เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องพีคๆของฉันธิไง จะใครล่าา
ประสบการณ์ปวดท้องแทบตายใน Universal Studio
  • เนื่องในโอกาสที่วันนี้ปวดท้อง เลยนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ไปปวดท้องอยู่ใน Universal Studio รู้สึกว่าพีคดี แต่ยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย นอกจากเล่าในกรุ๊ปไลน์เพื่อนสนิท วันนี้ฤกษ์งามยามดี กำลังรออาจารย์ส่งข้อสอบเทคโฮมมาให้ทำ เลยเล่าเรื่องฆ่าเวลาละกัน 555

    เริ่มละนะ...

    ช่วงสงกรานต์ปี 59 ที่บ้านเราและญาติ ๆ รวมตัวกันไปเที่ยวสิงคโปร์ ซึ่งเราก็ไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ทุกอย่าง (ตั้งแต่หาที่เที่ยว วางแผน จองที่พัก จองตั๋ว ฯลฯ) ลูกพี่ลูกน้องเราจัดการหมด แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าไปที่ไหนบ้าง 555 เกรงใจ ไม่กล้าถามเยอะ รู้ว่าพี่เขางานยุ่ง และอยู่ดี ๆ โดนสายการบินเทกระทันหันก็เดือดร้อนพอละ (ฝากไว้ตรงนี้นะคะ สายการบิน Orient Thai เทดิชั้ลก่อนบินประมาณ 1 อาทิตย์นะคะ ทั้ง ๆ ที่จองกันมาเป็นเดือนแล้ว และกว่าจะได้เงินคืนล่อไปครึ่งปีนะคะ เคืองมาก) อะ ต่อค่ะ กว่าจะรู้ว่าไปไหนบ้างก็คือคืนก่อนเดินทาง เห็นแพลนก็เสียใจเบา ๆ ที่ไม่มี Universal Studio แต่ก็เข้าใจ เพราะที่ไป ๆ กันก็ผู้ใหญ่ทั้งนั้น มีเรากับน้องแค่ 2 คนที่ยังเด็ก (มั้ง 555)

    นั่นล่ะค่ะ ก็เที่ยวไปตามแพลน จนประมาณวันที่ 3 อยู่ดี ๆ พี่คนที่เป็นคนวางแผนทริปก็ถามขึ้นมาว่า "น้องธิอยากไป Universal มั้ย พรุ่งนี้จะไปเดินดูดอกไม้ในสวนกับไปคาเฟ่ แต่ถ้าหนูกับน้องอยากไป Universal ก็ได้นะ เดี๋ยวเจ้พาไปซื้อตั๋ว" โหหหห เจ้ช่างรู้ใจ 5555 คือตอนแรกก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่ แต่ที่อยากไปเพราะอุตส่าห์มาสิงคโปร์ 2 รอบแล้ว แต่ไม่ได้ไปแลนด์มาร์คสำคัญเนี่ยนะ (คราวที่แล้วมหาลัยพามาดูงาน คือดูงานจริง ๆ สาระมาก ๆ ไปมหาลัยของสิงคโปร์ พิพิธภัณฑ์ สวนพฤกษศาสตร์ ฯลฯ) อยากรู้ด้วยว่าสวนสนุกในต่างประเทศเนี่ยมันเป็นยังไง เคยไปแต่ดรีมเวิลด์กับสวยสยาม 5555

    หลังจากที่เรากับน้องตื๊อแม่อยู่สักพัก (แม่ไม่อยากให้ไปเพราะตั๋วแพง 555 แม่บอกเที่ยวด้วยกันนี่แหละ ไม่ต้องไปหรอก) ในที่สุดแม่ก็ให้ไป เราก็ไปซื้อตั๋ว และเช้าวันต่อมาเรากับน้องก็แยกเดี่ยวออกไปจากกลุ่ม นัดเจอกันอีกทีตอนกินข้าวเย็น

    นั่นเป็นการผจญภัยในต่างแดนครั้งแรกของเราเลย เพราะนี่เป็นครั้งที่สองที่เราไปต่างประเทศ ครั้งแรกที่มาดูงานกับมหาลัยตอนนั้นก็มีแอบหนีไปเที่ยวเองตอนกลางคืนเหมือนกัน (เด็กเลว 555) แต่ไปกับเพื่อนหลายคน ช่วย ๆ กันได้ เลยไม่รู้สึกผจญภัยเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ไปกับน้องแค่ 2 คน แล้วน้องพูดอังกฤษไม่ได้ (คือก็เหมือนคนไทยทั่วไปที่เรียนอังกฤษแค่ในห้องเรียน อ่านเขียนได้นิดหน่อย แต่เจอฝรั่งจะใบ้กิน 555) ดังนั้นความรับผิดชอบทุกอย่างจึงอยู่ที่เรา ซึ่งตอนนั้นทักษะภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยได้เรื่องเหมือนกัน อาศัยว่าใจกล้าหน้าด้าน กล้าพูดกล้าถามทาง แค่ขอให้มีเวลาคิดบทหน่อยก็พอ 555

    เราก็นำทีมเลย พาขึ้นรถไฟใต้ดิน ขึ้นสายนู้นต่อสายนี้จนมาถึง Universal โดยสวัสดิภาพและไม่หลง เย่! 
    เข้าไปก็งง ๆ หน่อย เพราะไม่คิดว่าจะได้มาเลยไม่ได้หาข้อมูลไว้ล่วงหน้า เข้าไปถึงก็เพลิดเพลินกับความน่ารักของการ์ตูนต่าง ๆ ถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน เดินไปเล่นเครื่องเล่นเบา ๆ 2-3 อย่าง แล้วน้องก็อยากเล่นรถไฟเหาะ!

    นี่คือเครื่องเล่นเบา ๆ 555555 ม้าหมุนเลยจ้า แย่งเด็กเล่น

    โอ้พ่อจ๋าแม่จ๋า ดิชั้ลเป็นคนปอดแหก พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องเล่นหวาดเสียวมาตลอดชีวิต ที่น่ากลัวที่สุดเคยเล่นมาก็เฮอริเคนที่ดรีมเวิลด์ นี่ก็สองจิตสองใจ จะเอาไงดี จะเกลี้ยกล่อมน้องว่าไม่ต้องเล่นหรอก เล่นอย่างอื่นเหอะ หรือจะปล่อยมันไปเล่นคนเดียวแล้วเราไปเล่นอย่างอื่นรอ หรือเข้าไปเล่นด้วยดี? สุดท้ายก็ยอมไปต่อแถวกับมัน ด้วยประโยคที่ว่า "เล่นเหอะ ไหน ๆ มาแล้ว ไม่รู้ชีวิตนี้จะได้มาอีกมั้ย"

    ระหว่างต่อแถวก็มีการ search หารีวิว ว่าไอ้เครื่องที่ต่อแถวอยู่เนี่ยมันเป็นยังไง ได้ข้อมูลมาว่า รถไฟเหาะ(ไม่รู้เขาเรียกงี้ป่าว แต่เราเรียกงี้ 555)ที่นี่มี 2 แบบ 2 สี คือ สีแดงกับสีฟ้า ซึ่ง 2 สีนี้รางมันจะพัน ๆ กันอยู่ แต่จะต่างกันตรงที่อันนึงจะเป็นรถไฟเหาะแบบที่เป็นรถจริง ๆ คือมีที่นั่ง ที่วางเท้า ส่วนอีกอันจะล็อคช่วงตัวเราไว้ มีที่นั่ง แต่ตรงเท้านี่จะโล่ง ๆ เลยจ้า ระหว่างโดยเหวี่ยงคือช่วงขาปล่อยฟรี กวัดแกว่งในอากาศ และไอ้ 2 สีนี้ต้องเข้าแถวแยกกัน ซึ่งก่อนดิชั้ลจะมาเข้าแถว ดิชั้ลไม่รู้ข้อมูลนี้ เลยสุ่มเข้าแถวมั่ว ๆ และแจ็กพ็อตก็แตก คือแถวที่ดิชั้ลเข้าอยู่นั้น คืออันที่ขาปล่อยฟรีจ้าาาาาาา! โฮรลลล 5555TT5555


    นี่คือรถไฟเหาะที่ว่า

    ความโชคดีที่ไม่ทำให้สติแตกคือ พี่ที่เข้าแถวอยู่ข้างหน้าเป็นคนไทยเหมือนกัน และเรารู้ตอนที่พี่เขาหยิบยาดมขึ้นมาดมเพราะกลิ่นตัวแขกที่อยู่ข้างหน้าแรงมาก 5555555 ซึ่งตอนแรกเราไม่กล้าพูดกับน้อง คิดว่าคิดมากไปเอง พอเห็นพี่เขาดมยาดมเท่านั้นแหละ ถึงกับขำ แล้วก็เลยชวนเขาคุย ก็เลยหายแพนิคตอนต่อแถว พร้อมที่จะเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นดาย 5555

    พอถึงคิว เขาก็ให้เราถอดรองเท้าวางไว้ ขึ้นไปนั่ง ล็อคเซฟตี้ต่าง ๆ แล้วเราก็พุ่งทะยานสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นนนนนนนนนนนนนนนน

    ระหว่างหลายนาทีนั้นเสียงที่ออกมาจากปากดิชั้ลคือเสียง "ว้ากกกกกกกกกกกกกกก" "อ้ากกกกกกกกกกก" "ฮืออออออออออออออ" คือแหกปากตลอดเวลา ถามว่ากลัวมั้ย ก็กลัวนะ แต่ไม่เท่าตอนเล่นเฮอริเคน อันนั้นคือกลัวตายจริง ๆ รู้สึกได้ว่าระบบเซฟตี้ไม่ดี กูพร้อมจะตายทุกเมื่อ กังวลว่าแม่จะรู้สึกยังไงถ้าลูกตายเพราะเล่นเฮอริเคน 5555 แต่อันนี้รู้สึกได้ว่าระบบเขาล็อคเราไว้ดี แต่เมื่อไหร่มึงจะหยุดซักทีวะ กูว้ากจนเจ็บคอแล้วววววว ว้ากเยอะกว่าพี่แน็ป Retrospect ก็กูนี่แหละ

    พอออกมาก็คุยกันขำ ๆ กับน้องว่า เออ ในที่สุดเราก็ผ่านมันมาได้เนาะ แล้วก็เม้าท์มอยกันว่าตอนอยู่บนนั้นเป็นไงบ้าง พร้อมกับเดินทางเครื่องเล่นเบา ๆ เล่นต่อ เพื่อเป็นการพัก เลยไปต่อแถวเล่นรถคล้าย ๆ รถคุณปู่ จังหวะที่ต่อแถวอยู่นั้น อยู่ดี ๆ เราก็ปวดท้องขึ้นมา ปวดแบบบอกไม่ถูก แต่ยังไม่แรงมาก คิดว่าเดี๋ยวคงหาย ในขณะที่แถวขยับไปเรื่อย ๆ เราก็ปวดท้องมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดทนไม่ไหว ปวดมาก ปวดจนยืนไม่ได้ ลงไปกองกับพื้น นั่งอยู่หน้าถังขยะเลย แล้วก็บอกน้องว่า ช่วยพยุงออกไปจากที่นี่ที ไปหาที่นั่งที่ใกล้ที่สุด น้องเลยพาเราไปนั่งริมทางเดิน

    ตอนนี้เราปวดท้องมาก ปวดจนหายใจแทบไม่ได้ ประสาทการรับรู้อะไรแทบจะหายไปหมด จำไม่ได้ว่าเจ้าหน้าที่สวนสนุกมาหาเราได้ยังไง เขาสังเกตเห็นเองหรือเราบอกให้น้องไปเรียกไม่รู้ เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนนึงมายืนอยู่ตรงหน้าเรา ถามเราว่าเป็นอะไร เราบอก "stomachache" เขาก็ถามต่อว่าปวดท้องอะไร โอ๊ยยยย คือตอบยากมาก ต่อให้ตอบเป็นภาษาไทยยังไม่รู้เลยว่าจะตอบว่าอะไร มันบอกไม่ถูกจริง ๆ ว่าปวดท้องแบบไหน และปวดเพราะอะไร รู้แค่ปวดมาก กำลังจะตายแล้ว เขาก็เอาแอมโมเนียให้ดม ระหว่างนั้นเขาก็พยายามคุยกับน้องเราแต่ก็น่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง พอซักพักเราเริ่มมีสติ เริ่มพูดได้ เขาเลยถามต่อว่ามาจากไหน แล้วเป็นอะไร ท้องเสียหรอ เราบอกไม่ใช่ เป็นเมนส์หรอ ก็ไม่ใช่ ไม่ได้กินข้าวเช้าหรอ เราก็บอกไปว่ากินนะ เราบอกว่า เราไม่รู้ว่าเป็นอะไร แค่ไปเล่นรถไฟเหาะลงมาก็ปวดท้องเลย เขาก็ไม่เชื่อ เขาคิดว่าเราต้องเป็นอะไรแน่ ๆ เขาก็เปิด Google translate แล้วแปลเป็นไทยเลย ถามซ้ำอีกว่า ท้องเสียหรอ เป็นประจำเดือนหรอ ไม่ใช่! ไม่ใช่โว้ยยยย! ไม่ได้เป็นไรมาก่อนทั้งนั้น คิดไรไม่ออกด้วยว่าน่าจะเป็นเพราะอะไร รู้แค่เล่นรถไฟเหาะลงมาแล้วเป็นเลย ซักเดี๋ยวมีเจ้าหน้าที่อีกคนมาเสริม เขาก็คุยกัน ดูเหมือนจะไม่เชื่อว่าแค่เล่นรถไฟเหาะแล้วจะปวดท้อง เขาเชื่อมั่นมากว่าเครื่องเล่นเขาไม่ทำให้เราปวดท้องแน่ ๆ ... คือไอก็ไม่ได้โทษรถไฟเหาะยูไง แค่ไอแฮฟโนไอเดียแล้วว่าไอเป็นอะไร เลยเล่าไปว่าก่อนหน้านั้นทำไรมา

    ที่เล่ามาทั้งหมดนี่คือยังปวดท้องมาก ๆ อยู่นะ แบบตอบไปหอบไป เพราะหายใจไม่ออก พูดแทบไม่มีเสียง แล้วก็นึกได้ ถามเขาว่ามียาแก้ปวดท้องรึป่าว เขาบอกไม่มี แต่หน้าสวนสนุกมี Watson นะ ไปซื้อยาที่นั่นได้ นี่เลยให้น้องไป ถามเขาว่าไปยังไง ก็พยายามฟังแล้วบอกน้อง คือถ้าอยู่ไทยตอนนี้คิดไรไม่ออกคงหายาธาตุน้ำขาวกินอะ แต่นี่สิงคโปร์ มียาไรมั่งไม่รู้ แต่ตอนนี้อะไรก็ได้อะ ทำไรซักอย่างเถอะ เผื่อกูจะดีขึ้น ให้นั่งพิงพุ่มไม้ดมแอมโมเนียอยู่อย่างนี้คงไม่ไหว

    พอน้องออกไปซักพัก เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเดี๋ยวพาไปนอนห้องพยาบาลแล้วกัน แล้วเขาก็วอเรียกรถพยาบาลมา ซักเดี๋ยวรถก็มาถึง เป็นคล้าย ๆ รถกอล์ฟ แต่มีเตียงต่อเติมอยู่ข้าง ๆ จำไม่ได้ว่าตอนนั้นนั่งหรือนอนไป แต่เป็นประสบการณ์ที่พีคดี นั่งรถพยาบาลที่เปิดสัญญาณขอความช่วยเหลือวิ่งฝ่าฝูงชนในสวนสนุก 55555 ก่อนรถจะออกเราก็เชง้อหน้ามองหาว่าน้องมารึยัง เจ้าหน้าที่อีกคนเลยพูดประมาณว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเขาจัดการเอง ตอนนั้นก็เป็นห่วงน้องนะ คือปกติก็เด๋ออยู่แล้ว นี่มาต่างประเทศแล้วพูดอังกฤษไม่ได้อีก มือถือก็ไม่มีซิม ติดต่อกันไม่ได้ แต่ตอนนั้นห่วงตัวเองมากกว่า กำลังจะตายแล้ววววว

    แล้วรถก็แล่นไปถึงห้องพยาบาล เข้าไปเขาก็ให้เรากรอกประวัตินิดหน่อย แล้วก็ให้ไปนอน พอได้เอนตัวลงนอนก็รู้สึกดีขึ้น ดีกว่าตอนนั่งขดอยู่ริมพุ่มไม้ 555 แต่คือเป็นความรู้สึกที่ประดังประเดมากอะ ทั้งกลัวทั้งเหงาทั้งอึดอัด เพราะพอเขาปล่อยให้เรานอน คือปล่อยจริง ๆ นอนเตียงในสุด ห่างไกลผู้คน ปิดไฟมืด ปิดผ้าม่านรอบเตียงอีก อยากได้ใครซักคน น้องก็ยังไม่มา ดีที่มีมือถืออยู่กับตัวและซื้อซิมเน็ตไว้ เลยไลน์ไปในกรุ๊ปเพื่อนสนิท พิมพ์เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อนถามว่า "มึงกรี๊ดเยอะไปป่าว ลมเลยเข้าท้อง เลยปวดท้อง" เออ อันนั้นเป็นไปได้ 555555 พิมพ์ไปซักพักน้องก็กลับมา เราบอกตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ขอนอนซักพักนะให้หายสนิทก่อนค่อยออกไป กลัวออกไปแล้วเป็นอะไรอีก 

    ซักเดี๋ยวก็มีเจ้าหน้าที่เดินเอาโอรีโอ้มาให้เรากับน้องคนละซอง เป็นแบบเหมือนที่ไทยเลยที่ขายห่อละ 5 บาท มี 3 ชิ้น ของเราได้รสสตอเบอร์รี่ พลิกดูด้านหลัง Made in Thailand อิเวน 55555 ก็ลองแกะกินไปเผื่อได้อะไรลงท้องแล้วจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ ก็นอนไปเรื่อย ๆ จนอาการปวดท้องค่อย ๆ หายไป จนคิดว่าโอเคแล้วก็ลุกบอกน้อง ลุกไปกินน้ำ แล้วก็ไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าโอเคแล้วนะ ขอบคุณมาก แล้วก็ออกจากห้องพยาบาลไป

    หลังจากนั้นก็กินข้าวเที่ยง (ซึ่งเลทมาประมาณ 3 ชั่วโมงแล้ว) กลับเข้าไปเล่นต่อ เพราะรู้สึกว่าไม่คุ้ม แต่ระแวงมาก search อ่านรีวิวก่อนทุกอันว่าน่ากลัวมั้ย ถ้าน่ากลัวไม่เล่น เลือกเล่นแต่อันง่าย ๆ สำหรับเด็กเท่านั้น 55555 สรุปได้เล่นอีกแค่ 4 อย่าง ก็ต้องกลับแล้ว เดี๋ยวไปไม่ทันเวลานัดที่นัดทีมผู้ใหญ่ไว้

    สรุป วันนั้นเสียดายเงินมาก เข้ามาเที่ยวไม่คุ้มเลย มัวแต่ไปทัวร์ห้องพยาบาล ถ้าแม่รู้คงจะยิ่งเสียดาย บอกแล้วให้ไปด้วยกันตั้งแต่แรก 555555

    เจ้าลาหัวเราะให้กับคนปวดท้องในวันนี้
    ปล. เพิ่งนึกได้ตอนถึงไทยแล้ว ว่าให้น้องมันออกไปซื้อยานี่หว่า ทำไมไม่ได้ยากลับมา เลยถามมัน มันบอก ไม่ได้หยิบกระเป๋าตังค์ไป เดินออกไปซักพักนึกได้เลยเดินกลับ โอ๊ยยยยย 555555555555 เลยถามว่าแล้วมาหาเราที่ห้องพยาบาลได้ไง มันบอกก็เดินกลับมาที่เดิมแต่ไม่เจอเราแล้ว เจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงนั้นเลยพาไปห้องพยาบาล

    ปล2. ที่เสียดายอีกอย่างคือ โอรีโอ้ที่เขาแจก น้องเราได้แบบพิเศษเว่ย เป็นโอรีโอ้ที่ขนมปังเป็นสีครีมไม่ใช่สีดำ โถถถถ ของกูนี่เมดอินไทยแลนด์เลย! นี่ก็เลยโวยวายกับน้องว่าทำไมไม่แบ่งกันบ้าง มันบอกว่า อ้าว คิดว่าได้เหมือนกัน (คือมองกันไม่ค่อยเห็นเพราะมีม่านบัง และในห้องมืดมาก)

    ปล3. แต่ก็ต้องขอบคุณมันมาก ถ้าไปคนเดียวคงแย่กว่านี้

    ไว้คราวหน้าจะมาเล่าประสบการณ์ปวดท้องแบบสุด ๆ อีกครั้งนึง แต่อันนี้เกิดที่ไทย ไม่พีคเท่านี้ แต่ก็ฮาพอใช้ได้ 555

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Pithkanda Pansumrit (@fb1021169287230)
คนอย่างเราคงเหมาะกับบ้านยักษ์ หรือ Donkie live มากกว่า 555
แต่น้อยคนนะจะได้เข้าไปเห็นห้องพยาบาลเนี่ย ธิเป็นคนมีโอกาส
ทำหมีขาวกินกันเถอะ
@fb1021169287230 จงหาความเชื่อมโยงของสิ่งที่พิชญ์กานดาพูด (2.33 คะแนน)