รู้สึกตาร้อนๆ
สงสัยเป็นเพราะว่าร้องไห้เมื่อกี้แน่เลย...อา น่าอายชะมัดร้องไห้ต่อหน้าสามคนนั้นตั้งสองครั้งแล้วถึงครั้งแรกจะไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะไม่สบายก็เถอะ
แต่ว่าก็อายอยู่ดีอะ
เป็นผู้ชายแท้ๆ
ดูเหมือนจะมีคนอ่านใจเขาออกจึงยื่นมือมาลูบหัวสองทีให้ตาย
"ไม่เห็นเป็นไรร้องไห้แล้วสบายใจขึ้นมั้ยล่ะ" ดินเลิกคิ้ว
ร่างบางพยักหน้ายิ้ม รู้สึกเขินๆ ยังไงชอบกล"เด็กดี"
"เดี๋ยวสิเราอายุเท่าดินนะ" ชะเอมทำหน้ามุ่ยทั้งสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกันได้ยินก็หัวเราะ
เพียะ!
"ทำอะไรของมึง"ดินตีเข้าให้กับมือปลาหมึกที่ลูบเอวเขา ไม่ดูสถานการณ์เอาซะเลย
"อยากให้รางวัลมึง"สินยิ้มสะบัดมือที่โดนพิฆาตเบาๆ เอ่ยคำที่รู้ความหมายกันแค่สองคน
มีแค่สินเท่านั้นที่รู้ว่าแม้ภายนอกดินจะเป็นคนหยาบคายแต่ข้างในก็ใส่ใจคนอื่นมากกว่าที่คิด นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาชอบคนๆ นี้ยังไงล่ะ
ดินขมวดคิ้วขึง แต่ไม่อาจซ่อนหน้าแดงของตัวเองก็ดูมันส่งสายตาไม่ปิดบังเลยแม้แต่นิดเดียว "ถามกูรึยังว่าอยากได้มั้ย"
"ไม่เป็นไร มึงไม่อยากได้แต่กูอยากให้"
"ไอ้ห่า"
"เขินแรงอีกแล้ว"
"เขินเชี่ยไร...!"
"เอาล่ะค่า ทุกคนฟังทางนี้นะค้าขอความร่วมมือนิดนึงนะค้า"เสียงผู้หญิงที่ถูกขยายผ่านเครื่องมือที่เรียกว่าโทรโข่งดังก้องทั่วลานกว้างเรียกความสนใจจากนักศึกษาที่ยืนเกาะกลุ่มวุ่นวายกระจายตัวส่งเสียงจอแจได้เป็นอย่างดี
"เอาล่ะค่ะ เวลาไม่คอยท่านะคะดิฉันเป็นตัวแทนในการดำเนินการกิจกรรมในสี่วันนี้ ชื่อพาค่ะ อยู่ปี3
พามองไปรอบๆ ที่เต็มไปด้วยความสงบเพราะทุกคนให้ความร่วมมือในการตั้งใจฟังก่อนจะพูดต่อ "กิจกรรมในช่วงเช้าวันนี้จะไม่มีอะไรมากค่ะแค่ให้นักศึกษาทุกคนช่วยยกต้นไม้จากรถบรรทุกที่ทางมหาลัยเป็นคนสั่งมาขอเตือนไว้ก่อนว่ามีเยอะมาก ถ้าเป็นไปได้ขอให้เป็นผู้ชายที่จะไปยกต้นไม้ ส่วนผู้หญิงไม่ต้องกลัวว่าจะว่างนะคะเราเตรียมวัตถุดิบสำหรับหุงหาอาหารทำกับข้าวไว้ให้แล้วสี่วันสามคืนนี้คนที่รับผิดชอบเรื่องอาหารสามมื้อคือพวกเราทุกคนค่ะ"
ได้ยินเสียงโห่รับจากรอบด้านโดยเฉพาะจากพวกผู้ชาย ประมาณว่าจะกินได้ไหมวะเนี่ย นี่ตูจะท้องเสียไหม เรียกเสียงหัวเราะจากรอบด้านได้เป็นอย่างดี
"เราไม่น่าอดตายนะ"รามพูดขึ้น เรียกความสนใจจากชะเอมที่หัวเราะคิกร่วมกับนักศึกษาคนอื่นๆ
"ทำไมอะ"
"เอ้าก็มีคนที่ทำอาหารเป็นอยู่ตรงนี้ตั้งหนึ่งคน" รามว่ายิ้มๆร่างบางขมวดคิ้วก่อนจะเข้าใจว่าหมายถึงตัวเอง
"เออจริงด้วย พวกเรารอดแล้วเว้ย"ดินว่าอย่างดีใจ ตอนแรกก็เครียดอยู่หรอกที่ว่าจะให้ทำอาหารกินเองแต่ตอนนี้โล่งอกเพราะจำได้ว่าขะเอมทำอาหารกินเองเป็นประจำ
"พวกมึงก็พูดไป เดี๋ยวสาวๆมาได้ยินเข้าจะตายไม่รู้ตัว" สินขำ
"เราก็ว่างั้น"ชะเอมยิ้มกับอาการดีใจเกินเหตุของเพื่อน "พวกผู้หญิงทำกับข้าวเก่งๆมีเยอะแยะนะ อีกอย่างเราต้องไปช่วยขนต้นไม้ด้วย ไม่น่าจะได้เข้าครัวหรอก"
"ก็ไม่แน่นะ" รามว่าเขาอยากลองชิมฝีมือร่างบางสักครั้งเสียด้วยสิ
"เราขออนุญาตใช้ห้องครัวของที่นี่ไว้แล้วอุปกรณ์ทุกอย่างมีเตรียมพร้อม ไม่ต้องกลัวว่ารสชาติอาหารจะทานไม่ได้ที่นี่มีแม่ครัวแต่มีไม่มาก เราต้องคอยเป็นลูกมือให้กับพวกเขาการอยู่ร่วมกันที่นี่เป็นอย่างอิสระทุกคนจะเดินไปไหนก็ได้พาไม่ว่าแต่งานต้องเสร็จตามเวลาที่กำหนดจะมีหัวหน้าแต่ละฝ่ายคอยดูอยู่ตลอด" เด็กสาวใส่แว่นเว้นระยะการพูดเล็กน้อย"มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บอะไรก็ขอให้มารับยาหรือปฐมพยาบาลที่ฝ่ายพยาบาลได้ค่ะสแตนด์บายไว้แล้วเรียบร้อยเช่นกันค่ะ"
ชะเอมมองไล่ พบคนหน้าคุ้นตา ก็เบิกตากว้าง
คนๆ นั้น...
"ผู้ชายผมทรงสกินเฮดคนแรกนับจากพาชื่อจ่อย หัวหน้าฝ่ายใช้แรงงานนะคะ ถ้าหากมียกของ หรือใช้แรงอะไร พี่คนนี้จะเรียกใช้นักศึกษาชายทุกคนไปช่วยต้องขอให้เชื่อฟังเค้าในทุกกิจกรรมสี่วันนี้ด้วยนะคะ"ถ้าชะเอมดูไม่ผิดเหมือนคนชื่อจ่อยจะเหล่ค้อนเด็กสาวที่ชื่อพาตอนถูกแนะนำตัวว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายใช้แรงงานด้วยล่ะ
ประมาณว่า 'ไม่มีชื่อที่ดีกว่านี้แล้วรึไงฮะยัยบ๊อง'
"ถึงจะดูเถื่อนๆ ตาขวางๆแต่ก็ไม่ใช่นักเลงหาเรื่องใครนะคะ"
"เฮ้ย ยัยนี่อย่านอกเรื่องสิ"
จ่อยว่าตาขวางอย่างที่พาแนะนำแต่เด็กสาวไม่กลัวแถมยังหัวเราะ สร้างบรรยากาศเป็นกันเองได้จากหลายๆคนที่เพิ่งรู้จักสองคนนี้
"ค่ะคนต่อไปเป็นหัวหน้าฝ่ายวัตถุดิบ ชื่อริน เห็นหน้าตาสวยๆ เรียบร้อยแบบนี้ทำอาหารเก่งมากเลยนะคะ พวกเราฝากท้องไว้กับเธอได้เลย"ทุกคนโดยเฉพาะผู้ชายร้องดีใจโอเว่อร์ซะ"ใครที่สามารถทำอาหารได้บ้างนิดหน่อยก็ขอความร่วมมือมาเป็นลูกมือให้เธอหน่อยนะคะ"
"เออ นี่ก็แดกเป็นอย่างเดียวทำไม่เป็น"
"ให้เมียทำดิมึงอะ"
"เมียไม่ทำเมียซื้อกับข้าวเข้าบ้านอย่างเดียว"
"มึงยังดีเมียกูแม่งร้องจะกินข้าวห้างทุกวัน เวรกรรมกูแท้ๆ"
"เมื่อกี้ตัวเองว่าอะไรนะเค้าได้ยินไม่ค่อยชัด!"
"โอ๊ยเปล่าจ้าตัวเอง โอ๊ยเจ็บอย่าดึงหูเค้าๆ!"
"ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้าไอ้พวกกลัวเมีย"
"ใครว่ากลัว!เค้าเรียกว่าเกรงใจเว้ย พูดผิดพูดใหม่!"
"มาเคลียร์กันก่อนเลยตัวเองเรื่องของเรามันยังไม่จบ!"
"โอ๊ยยย!! เจ็บ อย่าดึงหูเค้ากลัวแล้ววว"
สถานการณ์วุ่นวายที่เรียกเสียงหัวเราะครืนกับเสียงโหยหวนทำเอาพาต้องกรอกเสียงดังใส่โทรโข่งอีกรอบเพื่อเรียกความสงบ "คนสุดท้ายค่ะหัวหน้าฝ่ายพยาบาล ชื่ออิฐค่ะ อย่าสงสัยว่าทำไมเป็นผู้ชายทางเราเรียกตัวมาเองจากคณะแพทย์ ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะคะเจ็บไข้ได้ป่วย อยากได้ยา หรือสงสัยอะไรสอบถามได้ที่อิฐเลยนะคะ"
"พี่อิฐมีแฟนยังคะ"สาวคนหนึ่งยกมือขึ้น
"ยังครับ"อิฐตอบด้วยรอยยิ้มนุ่มนวล "แต่ผมมีคนที่ชอบแล้วน่ะ ขอโทษด้วยนะ"
จากนั้นก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดจากผู้หญิงและเพศที่สามดังกระหึ่ม
"โอ้โหขนาดปฏิเสธมันยังสุภาพเลยเว้ย"ยกเว้นผู้ชายที่หมั่นไส้โห่ดังแต่ไม่อาจกลบเสียงแหลม
"อ๊ายยย เอาอีกและเนี่ยคนหล่อๆ ไปกันหมดเลย" ผู้ชายคมเข้มคนหนึ่งสะดีดสะดิ้ง...อยู่เฉยๆไม่รู้เลยนะเนี่ย
"เขาอาจจะตอบไปงั้นๆ ก็ได้นะจะได้กันคนไปชอบไง เหมือนพวกดารางี้ไงแก" สาวมโนคุยกับเพื่อน
"จริงด้วยเนอะๆ"และสาวมโนอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
และอีกต่างๆ มากมาย
"นี่มันทอล์คโชว์หรืองานประกวดดาวเดือนเปล่าวะ" รามพึมพำ
"ผู้หญิงร้องกรี๊ดกระตู้วู้อย่างกับชีวิตนี้ไม่เคยเห็นผู้ชายอย่างงั้นแหละ"ดินว่าบ้าง "ไอ้จืดนั่นก็งั้นๆ"
ชะเอมมุ่นคิ้วไม่เข้าใจ"แต่เราว่าเค้าหน้าตาดีออกนะ ไม่งั้นจะเป็นเดือนแพทย์ได้ไง"
"ไอ้ดินมันอิจฉา"สินยิ้มบอกร่างบาง "อย่าไปใส่ใจ"
"อ๋อ" ชะเอมพยักหน้าว่าง่ายหัวเราะเสียงใส ส่วนดินหน้าหงิก
"นี่กูได้ยินนะ ขอบอก"
"ได้เวลาแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองแล้วนะคะอย่างที่บอกไว้ ผู้ชายแข็งแรงเดินตามพี่จ่อยไปเลยค่ะ ส่วนผู้หญิงตามรินไปอีกสามชั่วโมงเจอกันที่นี่เหมือนเดิม เวลาบ่ายโมงตรงค่ะ"
นักศึกษาหลายคนเริ่มแยกย้ายเดินตามไปทางที่หัวหน้าฝ่ายก้าวนำส่วนน้อยที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่คิดจะช่วยทำอะไร
ก็นะ...คนมีหลายรูปแบบ
"เอม จะไหวเหรอ"รามมองรถบรรทุกคันใหญ่หลายสิบคันจอดเรียงรายทุกคันมีต้นไม้สูงราวหนึ่งเมตรรากถูกหุ้มด้วยถุงดำหนาบรรจุอยู่เต็มคันแล้วหันมาถามร่างบางที่ยืนข้างกันด้วยน้ำเสียงกังวล"ไปช่วยงานในครัวดีกว่ามั้ย"
อีกสองคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
"อือ...ไม่เป็นไรไม่ต้องห่วง" ชะเอมมองดูแล้วก็ไม่น่าจะหนักมาก แค่เยอะเท่านั้นเอง"เรารู้ขีดจำกัดตัวเองดี"
ร่างบางยิ้มเพื่อคลายความกังวลของเพื่อนมือล้วงบางอย่างในเสื้อคลุมออกมา "แถมเราพกนี่ไว้กับตัวด้วยนะ"มันคือกระปุกยาโรคประจำตัวที่เขาต้องพกไว้ช่วยระงับอาการกำเริบที่อาจเกิดขึ้นฉับพลันได้อยู่ตลอดเวลา
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างอ่อนใจถึงจะรู้แบบนั้นก็เถอะ...
ยาของชะเอมใช้เฉพาะอาการที่สามารถยับยั้งได้เท่านั้นถ้าอาการหนักมากกว่านี้ ยาอาจไม่ได้ผล...นี่คือสิ่งที่หมอกฤษณะเตือน
"ถ้ารู้สึกไม่ดีต้องไปพักทันทีเลยนะ"สินต่อรอง เพราะรู้ดีว่าห้ามไปคนหัวดื้อก็ไม่ฟัง
"โอเค"ชะเอมดีใจยิ้มตาปิด เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้ใคร ถ้าช่วยได้ก็อยากจะช่วย
รามย่นจมูกใครเห็นสีหน้านี้ไม่ยอมก็ใจร้ายเกินไปแล้ว
"เอาล่ะครับในที่นี้อาจจะมีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องปะปนกันบ้าง ใครอยากเรียกผมยังไงตามสบายเลยแต่ผมจะแทนตัวเองว่าผมก็แล้วกันนะ"จ่อยพูดอย่างเป็นกันเองก่อนผายมือไปด้านหลัง"ทุกคนคงเห็นแล้วว่านี่คือสิ่งที่เราจะได้ออกแรงกันเราจะยกต้นไม้ทั้งหมดนี่ไปไว้ในป่าที่มีลานว่างตรงโน้น" หลายคนมองตามมือชี้
"อาจจะเป็นระยะทางที่ไกลนิดนึงเพราะว่ารถบรรทุกจอดได้ใกล้สุดแค่ตรงนี้เราจึงต้องใช้กำลังคนเยอะหน่อยและผมก็คิดว่าจำนวนเท่านี้คงพอที่จะใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงจากนั้นทุกคนจะได้พักกินข้าวเที่ยงกันนะครับ"
ทุกคนเงียบตั้งใจฟัง สายตาคมกริบกวาดตามองทั่วๆพูดเสียงจริงจัง
"งานที่ทุกคนมานี้เป็นงานอาสาผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่าผมจะไม่บังคับใครใครจะทำมากทำน้อยก็ได้แต่อยากให้ทุกคนช่วยกัน ใครเหนื่อยก็พักใครหายเหนื่อยแล้วค่อยมาช่วยและที่สำคัญที่สุด...ห้ามทุกคนมีปากเสียงหรือทะเลาะกัน ถ้าหากเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นผมจะขออนุญาตส่งคนเหล่านั้นกลับมหาวิทยาลัยและถือว่าคุณไม่ผ่านกิจกรรมนี้ทันที"จ่อยเน้นเสียง "อย่าคิดจะลองเพราะผมมีสิทธิ์มีอำนาจในการตัดสินใจ"
หลายคนกลืนน้ำลายเพราะรู้ว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมบังคับถ้าไม่ผ่านก็หมายความว่าคุณอาจจะไม่จบนั่นเอง
หน้าคนพูดก็โหดพอแล้ว ยังใช้น้ำเสียงโหดๆมาขู่อีก
"มีใครมีคำถามมั้ยครับ"จ่อยถามเมื่อเห็นทุกคนนิ่งเงียบพอเห็นหลายคนส่ายหน้าหวือก็พยักหน้าปรบมือสองทีเรียกความพร้อม "โอเคครับงั้นมาเริ่มงานกันดีกว่า เสร็จเร็วๆ จะได้พักเร็วๆ"
มีสามคนปีนขึ้นไปอยู่บนรถเพื่อส่งต้นไม้ให้คนข้างล่างได้ง่ายๆชะเอมรับมาถือไว้พบว่าน้ำหนักก็ไม่ได้มากอะไรแต่พอถือแล้วใบของต้นไม้บังทางจนมองเห็นข้างหน้ายาก
"ถือระวังรากของต้นไม้ด้วยนะครับ"จ่อยตะโกนเตือน
"ยากจัง" ชะเอมพึมพำเพราะเขาเตี้ยด้วยรึเปล่า
"แบบนี้จะดีเหรอ"ดินกระซิบกระซาบ แอบมองแผ่นหลังเล็กตลอดเวลา
"อืม...เจ้าตัวอยากทำก็ปล่อยให้ทำไปเหอะ"สินบอก น้ำเสียงเหมือนจะไม่สนใจแต่ก็อยู่ในสายตาตลอดไม่ต่างกัน
"อืมเดินไกลเหมือนกันเนอะ" ชะเอมว่า เดินอย่างทุลักทุเล พื้นก็ไม่ค่อยดีบางที่เป็นหลุมขรุขระ ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็เดินตกลงไปเคล็ดได้เหมือนกัน
"วางตรงนี้เลยครับ"จ่อยคอยยืนกำกับ
"เฮ้อ"แขนเรียวบางยกขึ้นนวดไหล่ ถึงจะไม่หนักมากแต่ถือนานๆ มันก็ต้องมีเมื่อยกันบ้างแหละ
"ไหวนะ" รามถามมองเห็นเหงื่อผุดซึมตามใบหน้ามน ยังไงก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
"อื้ม!"ชะเอมยิ้มรับคำหนักแน่น
แต่...
พอเดินรอบที่สี่ รอบที่ห้าด้วยระยะทางที่ไกลพอสมควร กับน้ำหนักที่ต้องหิ้วไปหิ้วมากับแดดแรงจ้าเริ่มเคลื่อนไปอยู่เหนือหัวทำให้ชะเอมเริ่มหอบทั้งที่เพื่อนสามคนยังดูสบายๆ แท้ๆ
ตึกตัก
รู้สึกได้...หัวใจเต้นรัวเร็ว...เหนื่อยง่าย...ผิดปกติ
"เอมเหงื่อมึงออกโคตรเยอะเลย" ดินทัก "ไปนั่งพักไป กูว่ามึงไม่ไหวแล้ว"
"ระเหรอ...เราก็ว่าอย่างนั้น...งั้น" ชะเอมสูดลมหายใจที่ติดขัดแผ่นอกบางสะท้อนถี่ "เดี๋ยวเสร็จนี่ก่อนนะ"
"ไหวมั้ยครับไม่ไหวพักก่อนได้"จ่อยสังเกตเห็นใบหน้าซีดอย่างกับจะเป็นลมของคนตรงหน้าที่กำลังเดินมาแล้วได้แต่เอ่ยเตือนเขาน่ะเห็นคนบอกว่าไหวแล้วฝืนจนเป็นลมมาแล้วนักต่อนัก
"...ครับ" ชะเอมว่าง่ายนี่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน ถ้าล้มไปจะยิ่งเป็นภาระมากขึ้น
************************Whosefault? ************************
"ฟู่~"
ตึกตัก ตึกตัก
ใจยังเต้นเร็วอยู่...ทำให้ควบคุมลมหายใจให้ช้ากว่านี้ไม่ได้
"เฮ้อ" ...เหนื่อย
ชะเอมหลับตาพิงต้นไม้ สูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออกยาวๆฟังเสียงสายลมพัดผ่าน เสียงใบไม้กระทบกัน
อากาศดีจัง
รู้สึก...สงบ
แต่เสียงหัวใจ มันไม่ยอมสงบ
"อือ..."มือบางขยุ้มเสื้อบริเวณอกข้างซ้ายเมื่อมันเริ่มอึดอัดมากขึ้นทุกที แผ่นอกสะท้อนถี่ริมฝีปากบางอ้างับอากาศเมื่อใช้จมูกหายใจก็ดูเหมือนจะไม่ทัน
อยู่ตรงนี้ไม่มีใคร สังเกตเห็น
แย่ล่ะสิ...
แผ่นหลังบางคู้ตัวเมื่อสิ่งที่อยู่ในอกบีบรัด"หะ...!" มือบางละจากการกำเสื้อถึงจะยากยังไงก็ต้องล้วงหาสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าออกมาเปิดฝากระปุกเทจนยาในขวดเกือบหกกระจาย ไม่ทันได้มองว่าบนฝ่ามือมีกี่เม็ดก็ตบยาเข้าปากแล้วฝืนกลืนเข้าไปจนได้
ไม่มีน้ำ...ขมจนอยากจะอ้วก...ฝืดคอแต่ก็ต้องกิน
นานจนลมหายใจกลับมาคงที่หัวใจก็กลับมาเต้นเหมือนเดิม
หูกลับมาได้ยินเสียงเฮฮารอบด้านกลับมาดังทั้งๆที่เมื่อกี้ยังอื้ออึง ร่างบางเริ่มขยับกาย หยิบเม็ดยาสีขาวที่เพิ่งสังเกตว่ามีหกอยู่ตามพื้นหญ้าเข้ากระปุกแก้วเชื่องช้าพยายามสูดลมหายใจเบาๆ เพราะยังรู้สึกเจ็บแปลบในอก
นั่นเม็ดสุดท้าย...
"อะ ขอบคุณ...ครับ"มือขาวซีดชะงักเมื่อเห็นใครบางคนช่วยเก็บยาให้ใบหน้าน่ารักคุ้นตากับผ้าพันแผลสีขาวพันรอบศีรษะ
...เรย์...
"อ่ะ"
"เอ่อ ขอบใจ"ชะเอมบิดฝากระปุกรีบเก็บใส่ช่องในเสื้อคลุมกันหนาวสายตาเผลอกวาดมองหาใครบางคนไม่รู้ตัว
"เป็นอะไรเหรอ" เรย์ถาม
"หะ?"
"เป็นอะไรทำไมต้องกินยา" เรย์มองกลับมาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
"ป...ปวดหัวนิดหน่อย"ชะเอมร้อนตัวเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดเรื่องยา จึงพูดออกไปโดยคิดคำโกหกไม่ทัน"พอดีเพิ่งหายไข้"
"เป็นไข้?
“อืม” ร่างบางตอบแค่นั้นแต่ก็มาคิดได้ว่าอาจจะสั้นจนไร้มารยาทเกินไป จึงอธิบายเสียงแผ่ว
ในใจรู้สึกแปลกๆ ...สงสัยเหลือเกินว่าอยู่ๆ เรย์มาคุยกับเขาทำไม
“เหรอ...”
"อาหมอบอกว่าเย็บไปตั้งหลายเข็มตอนตื่นมาก็เจ็บแทบแย่"
"..."
"แต่ดีที่คินเฝ้าตลอดเวลาเราเลยสบาย แทบไม่ได้ทำอะไรเองเลย"
"..."
"คินเนี่ยเป็นผู้ชายที่ดูแลคนเก่งมากจริงๆนะ ถ้าใครได้เป็นแฟนคงโชคดีสุดๆ เราคงอิจฉาตายเลย"
"..."
"ว่าแต่เขารู้รึเปล่าว่าเอมไม่สบายน่ะ"คงรู้สึกว่าพูดเรื่องตัวเองมากไปจึงหันมาถามไถ่คนข้างๆ บ้าง ซึ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆซึ่งเรย์ก็ดูเหมือนจะไม่ถือสา
"โทษที ท่าทางเราจะถามอะไรโง่ๆคินเขาจะไปรู้ได้ไงเพราะก็อยู่กับเราตลอดเวลานี่นา"
ชะเอมล่ะไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่เรย์เข้ามาคุยด้วยจริงๆสายตาจับจ้องไปที่คนพูดหน้าตาระรื่น สบายใจ
จะอวด?
เยาะเย้ย?
หรือว่าสมเพช?
"แต่ก็ขอบคุณแผลนี้ล่ะนะที่ทำให้เขาทิ้งนายมาหาฉันจนได้"
"!!" สิ่งที่ได้ยินชะเอมตกใจเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นหันไปมองเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะได้ยินอะไรผิด แต่ว่าเมื่อเห็นสีหน้า
"นี่นาย" อย่าบอกนะว่า
ตั้งใจให้เป็นแบบนี้
ทั้งๆ ที่เขารู้สึกผิดแทบตาย
แล้วเขาเสียใจแค่ไหนที่ถูกคินบอกเลิก...คำต่อว่าดูถูกที่ออกมาจากปากร่างสูงมันสามารถฆ่าเขาได้
มันเจ็บเหมือนตายทั้งเป็น
"ฉันจะบอกเรื่องนี้กับคิน"ชะเอมพูดกัดฟันแน่น มองด้วยแววตาโกรธแค้น แต่ไม่ได้ทำให้เรย์กลัวกลับยิ้มสะใจเสียด้วยซ้ำ
"คิดว่าเขาจะเชื่อนายเหรอ"
"..." คำพูดของเรย์ทำให้เขาเถียงไม่ออก“ฉันไม่สน...
"คิดดูให้ดี ตอนนี้นายก็น่าจะรู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง นายเป็นคนร้ายส่วนฉันเป็นนางเอกผู้น่าสงสาร" เรย์ยิ้มหวานแต่สำหรับชะเอมมันน่าขยะแขยงที่สุด "ถ้าหากนายทำอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นกับฉันนายก็จะโดนเกลียดเพิ่มมากขึ้น สำหรับฉันมันก็ง่ายดีอ่ะนะ"
น่ารังเกียจ...น่ารังเกียจที่สุด
ชะเอมตาแดงขบกรามไม่เคยโกรธใครเท่าคนตรงหน้ามาก่อนมันอึดอัดอยากจะระบาย มือบางกำหมัดแน่นจนสั่นระริก
"อะ โอ๊ย! เจ็บ..."น้ำตาไหลอาบหน้าทำให้ร่างบางได้แต่งง ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
จู่ๆ เป็นอะไร
"ฮึก ปวดหัว..."
แซ่ก...
ชะเอมช็อคตาโต ร่างบางผุดลุกขึ้น หรือว่า...
ร่างสูงที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เดินตรงเข้าช้อนร่างเล็กแนบอก
"เป็นอะไร เรย์ เจ็บตรงไหน"มือใหญ่แตะแผ่วเบากลัวว่าจะสะเทือนแผล
"เรย์ปวดแผลอะคิน"ร่างเล็กได้ทีคว้าคอซบหน้ากับไหล่กว้าง
"ยาแก้ปวดอยู่ในกระเป๋าเดี๋ยวคินหยิบให้" คินเอ่ยกระซิบเตรียมลุกขึ้นยืน ไม่สนใจว่ามีใครอีกคนอยู่ด้วย
ท่าทางเป็นห่วง ความอบอุ่นอ่อนโยน สรรพนามแทนตัวสิ่งเหล่านั้นเคยเป็นของเขา
"เรย์ขอโทษนะเอม"
"เรย์ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เอมทะเลาะกับคินฮึก เรย์ไม่ได้ตั้งใจ"
อยากบอกว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่สิ่งที่คินเข้าใจ
"คินอย่าโกรธเรย์นะเรย์แค่กลัว...แต่เอมเขาโกรธเรย์ที่ทำเหมือนแย่งคินมา ฮึก คิน"ร่างเล็กตัวสั่นเหมือนลูกนกน่าสงสาร ซุกหน้ากอดคอคินแน่น "เจ็บไม่เอาแล้ว"
ร่างสูงยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่มือใหญ่ก็กอดปลอบลูบหลังเข้าใจว่าเรย์หวาดกลัวจากความเจ็บจากบาดแผลที่เคยเกิดขึ้นจนฝังใจ
มันไม่ใช่!!
“หยุดพูดนะเรย์!” ชะเอมหมดความอดทนตะโกนใส่ร่างเล็กที่เอาแต่พ่นคำโกหกหลอกลวงก่อนจะหันหน้ามาพยายามอธิบายกับอีกคน "ไม่ใช่นะคิน เรย์โกหก เอมไม่ได้..."
"นายนั่นแหละหยุดพูดได้แล้ว!!"คินตะคอกเสียงดัง ทำให้ตรงที่พวกเขายืนอยู่เป็นจุดสนใจทันที
ร่างบางสะดุ้งหน้าซีดเซียวเมื่อสายตาคมตวัดมองเขาเหมือนเห็นเขาเป็นเศษขยะหรืออะไรที่น่าขยะแขยง
ไม่ใช่นะ...
“เรย์เป็นขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกหรือไง” คินหันมาเผชิญหน้า มองต่ำมาที่ชะเอม “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามายุ่งอีก ทำไมไม่ฟัง!”
“...”
“เงียบทำไม ฉันถามว่าไม่พอใจหรือไง!!” ร่างบางสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เมื่อเสียงเกรี้ยวกราดตะโกนดัง
ชะเอมหน้าซีดกับสายตาคมกริบ ริมฝีปากสั่นอ้าแล้วก็หุบอยู่อย่างนั้น“...” พูดสิ อธิบายออกไปบอกว่าทุกอย่างมันไม่ใช่ สิ่งที่อีกฝ่ายเข้าใจนั้นคือสิ่งที่แสนหลอกลวง
นานจนคินไม่รอ ขายาวหันหลังก้าวเดินไป พลันเห็นสายตาของเรย์ซ้ำรอยกับวันๆนั้น...วันที่มีสถานการณ์เดียวกันกับตอนนี้
แต่ไม่เลวร้ายเท่า
แซ่ก...แซ่ก
“คิน...”
สายตาว่างเปล่ามองทั้งสองคนค่อยๆ เดินห่างออกไป
รั้งไว้
ต้องมองแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปอย่างนี้อีกกี่ครั้งกี่หน...
ยังต้องทนเจ็บแบบนี้อีกกี่ครั้งกี่หน...จนกว่าจะทนไม่ไหวอีกแล้วใช่ไหม
...หรือจนกว่าหัวใจอ่อนแอดวงนี้จะแหลกสลายไป...
เสียงซุบซิบนินทาของคนรอบข้างดังขึ้นแต่ไม่เข้าประสาทร่างบางอีกต่อไปชะเอมได้แต่กอดเข่าก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีแม้น้ำตาสักหยด...มีแต่สายตาเจ็บปวดรวดร้าวสะท้อนออกมา
ภาพคินที่กอดใครอีกคนแนบอกอย่างปกป้องแล่นเข้ามาในหัว และสายตากลับมองเขาด้วยความรังเกียจแบบนั้น
มันทำให้เขารู้สึกแพ้...เขาแพ้แล้ว
ไม่สิ ต้องโทษตัวเองเพราะเขาโง่เอง ที่ถูกเรย์หลอกครั้งแล้วครั้งเล่า...ถูกหลอกให้ตกอยู่ในหลุมพรางที่มีแท่งไม้กับดักอยู่ก้นหลุมวางซ้ำไว้ขึ้นมาไม่ได้...ไม่มีทาง
‘คิน...ไม่ใช่...’
นั่นสิ ในตอนนั้นเขาจะพูดแก้ตัว...ไปทำไมนะ เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าถึงยังไงก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาเปลี่ยนมันไม่ได้
ไม่มีทาง...เปลี่ยนสิ่งที่คินเชื่อได้เลย
เรย์พูดถูกแล้ว
'คิดว่าคินเขาจะเชื่อนายเหรอ'
‘คิน ไม่ใช่นะ เรย์โกหก...’
‘นายนั่นแหละหยุดพูดได้แล้ว!!’
จะแก้ตัวไปทำไมก็ในเมื่อ...
ความเชื่อใจถูกทำลายจนแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี
************************Whosefault? ************************
สนใจรูปเล่มหนังสือทักได้ที่เพจเฟสบุ๊ค H.Rui Novels นะคะ^^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in