เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyhwangpalm
[OS] will he Namjin ft.Hoseok



  • #Namjinweeklyth
    week4 : shop (ร้านค้า)


    Genre : !stalker

    Rate : PG15

    Theme song : will he - joji

    Warning : depression/anxiety/self-harm


    มีทอล์คนิดนึงด้วยนะคับ!!

     

     

     

     



    Because when you laugh 

    when you smile I’ll bring you back

     

     

     

              ทุกๆตีสี่กว่าๆจะมีมาสคอตสัตว์มายืนมองหน้าคิมซอกจินที่หน้าร้านค้าที่เขาทำงานอยู่เสมอ 

     

              และมันมักจะเป็นแบบนี้ทุกๆวันจนบางครั้งซอกจินก็แอบขนลุกยามที่ดวงตาไร้แววของตัวมาสคอตจ้องมาที่เขานิ่งๆ มันไม่เคยขยับหรือทำท่าทางใดๆนอกจากยืนส่งรอยยิ้มแข็งๆนิ่งๆอยู่แบบนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ซอกจินและเพื่อนที่ทำงานในกะเดียวกันโบกมือให้กับเจ้าตัวมาสคอตนั่นและแน่นอนว่าไม่มีการตอบกลับจากมัน ครั้งแรกซอกจินแอบคิดว่าเขาโดนผีหลอกด้วยซ้ำแต่ทุกครั้งเจ้าตัวมาสคอตมักจะมายืนอยู่ตรงข้ามร้านของเขาที่เดิมเวลาเดิมตลอด ยกเว้นแต่ชุดมาสคอตที่ไม่เหมือนเดิมเลยสักวัน จึงทำให้ซอกจินโล่งใจที่อย่างน้อยข้างในต้องเป็นคนอย่างแน่นอน

     

              แต่ไม่เคยชินเลยสักทีที่ต้องถูกจ้องแบบนี้

     

              พอใกล้ถึงเวลาตีห้าซอกจินก็เริ่มเก็บข้าวของและเดินไปเปลี่ยนเสื้อที่หลังร้าน พลางนึกสงสัยขึ้นมาเหมือนกันว่าข้างในเจ้าตัวมาสคอตที่โผล่มาให้เขาเห็นมาประมาณเดือนกว่าจะเป็นใครแต่ก็เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นเพราะทุกครั้งแฟนหนุ่มของซอกจินหรือจองโฮซอกจะมารับเขาไปส่งที่บ้านก่อนที่เขาจะได้เข้าไปซักถามหรือคุ้ยความจริงจากเจ้าสัตว์ตัวนั้นตลอด แต่ก็ไม่รู้ทำไมคราวนี้ซอกจินถึงได้รู้สึกมีลางแปลกๆ คิดจบก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา

     

              ตึ้ง!

     

              ‘วันนี้ไปรับไม่ได้นะครับ กลับเองไปก่อนนะ ขอโทษจริงๆ ㅠㅠ

     

              ซอกจินมองข้อความที่ถูกส่งเข้ามาแล้วก็น้อยใจนิดๆ เพราะรู้ดีว่าโฮซอกน่าจะตื่นมารับไม่ไหวแต่ถึงยังไงก็อดที่จะงอนไม่ได้ก็เพราะเขาถูกมารับมาส่งจนเคยตัวไปแล้วทั้งๆที่ตอนแรกปฏิเสธแทบตายแต่โฮซอกก็ยังยืนยันที่จะมาส่งให้ได้จนชิน ซอกจินคว้าทุกอย่างใส่กระเป๋าด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินออกไปหน้าร้าน คิดว่าตัวเองคงจะขอติดรถของเพื่อนร่วมงานไปลงแถวๆซอยในหมู่บ้านแต่ก็พบว่าอีกคนยังอยู่ในชุดยูนิฟอร์มอยู่

     

              “วันนี้แฟนไม่มารับหรอ

     

              “อือ สงสัยติดธุระอ่ะ แล้วยุนกิไม่กลับหรอ

     

              “จองกุกยังไม่มาเปลี่ยนกะเลย คงสายเหมือนเดิมแหละกลับไปก่อนเลยๆ

     

              “อ่า โอเค

     

              ถ้าจะให้อยู่รอจองกุกกับยุนกิคงต้องขอกลับก่อนเพราะตอนนี้ความง่วงก็เริ่มดึงหนังตาของเขาลงจนแทบจะปิดอยู่แล้ว แต่จู่ๆซอกจินก็ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างเมื่อมองออกไปข้างนอกประตูกระจก

     

              “วันนี้เป็นหมีแพนด้าว่ะ ฮ่าๆๆ

     

              ยุนกิพูดติดตลกแต่ซอกจินไม่ได้ตลกไปด้วยเลย ดวงตากลมมองไปที่มาสคอตตัวนั้นอย่างกล้าๆกลัวๆในขณะที่แพนด้าตัวนั้นก็มองกลับมาที่เขาเช่นเดียวกัน ถ้าไปเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังคนเขาอาจจะคิดเป็นเรื่องน่ารักๆโรแมนติกก็ได้ที่ซอกจินมีคนมาใส่มาสคอตคอยเฝ้าเหมือนให้กำลังใจตอนทำงานทุกวันแบบนี้ แต่เอาจริงๆแล้วมันตรงข้ามกันเลยต่างหากเพราะไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่มีการสื่อสารใดๆจากมาสคอตตัวนั้นเลยเหมือนกับว่ามันกำลังส่งโทรจิตคุยกับซอกจินหรือไม่ก็จ้องมองเขาจนเห็นเข้าไปลึกถึงความคิด ปกติแล้วมาสคอตตัวนั้นจะหายไปทุกครั้งที่เขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หลังร้านและถูกแทนที่ด้วยแฟนหนุ่มของเขาที่ยืนโบกมือยิ้มอยู่หน้าร้านแทน ซอกจินเคยถามแล้วว่าเป็นฝีมือโฮซอกหรือเปล่าแต่อีกคนก็ปฏิเสธแถมยังจะโทรแจ้งตำรวจเพราะเป็นห่วงแต่ก็ถูกซอกจินห้ามเอาไว้เพราะไม่อยากให้เลยเถิดไปมากกว่านี้

     

              ซอกจินตีกับตัวเองในความคิดว่าเขาจะเข้าไปคุยกับมันหรือจะเดินตรงกลับบ้านเลยเพราะดวงตาแข็งๆนั่นมันทำซอกจินเสียวสันหลังไปหมด ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปคุยเพราะอย่างน้อยก็อยากรู้ว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นเป็นใครแต่อีกใจหนึ่งเขาก็แทบไม่อยากจะเฉียดเข้าไปใกล้หรือแม้แต่ทำความรู้จักเลยด้วยซ้ำ ซอกจินเปิดประตูร้านค้าออกช้าๆแต่ยังไงกระดิ่งที่ห้อยอยู่ข้างบนก็ส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณอยู่ดี มาสคอตแพนด้ากระดิกเล็กน้อยในขณะที่ซอกจินหยุดยืนนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่งสายตายังคงจับจ้องไปที่มาสคอตตัวนั้นที่หันมองตามเขาทุกการเคลื่อนไหว ซอกจินจึงตัดสินใจที่จะหันหลังให้กับมันแล้วรีบตรงกลับบ้านทันที

     

     

     

     

    And now I’m sad and I’m a mess

    That’s why I left

     

     

     

              นัมจุนไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มพูดกับตัวเองในใจหลังจากที่ได้พบกับพนักงานคนหนึ่งในร้านค้าที่เขามาแวะกับเพื่อนหลังจากไปท่องเที่ยวยามราตรีกันจนพอใจ เสียงแสกนบาร์โค้ดผ่านไปชิ้นแล้วชิ้นเล่าแต่สายตาของนัมจุนยังคงจับจ้องไปที่พนักงานคนนั้น หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาจนรู้สึกได้ถึงเสื้อที่ขยับเบาๆ ดวงตาเล็กหรี่มองไปที่ป้ายชื่อที่ติดอยู่บนอกของคนตรงหน้าอย่างยากลำบากเพราะสายตาที่ไม่ค่อยดีเท่าไร

     

              ‘คิม ซอกจิน

     

              “ทั้งหมดห้าร้อยยี่สิบบาทครับ

     

              ไม่มีการเคลื่อนไหวจากผู้ที่เป็นลูกค้า เขายังคงจับจ้องพนักงานตรงหน้านิ่งๆแต่ภายในแววตาลึกๆกลับเต็มไปด้วยความหลงใหล ซอกจินยกมือขึ้นปัดผ่านใบหน้าผู้เป็นลูกค้าที่ดูเหมือนกำลังเหม่อช้าๆ เสียงหวานพยายามเรียกแล้วเรียกอีกแต่ก็ไม่มีการตอบรับจากคนตรงหน้า จนกระทั่งเพื่อนของนัมจุนที่มาด้วยเดินเข้ามาวางของที่เพิ่งหยิบมาลงบนเคาน์เตอร์

     

              “โห ซื้ออะไรตั้งห้าร้อยวะ ไม่มีเงินจ่ายไง๊

     

              “...”

     

              “เห้ย ไอจุน

     

              ซอกจินฉีกยิ้มให้กับคำพูดล้อเลียนตลกๆของเพื่อนนัมจุนและในตอนนั้นชายหนุ่มก็เหมือนถูกต้องด้วยมนต์สะกดอย่างเต็มตัว แรงสะกิดจากเพื่อนก็ไม่อาจเรียกสติของนัมจุนกลับมาในร่างได้ จนคนสะกิดต้องถอนหายใจ

     

              “เพื่อนผมเป็นงี้แหละครับ หลุดไปไกลแล้..”

     

              “ผมขอเบอร์คุณคิมซอกจินได้ไหมครับ

     

              นัมจุนที่อยู่ก็โพล่งขึ้นมาทำให้ทั้งซอกจินและเพื่อนของตัวเองต้องสะดุ้งพร้อมๆกัน โทรศัพท์มือถือเครื่องสีดำถูกยื่นออกมาตรงหน้าของพนักงานที่ไม่ทันตั้งตัวแต่ซอกจินก็รับมาถือไว้

     

              “ถ้าคุณยังไม่มีแฟน ได้โปรดให้เบอร์ของคุณกับผมเถอะนะครับ

     

              ใบหน้าของซอกจินขึ้นสีเล็กน้อย นิ้วเรียวขยับกดตัวเลขบนแป้นพิมพ์ทีละตัวช้าๆ เพื่อนของนัมจุนเอาข้อศอกมาดันเขาเบาๆและโห่แซวใส่จนนัมจุนต้องสะบัดออกไปห่างๆ ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อแอบเหลือบมองว่าอีกคนจะใส่หมายเลขสิบตัวนั่นให้จริงๆและไม่นานนักซอกจินก็ยื่นโทรศัพท์คืนมาที่นัมจุน

     

              “นะ นี่ เบอร์ผมครับ ติดต่อตอนไหนก็ได้ยกเว้นตอนทำงานกับนอน

     

              “ครับ” นัมจุนมองซอกจินยิ้มๆ

     

              “ละ แล้วก็ ผม ผมยังไม่มีใครครับ

     

              และทั้งหมดนั่นก็คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวของนัมจุนและซอกจินที่ร้านค้าแห่งนี้

     

     

     

              แต่ทุกอย่างไม่ค่อยสวยงามเท่าไร

     

              หลังจากที่ทั้งสองคุยกันมาเป็นเวลาเกือบเดือนทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะเลื่อนขั้นความสัมพันธ์ของกันและกันจากคนคุยเป็นคนรัก ทุกอย่างราบลื่นและมันดูเหมือนจะดีในช่วงเดือนแรกๆแต่พอผ่านไปหลายเดือนทุกอย่างมันแย่ลงมากกว่าที่เคยคิดไว้เสียอีก ซอกจินเริ่มรับมือกับนัมจุนได้ยากขึ้นและยากขึ้นทุกวันจนเจ้าตัวเริ่มเหนื่อย

             

              นัมจุนเป็นคนขี้หวงมากๆเขาหวงซอกจินมากจนถึงขั้นที่นัมจุนกับยุนกิเพื่อนร่วมงานของซอกจินทะเลาะและมีปากเสียงกันรุนแรงจนข้าวของในร้านแทบพังแต่เพราะซอกจินรักนัมจุนมากเขาจึงยอมย้ายไปทำงานที่กะอื่นโดยที่มีนัมจุนมานั่งเฝ้าตั้งแต่เข้างานจนเลิก นัมจุนหลงใหลในตัวอีกคนมากจนเหมือนว่ามันจะมากเกินไปที่ใครสักคนจะรับไว้

     

              ซอกจินทะเลาะกับนัมจุนบ่อยแทบทุกวันเมื่อเขาเริ่มคบกันมาจนจะครบปี ไม่ว่าซอกจินจะขอเลิกกับนัมจุนกี่ครั้งเขาก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้เลยสักครั้ง นัมจุนมักจะรั้งซอกจินเอาไว้เสมอเวลาที่ซอกจินจะเดินออกไปจากประตู หลายครั้งที่รั้งไว้ด้วยอ้อมกอดและอีกหลายครั้งที่รั้งไว้ด้วยการทำร้ายตัวเอง ตามแขนของนัมจุนเต็มไปด้วยบาดแผลจากการกรีดดูน่ากลัวไปหมดและในรอยล่าสุดที่ทำให้นัมจุนต้องเสียเลือดมากกว่าครั้งไหนๆก็คงจะเป็นตอนที่นัมจุนกรีดแขนตัวเองเป็นชื่อของซอกจินบนแขนข้างซ้ายของเขา

     

              ความรักที่นัมจุนมีมันมากเกินไป มากจนมันย้อนกลับมาทำร้ายตัวของนัมจุนและซอกจินเอง

     

              “นัมจุนพอได้แล้ว เราทนไม่ไหวแล้วนะ!”

     

              “ทำไมล่ะจิน ทำไมจินต้องไปเข้าข้างมันด้วย

     

              “โฮซอกเป็นเพื่อนนัมจุนนะ นัมจุนจะมาพาลหวงเรากับทุกคนไม่ได้

     

              และอีกครั้งที่ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง เหตุเพราะซอกจินบังเอิญเจอโฮซอกตอนเลิกกะพอดีจึงนั่งคุยเล่นด้วยกันระหว่างที่รอนัมจุนมารับแต่พอนัมจุนได้มาเห็นภาพของเพื่อนสนิทตัวเองที่กำลังพูดคุยกับคนรักก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวง สายตาของโฮซอกที่มองซอกจินเขารู้ดีว่ามันหมายความว่ายังไง

     

              เพื่อนของเขากำลังยื่นมือมาเข้ามาขโมยสิ่งที่เข้ารักที่สุด

     

              ในทันทีที่นัมจุนรีบพุ่งตัวเข้าไปหาโฮซอกจนทำให้ซอกจินต้องตกใจ คนตัวเล็กพยายามแยกทั้งสองออกจากกันแต่ก็ไม่สำเร็จจนต้องเรียกจองกุกที่อยู่ในกะนั้นมาช่วยแยกด้วยอีกคน กว่าจะยอมหยุดได้ก็เล่นซอกจินเหนื่อยและหัวเสียไปหมด พอกลับมาถึงบ้านทั้งคู่ก็เริ่มทะเลาะกันจนทุกอย่างเป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้

     

              “ดูก็รู้ว่าโฮซอกมันคิดไม่ซื่ออ่ะจิน ทำไมต้องไปคุยกับมันด้วย

     

              “จะบ้ากันไปใหญ่แล้วนัมจุน เรามองโฮซอกเป็นแค่เพื่อน

     

              “แต่มันไม่ไง ช่วยเลิกยุ่งกับมันทีเถอะขอร้องล่ะ!”

     

              นัมจุนตะคอกใส่หน้าซอกจินพร้อมๆกับฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดลง เข็มนาฬิกาของซอกจินได้หยุดเดินลงแล้ว คนที่ตัวเล็กกว่าปัดแขนของนัมจุนสองข้างที่จับไหล่ของเขาออก คว้ากระเป๋าที่ถูกวางทิ้งไว้ที่พื้นและเดินตรงไปที่ประตูทันที

     

              “จิน จะไปไหน อย่าไป

     

              “พอแค่นี้เถอะนัมจุน เราอยากพัก

     

              “ไม่ ไม่เอา จินอย่าไป!”

     

              นัมจุนใช้กำลังทั้งหมดรั้งตัวของซอกจินเอาไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่งเหมือนทุกๆครั้งแต่ครั้งนี้ซอกจินกลับรู้สึกว่ามันต่างไปจากเดิม ซอกจินไม่รู้สึกที่ความรักและความอบอุ่นในอ้อมกอดเลยสักนิดเขารู้สึกได้ถึงการบังคับและการข่มขู่เพียงเท่านั้น ร่างกายของซอกจินปวดระบมไปหมดเพราะเขาต้องฝืนสู้กับแรงของนัมจุนที่มีมากกว่าแต่นั่นไม่ได้ทำให้แย่ไปมากกว่าหัวใจดวงน้อยๆที่กำลังเจ็บปวดเหมือนตอนนี้หรอก ใช่ว่าซอกจินไม่รักนัมจุนแต่เป็นเพราะซอกจินเหนื่อยสะมากกว่า เขาอ่อนล้าจนไม่สามารถแบกรับความรักที่มีมากมายของนัมจุนได้ไหวอีกต่อไปแล้ว ซอกจินไม่ได้อยากเป็นคนที่จากไปเลยด้วยซ้ำแต่ถ้าเขาใจอ่อนอีกเขาก็ต้องไปเจ็บปวดเหมือนเดิมและวนลูปอยู่แบบนั้นซ้ำๆ

     

              “ปล่อยเถอะนัมจุน พอได้แล้ว!”

     

              “ไม่เราไม่ปล่อย จินอยู่กับเราเถอะนะ ฮึก อย่าไป”

     

              เสียงสะอื้นของนัมจุนทำให้ใจของซอกจินอ่อนยวบทันทีแต่ครั้งนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาจะเอาจริง ซอกจินเม้มปากและพยายามกลั้นน้ำตากับความรู้สึกทั้งหมดที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาก่อนที่จะรวบรวมแรงทั้งหมดและสะบัดตัวออกจากนัมจุนอีกครั้งจนหลุดออกมาได้

     

              “เราไม่อยากอยู่กับคนที่ทำตัวป่าเถื่อนเหมือนสัตว์หรอกนะ

     

              “จิน

     

              “ทำไมถึงไม่รู้จักห้ามตัวเองบ้าง นายเป็นคนนะ

     

              “ขอ...โทษ ฮึก

     

              “...ปล่อยเราเป็นอิสระเถอะนะนัมจุน

     

     

     

    Will your lover caress you the way that I did?

    Will you notice my charm if he slips up one bit?

     

     

     

              ซอกจินรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนเกือบวิ่งเมื่อจู่ๆมาสคอตแพนด้าตัวนั้นก็เดินตามเขามาตั้งแต่เขาออกจากร้านแต่ไม่ว่าจะเดินเร็วขนาดไหนยังไงมาสคอตตัวนั้นก็เดินเร็วขึ้นตามเขาไปด้วย เหงื่อเริ่มผุดออกมาตามโครงหน้าหวานจนไหลหยดลงพื้น หัวใจเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว อยากจะร้องให้คนช่วยแต่ในเวลาตีห้าแบบนี้คงไม่มีใครตื่น เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรมาสคอตตัวนั้นถึงตามเขาและคอยจับจ้องเขาทุกวันๆ จุดประสงค์ของมันคืออะไร ซอกจินคิดวนไปวนมาจนความคิดตีกันในหัวพันกันยุ่งเหยิงไปหมด เขาพยายามนึกคิดว่าเขาเคยไปทำอะไรใครไว้หรือสร้างคู่อริกับใครหรือเปล่าจึงถูกตามแบบนี้แต่เท่าที่จำได้ซอกจินก็ไม่เคยทำอะไรให้ใครไม่พอใจเลยสักคน

     

              ยกเว้นอยู่คนหนึ่งแต่คงไม่ใช่หรอก

     

              ซอกจินมองเห็นบ้านของตัวเองไกลๆจึงรีบวิ่งทันทีเพื่อให้ถึงตัวบ้านให้เร็วที่สุดพลางหันหลังมองเจ้าแพนด้าตัวนั้นที่วิ่งตามเขามาเหมือนกัน ในจังหวะที่ใกล้จะถึงหน้าบ้านแล้วด้วยความที่ซอกจินมัวแต่มองข้างหลังจึงทำให้เขาสะดุดล้มกระแทกลงไปบนพื้นถนนอย่างแรงจนเข่าถลอก แพนด้าตัวนั้นหยุดวิ่งไปเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าล้มลงไปนอนอยู่กับพื้นถนนความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาทันทีแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่นิ่งๆและมองอีกคน

     

              เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเข้าไปดูแลซอกจินได้

     

              ซอกจินก้มมองเลือดสีแดงสดที่ซึมออกมาจากออกมาจากแผลถลอกช้าๆมันทั้งแสบและปวดชาไปในเวลาเดียวกันแต่เขาไม่ค่อยห่วงมันเท่าไร ซอกจินเงยหน้ามองมาสคอตแพนด้าที่หยุดยืนอยู่นิ่งๆตั้งแต่ที่เขาล้มลงด้วยความสงสัย มันไม่ทำอะไรเลย มันไม่ได้เข้ามาแตะต้องตัวเขาหรือเข้ามาทำร้ายอย่างที่เขาคิดไว้ มันทำเพียงแค่มองเท่านั้น

     

              แค่มองจริงๆ

     

              “นาย แฮ่ก นายเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม

     

              ซอกจินคลานถอยหลังไปเล็กน้อยโดยที่ไม่ละสายตาจากตัวมาสคอตตัวนั้นเลยก่อนที่จะถามคำถามที่เขาสงสัยมาตลอดออกไป หวังจะให้อีกฝ่ายที่อยู่ข้างในนั้นตอบอะไรสักอย่างถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าคงจะไม่ได้คำตอบอะไร

     

              แพนด้าตัวนั้นมองซอกจินนิ่งๆ ไม่มีคำพูดอะไรถูกตอบกลับมาจากคนที่แฝงอยู่ในมาสคอตสัตว์แม้แต่อวัจนภาษาสักนิดก็ยังไม่มี มีเพียงแค่สายตาแข็งๆที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรจ้องลึกเข้ามาเหมือนเดิมอย่างที่ซอกจินต้องเจอในทุกๆวัน

     

              ซอกจินค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากลำบากเพราะความรู้สึกตึงๆแสบๆที่หัวเข่า เขาพยายามเดินกะเผลกๆเข้าไปหามาสคอตตัวนั้นที่ยังคงยืนมองเขานิ่งๆ ร่างของซอกจินเอนเหมือนจะล้มไปด้านหน้าเพราะขาที่อ่อนล้าจากการวิ่งและบาดแผลที่หัวเข่าแต่ก่อนที่ร่างของซอกจินจะได้ลงไปกระทบกับพื้นเขาก็ถูกแพนด้าตัวนั้นรับเขาเอาไว้ก่อน ซอกจินพยายามมองผ่านรูเล็กๆตรงดวงตาปลอมๆคู่นั้นเผื่อทีจะเห็นใบหน้าของคนที่อยู่ในนั้นแต่มันก็เล็กและทึบเกินไปอยู่ดี มาสคอตแพนด้าพยุงตัวซอกจินให้ตั้งหลักจนสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้วจึงรีบปล่อยมือออกจากร่างอีกคนทันที

     

              ซอกจินไม่ควรถูกคนที่เป็นเหมือนสัตว์อย่างเขาแตะต้อง

     

              “ขะ ขอบคุณนะ

     

              “...”

     

              ทั้งคู่ยืนจ้องกันอยู่พักหนึ่งในความเงียบ ท้องฟ้าก็เริ่มจะสว่างขึ้นทุกทีเป็นตัวบอกว่าเวลาของมาสคอตแพนด้าใกล้จะหมดลงแล้วแต่มันก็ไม่สามารถก้าวขาออกไปจากตรงนี้ได้เลย ซอกจินยังคงสวยเหมือนวันแรกที่เขาได้พบ สวยมากๆจนสติของเขาหลุดลอยไปจากร่าง เขาอยากจะเอื้อมมือออกไปสัมผัสกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มๆใจจะขาด เขาอยากจะลูบหัวของอีกคนเพื่อปลอบประโลมหลังจากที่เผลอทำให้กลัวเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อก่อนแต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ เขาอยากจะรวบตัวของอีกคนมากอดแต่เขาก็กลัวว่าซอกจินจะเจ็บเพราะอ้อมกอดของเขา อยากจะทำทุกอย่างแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว

     

              เพราะซอกจินเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของเขา

     

              “นายจะไม่บอกฉันจริงๆหรอว่านายเป็นใคร

     

              “...”

     

              เมื่อยังคงไม่ได้คำตอบอะไรจากมาสคอตตัวนั้นเหมือนเดิม มือสวยจึงยื่นออกมาแตะที่ส่วนแก้มของเจ้าหมีแพนด้าที่กำลังยิ้มเบาๆและค่อยๆไล่ลงมาจนถึงส่วนคอก่อนจะค่อยๆยกมันขึ้นเพื่อหวังว่าจะได้เห็นหน้าคนที่อยู่ข้างในสักที

     

     

     

    Will he play you those songs just the way that I did?

    Will he play you so strong just the way that I did?

     

     

     

              ไม่ใช่ว่านัมจุนไม่รู้หรอกว่าหลังจากที่เขาเลิกกับซอกจินไปไม่กี่เดือน โฮซอกก็เริ่มเข้ามาจีบเริ่มคุยกับซอกจินทุกวันที่ร้านตอนซอกจินเข้ากะและนัมจุนก็ได้รู้อีกว่าซอกจินได้ย้ายกลับไปทำช่วงกะดึกเหมือนเดิมพอได้รู้มาแบบนั้นนัมจุนก็เป็นห่วงแทบแย่จนต้องแอบตามไปดูที่ร้านทุกวันๆแต่อยู่มาวันหนึ่งเขาก็เห็นว่าโฮซอกมาหาซอกจินที่ร้านพร้อมกับดอกกุหลาบช่อใหญ่ยืนชูป้ายที่เขียนด้วยสีเทียน

     

              ‘ซอกจิน เป็นแฟนกันนะ!!’

     

              ซอกจินดูมีความสุขและดีใจมากๆหลังจากที่เห็นว่าโฮซอกมาเซอร์ไพร์สช่วงใกล้เลิกกะ คนตัวเล็กตอบตกลงพลางรับช่อดอกไม้มาไว้ในมือและทั้งสองก็โอบกอดกันด้วยความยินดี นัมจุนมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความปวดใจเขาแทบล้มทั้งยืนเมื่อเขามองเห็นภาพซ้อนทับเป็นภาพของเขากับซอกจินที่ร้านค้าแห่งนี้

     

              เรื่องราวของทั้งคู่ล้วนเริ่มจากที่ร้านค้าแห่งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เขามาขอเบอร์ของซอกจินตอนที่เจอกันครั้งแรกหรือนัดเจอกันครั้งที่สองหรือแม้แต่จะเป็นตอนที่นัมจุนมาคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยด้วยในวันที่ยุนกิไม่มาทำงานทุกช่วงเวลาเกิดขึ้น ณ ร้านค้าแห่งนี้เป็นส่วนใหญ่ ตอนที่เขาขอซอกจินเป็นแฟนเขาก็มาขอที่นี่และเขาก็ยังจำทั้งหมดได้ดี ตอนที่พวกเขานั่งคุยกันอยู่หน้าร้านต่างคนต่างเขินมองไปคนละทิศละทางและนัมจุนก็กระซิบความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดเป็นการสารภาพกับซอกจินเบาๆซึ่งในตอนนั้นเขาจำได้ว่าคนรักของเขารู้สึกเขินและตื่นเต้นมากแค่ไหนแต่ซอกจินคงจะจำมันไม่ได้อีกแล้ว 

     

              เพราะช่วงเวลาดีๆในหัวของซอกจินคงถูกทับไปด้วยช่วงเวลาแย่ๆที่เคยเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่ร้านค้าแห่งนี้ และก็คงถูกล้างไปด้วยความทรงจำที่ดีกว่าที่ถูกสร้างโดยโฮซอก ซอกจินคงลืมนัมจุนไปสนิทแล้ว คงไม่มีการคิดถึงกันอีกแล้ว มีเพียงแค่นัมจุนคนเดียวที่ยังไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ถ้าชีวิตของเขาไม่มีซอกจิน

     

              สิ่งสุดท้ายที่ซอกจินสามารถจำได้จากคิมนัมจุนคนนี้ก็คงเป็นความป่าเถื่อนที่ไม่ต่างกับสัตว์ คิมนัมจุนคนที่ไม่ได้ดั่งใจก็ใช้กำลัง คิมนัมจุนคนที่เอาแต่ใจตัวเอง คิมนัมจุนคนที่เป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉานในสายตาของซอกจิน แต่เขาก็ทนไม่ได้ถ้าหากต้องยอมให้ซอกจินต้องหายไปจากสายตาของเขา ในทุกๆตีสี่กว่าๆนัมจุนจึงใส่ชุดมาสคอตรูปสัตว์ต่างๆไปยืนจ้องมองซอกจินจนกว่าโฮซอกจะมารับกลับเขาจึงจะวางใจได้ว่าซอกจินจะปลอดภัยแน่นอนและในตอนนั้นเขาถึงจะยอมกลับบ้านและเข้านอนได้อย่างสบายใจ

     

              แต่นัมจุนก็รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นซอกจินมองมาที่เขาด้วยความกลัว เขาเข้าใจดีว่าซอกจินคงจะกลัวเพราะหน้ากากมาสคอตแต่เขาก็อดปวดใจไม่ได้เพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความกลัวนั้นไม่ต่างจากครั้งสุดท้ายที่ซอกจินมองมาที่เขาเลยสักนิด นัมจุนรู้สึกเหมือนกับว่าซอกจินมองทะลุผ่านเข้ามาในหน้ากากมาสคอตนี้ มันไม่ต่างกันเท่าไรเลยที่จะสวมมาสคอตเอาไว้หรือถอดเพราะซอกจินก็คงใช้สายตาแบบเดิมจ้องมองมาถ้าบังเอิญเห็นนัมจุนเข้าสักวัน

     

              และเขาจะไม่โทษซอกจินเลยเพราะทุกอย่างมันเป็นความผิดของเขาเอง

     

     

     


    Will he treat you like shit just the way that I did?

    because I don’t blame you

     

     

     

              มีครั้งหนึ่งที่นัมจุนกำลังเครียดจนแทบบ้าเพราะเขาไม่เห็นซอกจินไปที่ร้าน อีกทั้งยังได้ยินข่าวเรื่องการเลิกกันของซอกจินกับโฮซอกอีกด้วย เขากลัวว่าซอกจินจะต้องเสียใจหรือไม่ก็เผลอทำอะไรลงไปแบบไม่คิด ร่างสูงเดินไปเดินมาในห้องด้วยความกังวล เล็บนิ้วโป้งถูกขบกัดเพราะต้องใช้ความคิดมากในระดับหนึ่ง เหงื่อผุดออกมามากมายตามใบหน้าและร่างกาย ท้องที่เริ่มปวดเพราะความเครียดที่มากเกินไปทำให้นัมจุนกำลังแย่

     

              นัมจุนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้เขาจึงคว้าใบมีดคัตเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ถลกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นอย่างเร่งรีบและกดส่วนคมของใบมีดลงไปตามรอยแผลชื่อของซอกจินที่ยังไม่ค่อยแห้งดีซ้ำลงไป นัมจุนมักจะกรีดให้รอยแผลชัดอยู่แบบนี้เสมอเพราะเขากลัวว่าซอกจินจะจางหายไปจากร่างกายและความทรงจำของเขา เขาจึงต้องย้ำเตือนอยู่เสมอด้วยวิธีนี้

     

              ฟันคมกัดแขนเสื้อยืดที่ถูกถลกขึ้นมาเพื่อระบายความเจ็บที่แล่นปราดไปทั่วบริเวณ นัมจุนพยายามส่งเสียงของความเจ็บปวดให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้บ้านข้างๆได้ยินและแจ้งตำรวจไปสะก่อน มือข้างขวาค่อยๆไล่กรีดผิวหนังไปตามตัวอักษรทีละตัวทีละตัวจนครบหมดทุกตัว เลือดสีแดงไหลออกมาเป็นจำนวนมากจนหยดลงทั่วพื้น นัมจุนปล่อยแขนเสื้อที่กัดออกและทิ้งตัวพิงกำแพง หอบหายใจด้วยความเหนื่อยและความเจ็บเพื่อสงบสติอารมณ์และรีบหาผ้ามาซับเลือดและทำแผลทันที

     

              แต่ถึงจะทำแบบนั้นไปจิตใจของนัมจุนก็ไม่สามารถสงบได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์จนกว่าเขาจะได้รู้ว่าซอกจินอยู่อย่างปลอดภัยและไม่เป็นอะไรจริงๆและนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ตอนนี้เขาเข้ามายืนอยู่ในบ้านของซอกจินแล้ว

     

     

     

    I got knots all up in my chest

    Just know, I’m trying my best 

     

     

     

              นัมจุนค่อยๆก้าวทีละก้าวเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอส่งเสียงดังจนซอกจินรู้ตัว เขามองไปทั่วๆบ้านที่คุ้นเคยและรู้สึกดีที่ทุกอย่างไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปเท่าไรตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาได้มาที่นี่ ยกเว้นเพียงแต่รูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเล็กๆนี่เท่านั้นที่เปลี่ยนจากรูปของนัมจุนกับซอกจินเป็นรูปของโฮซอกแทน เขายังจำได้ดีที่ว่าเขาเคยถามว่าทำไมต้องตั้งรูปไว้บนโต๊ะข้างบันไดด้วย ทำไมไม่เอาไปตั้งในห้องนอนหรือหัวเตียงแต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าถ้าหากวางรูปไว้ตรงนี้ซอกจินก็จะสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านหรือแม้แต่ตอนจะเดินออกจากบ้านมันทำให้ซอกจินรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจเสมอที่เห็นว่าเรายังรักกันดี และตอนนี้มันก็ถูกแทนด้วยรูปของคนอื่นไปแล้ว

     

              นัมจุนไม่ใช่คนซอกจินเห็นแล้วจะอุ่นใจได้อีก

     

              เขาคว่ำกรอบรูปลงกับโต๊ะเพราะเขาไม่ได้อยากรู้ว่าทั้งคู่รักกันดีขนาดไหนเขาอยากรู้เพียงแค่ซอกจินไม่เป็นไรเท่านั้น นัมจุนค่อยๆย่องขึ้นบันไดและตรงไปที่ห้องทางด้านขวาที่เป็นห้องของซอกจิน เขาหยุดคิดเล็กน้อยว่าควรจะเข้าไปดีไหมและถ้าเข้าไปแล้วซอกจินเห็นเขา ซอกจินจะแสดงปฏิกิริยายังไง จะกรีดร้องใส่เขาด้วยความกลัวหรือจะตะโกนไล่เขาด้วยความรังเกียจแทน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาไม่อยากให้เป็นอย่างหลัง เขาไม่อยากให้ซอกจินรังเกียจเขาเพราะแค่นี้เขาก็เจ็บปวดจนเหมือนตายทั้งเป็นแล้ว นัมจุนลังเลว่าตัวเองควรจะถอยหลังกลับไปดีไหมแต่เขาก็อดห่วงอีกคนไม่ได้จริงๆ นัมจุนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งยาวๆเพื่อระบายความตื่นเต้นก่อนที่เขาจะค่อยๆหมุนลูกบิดเบาๆและดันประตูเข้าไปช้าๆ

     

              ภาพแรกที่เขาเห็นคือภาพของซอกจินที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ดวงตาที่ปิดสนิทดูบวมกว่าปกติรวมกับจมูกแดงๆที่บ่งบอกอีกคนน่าจะร้องไห้จนหลับไป นัมจุนเหลือบมองขวดยามากมายไม่ว่าจะเป็นยาแก้ปวดลดไข้หรือแม้แต่ยานอนหลับวางกระจัดกระจายเต็มไปหมด นัมจุนเดินเข้าไปเก็บทุกอย่างช้าๆและทำทุกอย่างให้เงียบที่สุด เขามองขวดยานอนหลับในมือสลับกับมองอดีตคนรักด้วยความเป็นห่วง ซอกจินน่าจะกลับมาเป็นโรคนอนไม่หลับอีกครั้งเพราะความเครียดจึงต้องใช้ยาแถมตอนนี้ก็ดูตัวรุมเหมือนจะเป็นไข้อีกต่างหาก นัมจุนจึงจัดการเก็บของทุกอย่างที่กระจัดกระจายและเตรียมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวเจ้าของร่างที่หลับใหลไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยา 

     

              “คุณอย่าร้องไห้แบบนี้สิ ผมเป็นห่วงนะ ร้องไห้จนหลับเลย

     

              “ไอโฮซอกนี่มันแย่จริงๆ มันไม่มีปัญญาดูแลคุณเลยทั้งที่คุณป่วยขนาดนี้

     

              “แฟนภาษาอะไร ผมยังทำได้ดีกว่าเลย

     

              พูดไปน้ำตาก็พาลจะไหลออกมา นัมจุนจับแขนของซอกจินยกขึ้นมาเช็ดอย่างทะนุถนอมแล้วจึงค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเพื่อเช็ดแผ่นอกบางและคอได้สะดวกมากขึ้น นัมจุนขยับขึ้นไปคร่อมร่างอดีตของคนรักเอาไว้และประทับจูบลงไปบนหน้าผากอย่างวิสาสะ ไล่ลงมาที่จมูก ริมฝีปาก คอ จนถึงแผ่นอกขาว

     

              “ไม่เป็นไรนะครับ ผมจะคอยดูแลคุณนะ ผมไม่ทิ้งคุณหรอก

     

              “อะ อือ

     

              นัมจุนพยายามจะสูดดมกลิ่นของอีกคนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ซอกจินส่งเสียงครางอื้ออึงในคอออกมา ดวงตาคู่นั้นปิดกันแน่นเหมือนกับว่ากำลังฝันร้าย นัมจุนเลื่อนขึ้นไปจูบค้างไว้บนหน้าผากมนและลูบหัวอย่างแผ่วเบา

     

              “ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะ

     

              “นัม...นัมจุน

     

              นัมจุนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา นัมจุนอธิบายความรู้สึกที่จุกอยู่ในอกเป็นคำพูดไม่ได้เลย เขาดีใจมากๆที่ซอกจินยังจำชื่อของเขาได้แถมยังเห็นเขาในฝันอีกด้วยแสดงว่าซอกจินต้องคิดถึงเขาอยู่ลึกๆเหมือนกันแต่คงติดแค่จินต้องคบกับโฮซอกจึงกลับมาคบกับเขาไม่ได้

     

              “จินยังรักผมใช่ไหมครับ ฮ่าๆ ใช่ไหม

     

              “อ่า เพราะไอโฮซอกคนเดียวเลย มันน่าจะตายๆไปซะ

     

              “ใช่สิ ให้ผมไปฆ่ามันให้ไหมครับ เราจะได้กลับมารักกันเอาไหม

     

              ซอกจินกำมือแน่นเหมือนกำลังกลัวอะไรสักอย่างแถมยังหันหน้าหนีนัมจุนไปอีกทาง นัมจุนยิ้มให้ความน่ารักของอีกคนจึงลูบหัวเบาๆเป็นการปลอบประโลม ซอกจินมักจะฝันร้ายเสมอเวลาที่มีไข้เรื่องนี้นัมจุนรู้ดีเพราะเขาเคยเจอมาแล้วจึงรู้ว่าจะต้องรับมือยังไงให้ซอกจินสงบ

     

              “โอเค ไม่อยากให้ฆ่าก็ไม่ฆ่าเนอะ

     

              “ไม่ต้องกลัวนะ นัมจุนอยู่ตรงนี้แล้ว

     

              ร่างสูงลูบหัวทุยนั่นซ้ำๆจนอีกคนเริ่มคลายกำปั้นออกและสงบลง นัมจุนหอมแก้มของซอกจินไปหนึ่งทีก่อนที่จะเห็นว่าใกล้เช้าแล้วเขาจึงรีบเก็บทุกอย่างแล้วจากไปโดยไม่ลืมที่จะตรวจสอบความเรียบร้อยของอดีตคนรักก่อนออกไปจากบ้านหลังนี้

     

              “แล้วจะกลับมาอีกนะครับ สัญญา

     

              นัมจุนก็เป็นแค่ไอขี้แพ้ที่มาหาเขาได้ในตอนที่เจ้าของหัวใจเขาไม่อยู่เพียงเท่านั้นแหละ

     

     

     

    because I don’t need to know

    I just wanna make sure you’re okay

     

     

     

              ก่อนที่หน้ากากมาสคอตแพนด้าจะถูกยกขึ้น คนภายในนั้นก็รีบกดมันลงสะก่อนและถอยห่างออกมาเล็กน้อย ซอกจินสะดุ้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดันมือของซอกจินให้ออกห่างแต่ซอกจินก็ไม่ได้ดึงดันหรือพยายามจะเข้าไปดึงมันออกแต่อย่างใด คนในนั้นคงมีเหตุผลที่ไม่ปรากฎตัวและซอกจินก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันไม่ได้ทำอันตรายใดๆกับเขา มาสคอตแพนด้าค่อยๆเดินถอยออกไปก่อนจะหันหลังเดินจากไปทิ้งให้ซอกจินยืนจ้องอยู่แบบนั้นจนท้องฟ้าเริ่มสว่างเพราะแสงอาทิตย์

     

              ซอกจินทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนข้างในนั้นเป็นใครแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มาด้วยจุดประสงค์ไม่ดี ซอกจินเหลือบมองแผลที่หัวเข่าอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรเพราะเขาเหนื่อยจนไม่สามารถจะลุกไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลได้แต่ไม่ว่ายังไงตอนที่หลับซอกจินคงเผลอละเมอลุกขึ้นมาทำแผลเองเหมือนทุกครั้งนั่นแหละ เพราะมีหลายครั้งแล้วที่จู่ๆซอกจินก็ตื่นขึ้นมาพร้อมห้องที่ถูกจัดอย่างเรียบร้อย บางครั้งก็มีจานอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เขารู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนนอนละเมอแต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักถึงขั้นจัดบ้านหรือทำกับข้าวเองแต่ยังไงก็เถอะพอซอกจินตื่นมาแผลที่เข่าของเขาก็คงถูกจัดการเรียบร้อยไปแล้ว

     

     

     

              หัวมาสคอตแพนด้าถูกถอดทิ้งไว้ที่พื้นห้องน้ำพร้อมกับชุดของมัน นัมจุนเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้เพื่อให้น้ำเอ่อขึ้นมาเต็มอ่าง เขามองแผลที่ค่อนข้างแห้งแล้วบนแขนของตัวเองที่สลักด้วยชื่อของซอกจินก่อนที่จะคว้าใบมีดคัตเตอร์ขึ้นมากรีดซ้ำเหมือนเดิม

     

              วันนี้เขาทำซอกจินเจ็บจนเลือดออก เขาก็ต้องเจ็บมากกว่านั้นหลายเท่า

     

              วันนี้นัมจุนไม่เห็นโฮซอกมารับซอกจินเหมือนอย่างเคยเขาจึงอยากที่จะเดินไปส่งซอกจินให้ถึงบ้านด้วยตัวของเขาเอง แต่ซอกจินกลับดูกลัวและหวาดระแวงมากจนเดินเร็วมากกว่าปกติ เขาพยายามเร่งฝีเท้าตามเพื่อให้ทันแต่นั่นก็ยิ่งทำให้ซอกจินหนีมากกว่าเดิม นัมจุนเสียใจเล็กน้อยเพราะเมื่อตอนกลางวันที่เขาอยู่ในบ้านของซอกจินอีกคนไม่แสดงท่าทีกลัวเขาเหมือนกับตอนนี้ถึงแม้ว่าซอกจินจะหลับอยู่ก็เถอะแต่เขาก็อดน้อยใจไม่ได้จริงๆ นัมจุนจึงเร่งฝีเท้าจนประชิดตัวอีกคนแต่จู่ๆจินก็ล้มลงไปเพราะไม่ทันดูทาง ซึ่งเขาเกลียดตัวเองมากๆที่ทำแบบนั้นไป

     

              นัมจุนหย่อนตัวลงในอ่างน้ำช้าๆ เขาหลับตาและถอนหายใจออกมาเบาๆ น้ำสีใสค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเลือดจากแผลที่แขนของนัมจุนแต่เขาก็ไม่ใส่ใจมันสักเท่าไร ภาพของซอกจินลอยเข้ามาในหัวเขามากมายทำให้เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ ช่วงเวลาดีที่เขามีร่วมกับซอกจินเป็นช่วงเวลาที่มีค่า ขอบคุณร้านค้าแห่งนั้นที่ทำให้เรื่องราวทุกอย่างเกิดขึ้นขอบคุณโฮซอกที่เป็นแฟนที่ดีเทียบเขาไม่ได้เลยสักนิด ขอบคุณทุกอย่างจริงๆที่ทำให้เขาได้มีซอกจินในวันนี้

     

              นัมจุนลืมตามองนาฬิกาบนผนังก่อนที่จะลุกขึ้นมาจัดการแต่งตัวและพันแผลที่แขนจนเสร็จเรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวไปทำแผลให้คนรักของตัวเองที่น่าจะทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีที่เข้าบ้าน ก่อนที่จะออกจากบ้านนัมจุนก็มองไปที่ชุดมาสคอตของสัตว์ตัวต่อไปที่เขาจะใส่ไปยืนเฝ้ามองจินที่หน้าร้านค้าในวันนี้

     

              “อืม วันนี้เอาเป็นกระต่ายละกันนะ ฮ่าๆ

     

              พูดอย่างอารมณ์ดีแล้วเดินออกไปพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล นัมจุนไม่สามารถตัดใจจากซอกจินได้ก็จริงแต่อย่างน้อยนัมจุนก็ไม่ได้นั่งร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนอื่นๆ นัมจุนก้าวเดินต่อไปและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขตราบใดที่ซอกจินมีความสุขถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เพราะเขาก็ตาม

     

     

     

    I don’t need to know

    I just wanna make sure you’re all safe

     




    Talk

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันงับบ มึนๆงงๆมากเพราะแต่งดึก
    มันเป็นเหตุการณ์อดีตปัจจุบันสลับกันงงๆหน่อยนะคะ อิอิ
    ปล. ห้าร้อยยี่สิบบาท = 520 = i love you

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
พระจันทร์ (@cresent_selene)
ไรท์เตอร์คะ คือมันดีมากจริงๆ
มีความ Sweet but psycho นัมจุนรักซอกจินมากเกินไปจริงๆ และก็รู้ตัวเองเป็นอย่างดีแต่ไม่คิดที่จะแก้ไข นัมจุนเลือกที่จะทำตัวเองให้ดีขึ้นได้เพราะเขตระหนักถึงอาการและความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาก็เลือกที่จะย้ำมันให้ลึกลงไปเรื่อยๆเพราะกลัวว่าซอกจินจะหายไป
พี่จินยังรักนัมจุนอยู่มั้ยนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ตอบยากมากๆ อาการที่ฝันถึงนั้นนัมจุนก็รู้ตัวเองนะว่ามันเป็นฝันร้าย
พี่จินเองก็มีอาการนอนไม่หลับน่าจะเป็นคนที่เครียดได้ง่าย พอเจอกับนัมจุนที่แสดงควมรักมากมายของเขาในทางที่ผิดพี่จินน่าจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากๆ
ตอนที่นัมจุนพูดว่จะไปฆ่าโฮซอกมันแสดงให้เห็นเลยว่าคนๆนี้มีความรักที่บิดเบี้ยวมากจริงๆ การแอบเข้าไปในบ้านคนอื่นถึงจะบอกว่าไปดูและเพราะความรักแต่มันใช่ความรักจริงๆเหรอ เหมือนกับว่ามันจะเป็นความต้องการของฝ่ายนัมจุนเพียงคนเดียว
การใส่มาสคอตรูปสัตว์ต่างๆก็เหมือนกับการที่นัมจุนพยายามย้ำกับตัวเองว่าเป็นแบบนั้น เหมือนที่พิมพ์ไปตอนแรก เราคิดว่านัมจุนเลือกที่จะไม่แก้ไขตัวเองมากกว่า
สุดท้ายนี้ไรท์เตอร์แต่งสนุกมากๆเลยค่ะ เราการบรรยายและการใช้ภาษาของไรท์มากๆเลย
ขอโทษถ้าเราคอมเมนต์งงๆนะคะ แงงงงงงงง