เราใช้เริ่มวันแรกของวันหยุดยาวด้วยการเข้าไปออฟฟิศ เคลียร์งานเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ได้สะสางจนเกลี้ยง อาจเป็นเพราะการหยุดหลายวันทำให้อารมณ์การทำงานหายวับบบบบบบ ไป ... แล้วบอกตัวเองว่าค่อยมาทำตอนวันอังคารก็ได้น่าาา
ช่างแม่งงงงงงงงงงงงงงงง!
แต่พอบอกตัวเองแบบนั้นแล้วก็ยังเข้ามาเปิดคอมที่ออฟฟิศในวันอาทิตย์อยู่ ทำได้แค่เช็คเมล์ ทำงานจุกจิกๆ ไป ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนวันก่อนเด๊ะๆ ว่าง่ายๆ คือขี้เกียจนั่นแหละ เรานั่งอยู่หน้าคอมได้สองชั่วโมงก็ตัดสินใจออกไปเปิดโลกที่ร้านคาเฟ่ที่อยากไปมานาน ซึ่งก็คือร้าน
Flower in hand by P. จิบกาแฟดริป กินสโคน คุกกี้ดอกไม้ นั่งระลึกชีวิตพลางดมกลิ่นดอกไม้หอมๆ ฟินมากเลยล่ะ!
กาแฟดริปร้อนๆ ใช้เมล็ดจาก Tanzania, คุกกี้ดอกไม้ และ สโคน~
โต๊ะจัดดอกไม้ ><
มุมช่อดอกไม้
ซูมชัดๆ กับสโคน คุกกี้ และการ์ดดอกไม้แห้งของร้าน โดยช่วงนี้ร้านทำแจกฟรีเพื่อระลึกถึงในหลวงร.9
แต่ปกติการ์ดเตรียมสต๊อกไว้ขาย ไปอุดหนุนกันได้ทั้งช่อดอกไม้ การ์ดและคาเฟ่เลยนะ
จากนั้นก็ไปนั่งบีทีเอสแก้เซ็งอีกสักหน่อย และปิดท้ายวันที่สองของการหยุดยาวด้วยเสวนาและกินเบียร์กับเพื่อนๆ พี่ๆ คณะ ที่ไม่ได้เจอกันมาน๊านนนานนน ได้เจอเพื่อนที่เป็น Rare item ตามตัวยากด้วยนะ!
แบบนี้ค่อยเป็นวันหยุดที่ดูคุ้มค่าขึ้นมาหน่อย ...
ด้วยความที่วงเบียร์นั้นเลิกดึก เราเลยตื่นสายในวันที่สุดท้ายของการหยุดยาว งัวเงีย กลิ้งๆ บนที่นอนจนถึงสิบโมงเช้า แล้วเปิดคอมเต้น T25 เพราะเราอยากลดน้ำหนัก 555555555555 ไอ่โปรแกรม T25 เขาเลิกฮิตไปนานแล้ว แต่เรายังทำทุกครั้งที่ตัวเริ่มบวมและอืด มันเวิคจริงๆนะ แต่เหนื่อยชิบ TT
เราตั้งใจว่าวันนี้จะไม่เข้าไปที่ทำงาน เพราะมั่นใจว่าไปแล้วยังไงก็ไม่ได้ทำงาน เลยตัดสินใจเริ่มต้นวันอย่างจริงจังด้วยการซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน
ฟังดูแล้ว Productive มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เอาละๆ เข้าเรื่องๆ ความมีสาระของวันไม่ได้อยู่ที่ปลอกหมอนหรอก ^^
เราตัดสินใจไปร้านกาแฟที่อยากไปอีกร้านนึง ชื่อร้านว่า
10ml. เป็นคาเฟ่และแกลลอรี่ศิลปะ มีขนมและงานศิลปะน่ารักๆ เต็มร้านเลย เราติดตามร้านนี้ใน Facebook มานานแล้ว แต่ด้วยความที่ร้านไม่ได้อยู่ในระยะทางที่สามารถเดินได้โดยไม่เหนื่อยหอบจากรถไฟฟ้า เลยไม่ได้ไปสักที
แต่ด้วยความว่างและอยากมากกกกกกก จึงตัดสินใจศึกษาเส้นทางดีๆ แล้วค้นพบว่า จริงๆ มันก็ไม่ได้เดินเหนื่อยขนาดนั้น และรถกะป๊อก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร เราจึงนั่งรถเมล์สาย 69 ไปลงป้ายซอยโชคชัยร่วมมิตร เดินต่ออีก 400 เมตร หรือ 1 รอบสนามฟุตบอลก็ถึงร้านแล้ว
ไม่ลองก็ไม่รู้แฮะ
ฝั่งซ้ายเป็นคาเฟ่ ส่วนด้านขวาเป็นแกลลอรี่
จริงๆ ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศในร้านเลย เพราะกินเพลิน อ่านเพลิน เล่นเพลิน แต่ร้านน่ารักมากค่ะ
เราเข้าไปสั่ง Hot Mint Mocha และเค้ก Chocolate Mint รวมกันเป็น Double Minty Day เพิ่มความยาสีฟันเข้าไปในตัวเรา 555 แล้วหยิบหนังสือในร้านมาอ่าน ซึ่งทางร้านได้ปิดปกไว้!
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/24/24049/pagegallery/1508779986/167f586a.jpg)
เห็นขอบสีเหลืองๆ ตรงปกหนังสือไหม มันคือปกกระดาษเปล่าๆ ที่ร้านปิดชื่อหนังสือไว้อยู่
ใช่ค่ะ! ปิดปกไว้! เป็นแคมเปญ Don't judge a book by its cover ที่ร้านทำขึ้น เราเลยหยิบมั่วๆ สุ่มๆ ได้หนังสือปกเหลืองอ๋อยยยมา ไม่เปิดปกดูจนอ่านจบและกินเสร็จภายในเวลาชั่วโมงกว่าๆ เราอ่านแบบ skim มากๆ เพราะอยากรู้ว่าเรื่องอะไร 555 ซึ่งเฉลยก็คือ ....
สนธิสัญญาฟลามิงโก นี่เอง
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/24/24049/pagegallery/1508779986/1a39e188.jpg)
มันคือเฉลยตอนจบว่า .... สนธิสัญญาฟลามิงโก
นอกจากนี้ทางร้านร่วมกับ
Dear friend, จัด Penpal Project หาเพื่อนทางจดหมาย โดยให้เราเขียนจดหมายถึงคนที่มาลงทะเบียนไว้ในร้าน โดยใช้นามแฝง ที่อยู่สมมติ และบอกความสนใจของตัวเองไว้ เช่น คุณกล้วย อยู่ในสวนมะพร้าว สนใจเรื่องของหวาน เป็นต้น เราเลยเข้าไปร่วมเขียนจดหมายด้วย ไม่บอกแล้วกันนะว่าเราเป็นใคร :)
ยังไม่พอค่ะ ....
เราไม่พลาดที่จะเข้าไปชมนิทรรศการ A little girl with her flowers ผลงานของ
ซิบบิล นักวาดการ์ตูนที่แสนโด่งดังบนโลกออนไลน์ ซึ่งจัดอยู่ในแกลลอรี่ของร้าน มีภาพวาดสีน้ำจัดแสดงไว้ รวมถึงเสี่ยงเซียมซีดอกไม้ด้วยล่ะ
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/24/24049/pagegallery/1508779986/2850e84a.jpg)
ดอกไม้เสี่ยงทาย 55555
ใบเซียมซี ดูว่าเราได้ดอกไม้ชนิดไหน และมีคำอธิบายคาแร็กเตอร์ของดอกไม้ชนิดนั้นๆ อยู่
มีทำเนียบผู้มาเยือนด้วยนะ (FYI เราไม่ใช่กิ้งก่า)
ตัวอย่าง #alittlegirlwithherflowers ดอก Iris
โชคดีที่ไปเจอพี่แนน หรือ ซิบบิล ที่แกลลอรี่พอดี :) เราจำได้ว่าพี่เขาเป็นเอลฟ์ เพราะเคยวาดรูปเอสเจโพสลงในทวิตเตอร์ เราจึงเข้าไปทักบอกว่า เป็นเอลฟ์เหมือนกันนะคะ ขอบคุณที่วาดรูปสวยๆ นะคะ ><
และแน่นอนว่าพอเปิดประเด็นเรื่องติ่ง ... ยิ่งวงเดียวกันด้วยแล้ว ....
มัน! หยุด! ไม่! ได้! ค่ะ!
เราเองไม่ค่อยได้คุยเรื่องติ่งในชีวิตประจำวันมากนักเพราะที่ทำงานไม่มีเอลฟ์ เพื่อนที่ติ่งด้วยก็ไม่ได้คุยบ่อย เราคิดว่าพี่แนนคงอารมณ์คล้ายๆ กัน เพราะไม่ค่อยได้ทำงานที่เจอผู้คนมากนัก พอเรามาเจอพี่เขาก็คุยน้ำไหลไฟดับค่ะ
คุยกันนานชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมงได้เลยล่ะ เม้ามอยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ติ่งๆ ความนก ความไม่นก ความทุ่มเท ความเปย์ ความยากลำบาก ความจงรักภักดี ความอยากทำบุญให้เอสเจ ความเยอะแยะทั้งหมดทั้งมวลของแต่ละคน เราเองคุยไม่เก่งเท่าไหร่ แต่พี่แนนเป็นคนคุยเก่ง เราก็ไหลตามได้เยอะเลย แถมใจดีวาดรูปให้ด้วย ขอบคุณนะคะ >< สนุกมากกกกกกก ฟินมากกกกกก
![](//c.min.ms/t/h150/member/c/24/24049/pagegallery/1508779986/2b64737d.jpg)
ภาพวาดเรา โดย Sibbil ซึ่งออกมาหวานกว่าตัวจริงม๊าาากกกกมากกกก ตามสไตล์พี่เขาล่ะ
ไม่เคยคิดเลยนะว่าการคุยจะเติมพลังให้กับเรามากมายขนาดนี้ เราเองได้มีโอกาสไปเวิคชอป ไปทำงานหลายอย่าง เจอคนหลายแบบหลายประเภท ทำงานและแชร์หลายๆ อย่างกัน แต่ยังไม่เจอคนที่คุยได้รัวขนาดนี้ พอมาเจอกับคนที่มีความสนใจคล้ายๆ เรา จริงๆ ได้แชร์ความรู้สึกกัน มันเหมือนมีคนรับฟัง มีคนเห็นด้วยกับสิ่งที่เราเป็นและทำอยู่ (ถึงแม้จะเป็นเรื่องติ่งๆ ก็เถอะ) มีคนรู้สึกคล้ายๆ เรา ทำให้วันหยุดที่เกือบจะหม่นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อเลย
ปล.ต้องขออภัยในความกากของกล้องมือถืออายุสามปีครึ่งด้วยนะคะ ><
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in