอกรวมมมมม แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ* Bonjour, monsieur. Je vais bien, merci. Et vous ?
อาจารย์: Je vais bien. Comment vous appelez-vous ?
เรา: *เชี่ยที่2 หน้าเอ๋อจนครูถามซ้ำ*
อาจารย์: Comment vous appelez-vous ?
เรา: *อ๋อ ถามชื่อ* Je m'appelle_________.
อาจารย์: เอาภาษาไทยหรือฝรั่งเศสดี
เรา: *ตอบอยากรวดเร็ว ฝรั่งเศส3ปีที่ผ่านมาคืนครูหมดแล้วค่ะ 55555* ไทยค่ะ อาจารย์สอนฝรั่งเศสหรอคะ
อาจารย์: ใช่ อยากเรียนอะไรหรอ
เรา: อักษรศาสตร์ค่ะ แต่หนูยังไม่รู้จะเรียนภาษาอะไรเลยเลือกเอกรวม
อาจารย์: อื้มๆ แต่ดูจากพอร์ตเรานี่มีแต่แข่งคอมพิวเตอร์ทั้งนั้นเลยนี่
เรา: ค่ะ แฮะๆ ส่วนใหญ่หนูทำงานกราฟิกให้เว็บโรงเรียนอะไรทำนองนั้น
อาจารย์: อ๋อ ดีเลย ไว้มาทำให้ภาคฝรั่งเศสด้วยนะถ้าเธอจะเลือกเอกนี้
เรา: ได้แน่นอนค่ะ ^ ^
จากนั้นก็ไม่มีอะไรมากนอกจากเรื่องสัพเพเหระเหมือนมาพูดคุยกับอาจารย์มากกว่า ตอนแรกเราเตรียมตัวอ่านประวัติมหาวิทยาลัย ประวัติคณะ เผื่ออาจารย์ถามนี่เตรียมโชว์ภูมิเลย 5555555 แต่ก็ไม่ได้โชว์เพราะนั่นละ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องเรียนเลย หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเราก็ลงมาเจอกับพี่ๆ เขินมากตอนพี่เค้าตะโกนว่า ' อ้าวววว มาแล้วคนที่4 มากรอกใบเร้ววววว ' ใบที่ว่าก็เป็นใบข้อมูลเล็กๆน้อยๆในการทำสายรหัส ด้วยความตะกละอยากให้พี่รู้ว่าเราชอบอะไร จึงrecommemdไปว่าหนูชอบดาร์กช็อกค่าาาาาาา ถ้าพี่รหัสจะกรุณาให้หนูเยอะๆจะขอบพระคุณมาก -/- แล้วก็เข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการที่พี่ๆจัดให้ ตรงนี้คือจุดพีคคคคคคคคค(ล้านตัว)สำหรับเรา เป็นสันทนาการที่สนุกสุดๆในชีวิต รุ่นพี่ทุกคนเต็มที่และน่ารักมากๆ เราเองก็เต้นแบบไม่เหลือภาพลักษณ์ใดๆ ได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่(ที่ไม่รู้ว่าเค้าอยากรู้จักเราไหม ฮือๆ) และเพลงดาวอักษรที่รุ่นพี่ร้องยังตรึงในใจเราถึงตอนนี้ หลังจากสันทนาการเสร็จ
จากความลังเลใจว่าเราจะเอาที่นี่ไหม ณ ตอนนั้นไม่เหลือความลังเลใดๆอีกแล้ว
ที่นี่แหละ จะเป็นที่ที่เราใช้ชีวิตในฐานะนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ในอีก4ปีข้างหน้า
เราเลือกแล้ว : )
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in