เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะรู้จักนวนิยายสืบสวนสอบสวนชื่อเดียวกันนี้จากปลายปากกาของนักเขียนชาวนอร์เวย์อย่างJo Nesbo ในปี2017แฟนหนังสือทั้งหลายหนึ่งในนั้นรวมผู้เขียนด้วยต่างดีใจกันถ้วนหน้าเมื่อแฮร์รี่ โฮ กำลังจะมามีชีวิตในจอเงิน ความคาดหวังยิ่งมากขึ้นเมื่อทราบว่าหนังจะถูกสร้างโดยฝีมือการกำกับของTomas Alfredson ที่กวาดรางวัลมานักต่อนักจากภาพยนตร์ที่เป็นทั้งขวัญใจคอหนังและนักวิจารณ์อย่างเช่นlet the right one in, tinkertailor soldier spy เป็นต้น   แล้วตัวผู้เขียนยิ่งต้องกรีดร้องดีดดิ้นดีใจเพราะผู้ที่รับบทนายตำรวจสุดเซอร์คนนี้ก็คือนักแสดงมากฝีมือMichael Fassbender แต่ด้วยเหตุบางประการทำให้พลาดชมมันในโรงหนัง  จนในที่สุดผู้เขียนก็เลื่อนมาเจอภาพยนตร์เรื่องนี้บน Netflix จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการรับชมมันหลังจากที่ได้อ่านได้ฟังผลตอบรับด้านลบของมันจากกลุ่มนักดูหนังหลายๆคนต่างเล่ามาที่บอกว่าเป็นโอกาสดีเพราะว่าได้ปล่อยผ่านเสียงด้านลบที่ยังเข้มข้นให้มันเจือจางลงไปแล้วและเมื่อได้ชมเราจะได้ไม่มีอคติกับภาพยนตร์เรื่องนี้มากนัก

                         เมื่อได้รับชมก็ต้องยอมรับจริงๆว่านี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ดีมันเต็มไปด้วยปัญหาทั้ง การดัดแปลงบทต้นฉบับมาเป็นสคริปต์ภาพยนตร์  การตัดต่อถือว่าจังหวะนรกมาก สองแผลใหญ่นี้ได้สร้างความเสียหายต่อภาพรวมให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสาหัสสากรรจ์เราลองมาลงลึกไปที่ตัวบทเป็นอย่างแรกเลย     ในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของหนังที่เป็นการผูกปมปัญหานั้นสร้างปัญหาจริงๆแต่เป็นปัญหาที่เดือดร้อนต่อตัวผู้ชมไปด้วยนั่นคือมันสร้างความน่าเบื่ออย่างยิ่งยวดขึ้นมาแต่มันยิ่งเลวร้ายลงไปอีกเมื่อเรื่องราวผ่านเกินครึ่งเรื่องแล้วก็ยังมีปมปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกซึ่งเป็นปมที่ตัวผู้เขียนเห็นว่ามันไม่จำเป็นเอาเสียเลยเรื่องราวไม่ได้เดินไปข้างหน้าเลย

เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเพราะการดัดแปลงนวนิยายสู่บทภาพยนตร์ก็มีมากมายทั้งดีและแย่เรียกว่ามีบทเรียนล้นเหลือให้ศึกษาแต่เห็นได้ชัดเลยว่าคนเขียนบทเรื่องนี้ละเลยบทเรียนในที่สุดมันก็สร้างความเสียหายราคาแพงมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้

                  อีกปัญหานั่นก็คือเรื่องการตัดต่อจังหวะนรกที่กล่าวมาข้างต้นในตอนท้ายเรื่องพอจะถูไถไปได้แต่ตอนต้นเรื่องต้องใช้ความอดทนอย่างสูงเพราะตัดต่อได้แย่มากเหมือนกับว่าคนตัดต่อไม่เข้าใจจังหวะการเล่าเรื่องด้วยภาพเสียเท่าไร  ในหลายๆฉากที่การตัดต่อทำลายอรรถรสของภาพยนตร์เสียของไปมากมาย

             ข้อเสียที่กล่าวมาเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงแม้ว่าตอนท้ายของเรื่องราวจะพอดูได้หากแต่ว่าก็ไม่คุ้มพอที่จะมานั่งดูเรื่องราวที่ปมปัญหาไม่จบไม่สิ้นเสียทีแถมเอามาก็ไม่ได้มีผลดีต่อเรื่องหลักเท่าไรนัก