Day 26: Mask (ภายใต้หน้ากากสีทมิฬ) | #Novelber
Author: Sean
Pairing: Colin Firth x Hugh Grant
Rating: No Rate
ผมยืนเตร็ดเตร่อยู่แถวๆบาร์ผลไม้ในงานเลี้ยงสังสรรค์วันครบรอบบริษัทของลุง
ผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นใคร เพราะพวกเขาต่างสวมหน้ากากกันทั้งนั้น - - แต่ที่ผมคาดเดาได้ คงมีแค่พวกนักธุรกิจรุ่นใหญ่กำลังเคลื่อนไหวช้าๆอยู่ตรงกลางฟลอร์เต้นรำพร้อมกับคู่ควงของพวกเขา
ผมเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ต้องการเพียงแค่นอนอยู่บ้านและจัดปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อน แต่ก็ต้องถูกพ่อกับแม่ลากมางานเลี้ยง เพื่อบอกกับสื่อว่า ทายาทคนต่อไปของตระกูลแกรนท์ยังไม่ตายและยังไม่หายสาบสูญ - แหงสิ.. งานนี้พวกสื่อมากันเยอะมาก แต่ก็ถูกกันไว้ข้างนอกเท่านั้น
ผมเลยหมดประโยชน์แบบนี้ยังไงล่ะ
และนั่นก็เป็นเหตุผลทำให้ผมยืนเวิ่นอยู่คนเดียวตรงนี้ พร้อมกับแก้วไวน์องุ่นที่อยู่ในมือ.. ยังดีนะ ที่เจ้าไวน์นี่รสชาติเยี่ยม ไม่งั้นผมคงชิ่งกลับบ้านไปแล้ว
เพลง The Second Waltz เริ่มบรรเลงไปเมื่อไม่นาน .. ผมยืนพิงบาร์อยู่เงียบๆ พยายามมองหาพ่อกับแม่ที่เต้นรำอยู่กลางฟลอร์ แต่มันเป็นเรื่องยากมากๆที่จะหาพวกท่านเจอ เพราะทุกคนต่างสวมหน้ากาก.. รวมทั้งผมด้วย
สุดท้ายผมเลือกที่จะละสายตาจากฟลอร์นั่น และเดินเข้าไปนั่งที่บาร์ซึ่งอยู่แถวๆประตูทางออก .. บอกเลยว่างานนี้ผมแทบจะไม่สนุกเลยด้วยซ้ำ - ผมนั่งหันหลังให้กับคนเหล่านั้น จ้องมองเพียงแก้วไวน์ที่ย้ายจากมือของตัวเองมาวางอยู่บนเคาท์เตอร์บาร์แทน
“รับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของผม
“อ๋อ..ไม่หรอกครับ ขอบคุณมาก” ผมตอบกลับไป เพียงแค่เอี้ยวคอมองเล็กน้อยไม่ถึงกลับหันหลัง
“ครับผม” ผมเห็นเพียงแค่ด้านหลังของคนที่เพิ่งเดินจากไป เขาถือถาดเงินที่มีแก้วไวน์อยู่บนนั้นสองสามแก้ว
ไม่แปลกที่เขาเข้ามาถามผม เพราะที่บาร์นี่ไม่มีคนอยู่เลยแม้แต่คนเดีย ว.. มีเพียงแค่แสงไฟสลัวๆบนเพดานเท่านั้น - ผมหยิบแก้วไวน์ที่วางอยู่ขึ้นมา และจิบทีละนิด กลิ่นของไวน์หอมมากจนผมแทบไม่อยากจะกลืนมันลงคอ
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาล่วงเลยไปเท่าไหร่แล้ว .. แต่ผมเริ่มรู้สึกมึนหัวขึ้นมานิดๆ - เสียงเพียงวอลซ์ก่อนหน้านี้ กลับถูกแทนที่ด้วยเพลงคลาสิคที่บรรเลงโดยนักเปียโนที่อยู่บนเวที
“รับไวน์เพิ่มไหมครับ” ผมจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของบริกรคนเดิมที่เข้ามาทักผมเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมานี้
“ครับ..” ผมมองแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าอยู่ในมือของตัวเอง - เสียงรินไหลของไวน์กระทบกับแก้วช้าๆ
“ขอบคุณครับ” ผมยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบช้าๆ แต่รสชาติมัน..
“เดี๋ยว..” ผมร้องทัก แล้วหันกลับไปมองอีกคนที่เทน้ำนี่ให้ผม “
“เป็นเด็กเป็นเล็ก .. ไม่ควรดื่มไวน์นะรู้ไหม” รอยยิ้มของเขาทำให้ผมแทบหยุดหายใจ - มันเป็นรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก น้อยครั้งที่จะเห็นในชีวิตนี้ เป็นรอยยิ้มที่เหมือนเข้าใจ และพร้อมเชื่อใจผม อย่างที่ผมอยากให้เป็นแบบนั้น
“อ่า..” ผมตอบไปได้เพียงแค่นั้น .. ดูเหมือนว่าสมองของผมถูกรอยยิ้มของเขาแช่แข็งไปแล้วเรียบร้อย
“ดื่มน้ำเปล่า .. จะช่วยให้สร่างเมา” เขาวางมือบนบ่าผมเบาๆ เพียงแค่วินาทีเดียวก่อนจะย้ายมือออก
“ขอบคุณครับ” ผมก้มหน้าลงและหมุนตัวกลับไปดื่มน้ำอย่างที่เขาบอก - ไม่อยากจะยอมรับจริงๆว่าในหัวของผมมีเพียงแค่รอยยิ้มของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมในตอนนี้
“ฉันขอนั่งด้วยคนได้ไหม” ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่เป่ารดอยู่ข้างๆหูของผม นั่นทำให้ตัวผมแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
“อ..อื้ม” ผมพยายามพยักหน้าและตอบเขาไป
“ไม่ต้องกลัว.. ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” เขาพูดขึ้น และแทรกตัวเข้ามานั่งบนเก้าอี้บาร์อีกตัวที่อยู่ติดกับผม - ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า แต่ตอนที่เขากำลังแทรกตัวเข้ามานั่งนั้น
“ฮะ..” ผมก้มหน้าก้มตามองแก้วไวน์ในมือของตัวเอง รู้สึกได้เลยว่าหน้าของตัวเองกำลังร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ไวน์ หรือเพราะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างเมื่อกี้กันแน่
“เติมน้ำอีกไหม..” เขาหันข้างมาทางผม ใช้แขนข้างซ้ายตั้งศอกกับเคาท์เตอร์บาร์ ถึงตรงนี้จะมีแค่แสงไฟสลัวๆ แต่ผมกลับมองเห็นใบหน้าที่ถูกหน้ากากสีรัตติกาลนั่นสวมทับได้อย่างชัดเจน สายตาของเขาที่มองมายังผมชักชวนให้ผมเชื่อเขาอย่างหมดหัวใจ
“ก็ดีครับ..” ผมแทบไม่ได้คิดก่อนตอบไปเลยด้วยซ้ำ เหมือนผมถูกมนต์สะกดจากดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นภายใต้หน้ากากสีทมิฬ - เขารินน้ำจากขวดที่อยู่ในมืออีกข้างลงในแก้วไวน์ให้ผม
“ขอบคุณครับ..” ผมก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณ ผมรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะหันไปสบตาเขาอยู่ดี ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกดีอยู่ลึกๆก็ตาม
“เด็กดี..” เขาวางขวดน้ำที่อยู่ในมือไว้กับเคาท์เตอร์บาร์และเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ ค่อยๆลากยาวลงมาถึงท้ายทอย – สัมผัสของเขาทำให้ผมลืมความเกร็งของตัวเองจนหมดสิ้น รวมไปถึงสติด้วย
“…
“ค..ครับ” ผมพยายามปรับน้ำเสียงของตัวเองให้ดูปกติ แต่มันก็ห้ามที่จะหยุดสั่นไม่ได้ ผมคิดว่าเขาเองก็คงสัมผัสได้เช่นกัน
“ดูเหมือนเธอจะกลัวอะไรบางอย่างนะ” ใช่..ผมกลัวคุณนั่นแหละ
“ป--เปล่าครับ..” ผมแสร้งเบนสายตาไปยังฟลอร์เต้นรำ “ผม.. มองหาพ่อกับแม่อยู่น่ะ” ผมพูดออกไป – ตอนนี้ผมไม่ได้แกล้งมองแล้วล่ะ ผมกำลังมองหาพวกท่านอยู่จริงๆ
ไปไหนกันแล้ว....
“อ้อ.. ฉันลืมบอกว่าเมื่อสักครู่นี้ ฉันเพิ่งไปส่งคุณอาทั้งสองขึ้นรถมา” เขายกนิ้วชี้ขึ้นเพื่อแสดงท่าทางที่บอกว่านึกออกแล้ว – เขาโน้มตัวเข้ามาหาผมอีกครั้ง “และฉันก็บอกพวกท่านไปว่าเธอเมาแอ๋อยู่ที่ห้องรับรองแขก...”
เสียงกระซิบเบาๆของเขาทำให้ผมรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว - เขาอยู่ใกล้ผมจนผมได้กลิ่นของไวน์ที่ออกมาพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดใบหูของผม
“แล้ว..ผมจะกลับยังไงล่ะครับ” สายตาของผมเหล่มองใบหน้าคมของคนที่อยู่ข้างๆโดยอัตโนมัติ ผมค่อยๆเลื่อนมือที่อยู่บนหน้าตักขึ้นมาจับมือถือเครื่องบางที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง - โทรบอกพ่อกับแม่ตอนนี้ยังทัน
“ฉันจะไปส่งเอง” เขาวางฝ่ามือของตัวเองไว้บนหลังมือของผมโดยทันที เหมือนกับกำลังบอกทางอ้อมว่าให้ผมหยุดสิ่งที่คิดจะทำซะ.. ทั้งที่สายตาของเขาจ้องมองเพียงแค่ผม
“..เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ..”
“แม่เธอบอกว่า ‘ฝากดูแลน้องด้วย’ ” เหมือนผมเห็นเขากระตุกยิ้ม - เพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้นมันก็หายไป
“
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in