Title : The story of neighbor
Fandom : Detroit Become Human
Markus x Simon
** Human AU **
------------------------------------------------------
เราห่างกันหกปี ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
นั่นคือสิ่งที่ไซม่อน เลิฟเวอร์คอยบอกตัวเองเสมอมา
หลังจากที่เจอกันในตอนเช้าของวันพฤหัสบดีที่10 ธันวาคมเขาก็ไม่ได้คุยกับคนข้างห้องอีกเลย(ถึงจะดูพูดให้ดูนานแต่ความจิงวันนี้พึ่งจะเป็นวันศุกร์ที่11เท่านั้นเอง) อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ใช่คนช่างเขาสังคมนัก เป็นเพียงแค่ชายคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตปกติไปวันๆโดยไม่คิดหาความตื่นเต้นหรือเรื่องรักๆใคร่ๆเข้ามาในชีวิต
พูดถึงเรื่องรักใคร่ชวนหัวใจเต้น เขามักจะถูกเพื่อนร่วมงานและครอบครัวถามถึงเรื่องคนรักเสมอและคำตอบที่พวกเขามักจะได้กลับไปคือยังไม่คิดจะมีในตอนนี้ แน่นอนว่าพวกนั้นทำสีหน้าเหม็นเบื่อใส่เขา ซึ่งไซม่อนก็ไม่เข้าใจว่าเราจะต้องรีบหาไปทำไมเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมคนๆนั้นก็จะโผล่มาเอง เขามากกว่าที่ควรจะทำหน้าเหม็นเบื่อใส่พวกนั้นเวลาที่วิ่งโร่มาหาห้เขาปลอบเวลาที่เจ็บปวดจากคนรัก สารพัดคำที่บอกว่าจะเลิก จะไม่ทนกับคนสารเลวแบบนั้นอีก แต่สุดท้ายก็กลับไปคบและวนเวียนเป็นลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ใครกันแน่ที่ควรถูกทำหน้าเหม็นเบื่อใส่
เขาเชื่อว่าเพื่อนแบบนี้มีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและพร้อมจะร้องไห้ใส่เราเสมอ เหมือนที่เขากำลังเจออยู่
"ฉันจะไม่ทนอีกแล้วไซม่อน รอบนี้เขาเกินกว่าฉันจะทนแล้ว" หญิงสาวผมสีทองสว่างที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขาพูดประโยคเดิมๆด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นในร้านกาแฟใกล้กับอพาร์ทเม้นท์ที่เขาอาศัยอยู่
"เธอพูดประโยคนี้รอบที่ร้อยแล้วโคลอี้" ไซม่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยกกาแฟขึ้นดื่มก่อนที่มันจะหายร้อน คนตรงหน้าเขาคือโคลอี้ โฮส เพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังคบกับหนุ่มนักธุรกิจอนาคตไกลอย่างอิไลจาร์ แคมสกี้อยู่ ละนี่็เป็นรอบที่ร้อยที่หล่อนมาร้องไห้พร่ำเพ้อว่าจะเลิกกับพ่อหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว
"ไม่! รอบนี้มันไม่เหมือนเดิมไซม่อน!"
"อา... งั้นมีเรื่องอะไรล่ะ"
"เขาลืมฉันไว้ที่ร้านอาหารตอนเราไปเดทกัน แถมยังไม่ส่งข้อความหรือโทรมาขอโทษเลยแม้แต่น้อย"
อืม ก็น่าเลิกอยู่หรอก
ไซม่อนได้แต่คิดแต่ไม่ได้พูดออกไป เขาทำเพียงแค่ฟังสาวเจ้าบ่นถึงแฟนหนุ่มตัวเองโดยจิบกาแฟประกอบบทสนทนาไปด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้ให้คำแนะนำอะไรเสียงเรียกเข้าของเพื่อนสาวก็ดังขึ้น เจ้าหล่อนหยิบมันขึ้นมาดู ใบหน้าสวยดูบึ้งตึงก่อนจะคว้าโทรศัพท์เดินปึ้งปั้งออกไปนอกร้านโดยทิ้งกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
เชื่อเขาสิ อีกไม่นานเธอจะกลับมาพร้อมกับบอกว่าดีกันแล้ว
ไม่เกินสิบวิหรอก
สิบ
เก้า
แปด
เจ็ด
ห...
"ฉันดีกับเขาแล้วขอบคุณนายมากนะไซม่อน" ตัวการที่ทำให้เขายอมลุกจากที่นอนเดินกับเข้ามาพร้อมใบหน้ายิ้มแฉ่งต่างจากตอนแรกที่บึ้งตึงน้ำตานอง
นั่นไงไม่เกินสิบวิจริงด้วย
"ก็ดี แต่ถ้ามีครั้งหน้าและจบลงแบบเดิมอีกฉันจะเก็บเงินค่าลุกจากที่นอน"
"นายไม่ทำหรอกคนดี ไปละ ขอบคุณอีกรอบนะ" นอกจากโดนรู้ทันกับไม่ได้เงินยังโดนหอมแก้มฟอดใหญ่ลงมาอีกก่อนจะหญิงสาวสับขาเดินออกจากร้านกาแฟไป
เวลาสงบสุขกับกาแฟก็กลับมาอีกครั้ง
แต่ก็ไม่นานนักหรอก
"ขอโทษนะครับ ตรงนี้มีคนนั่งรึเปล่... อ้าว ไซม่อน" เสียงทุ้มที่เรียกชื่อเขาราวกับรู้จักกันดังเหนือหัวเรียกความสนใจจากเขาได้เป็นอย่างดี พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบวาเป็นคุณเพื่อนบ้านนั่นเอง
"สวัสดีมาร์คัส เพื่อนฉันพึ่งอกจากร้านไปนายนั่งเลยก็ได้" เขาพยักเพยิดเชิงให้อีกคนที่ดูจะถือของรุงรังไปหมดนั่งตรงที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามที่ว่างเปล่าก่อนจะสังเกตได้ถึงสัญลักษณ์เสื้อแจ็คเก็ตที่อีกคนสวอยู่อยู่
"นายเรียนที่ดีทรอยหรอ ?" ทันทีที่เขาถามออกไปคนตรงข้ามที่พึ่งนั่งลงก็ดูจะตื่นตกใจที่ทำไมเขารู้ จนเขาต้องชี้ตรงอกเสื้อว่าร้มาจากเสื้อที่นายสวมนั่นแหละ
"อ๋อ ใช่ คณะศิลปศาสตร์น่ะ แล้วนายล่ะเรียนคณะไหนทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย"
"ฉันเรียนจบแล้วน่ะ.... อายุยี่สิบหกแล้ว"
สิ้นคำตอบของเขาก็เกิดเดดแอร์ขึ้นระหว่างเรา มาร์คัสดูจะช็อคค้างไปแล้วต่างจากไซม่อนที่ยังคงยกกาแฟขึ้นดื่มราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ แหงล่ะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกเข้าใจผิดว่ายังเรียนมหาลัยอยู่ ตอนไปสัมภาษณ์งานก็โดนแนวๆนี้มาเหมือนกัน
"เอ่อ ขอโทษครับ... คือไม่นึกว่าไซม่อ... คุณไซม่อนจะเรียนจบแล้ว"
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันชินกับเรื่องพวกนี้แล้ว" รีบพูดเรียกสติของมาร์คัสที่ดูท่าจะลอยไปไกลถึงดาวอังคารแล้วให้กลับมาที่อเมริกาเหมือนเดิม
"แล้วก็นะเรียกไซม่อนก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณไซม่อนหรอก รู้สึกแปลกๆ" มุมปากยกยิ้มบางๆให้กับคนตรงข้ามเพื่อลดอาการตึงเครียดระหว่างเราหลังจากเจอเรื่องช็อคโลกของมาร์คัส
"เอาตามที่คุณไ.. เอ๊ย ไซม่อนว่างั้นก็ได้" เขาจ้องเขม็งเมื่ออีกคนหลุดคำว่าคุณออกมาอีกครั้งจนแทบจะเปลี่ยนวิธีการเรียนแทบไม่ทัน
"อืม แบบนี้แหละ แล้วก็ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาคุยกับฉันได้ ถึงจะคนละคณะแต่ก็มหาลัยเดียวกันฉันพร้อมช่วยนายตลอดแหละ ยกเว้นเรื่องเงินนะ"
แล้วหลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็คุยกันอีกนิดๆหน่อยๆ อย่างน้อยก็พอให้เขารู้ว่าอีกคนเรียนอยู่ปีสองแล้ว อายุยี่สิบปี ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นท์นี้เพราะที่อยู่เก่าแพงเกินจะจ่ายไหวหลังถูกรูมเมทชิ่งหนีทิ้งให้เขาต้องอยู่ห้องคนเดียว
เขาเป็นคนขอตัวกลับห้องก่อนเพราะรู้สึกอยากจะกลับไปนอนแผ่บนเตียง ในขณะที่มาร์คัสยังอยู่ที่ร้านรอเพื่อนมาคุยเรื่องงาน ถ้าถามว่าทำไมเขารู้น่ะหรอก็เพราะว่าตอนแรกเขาชวนอีกคนกลับด้วยกันไง ไหนๆก็ห้องติดกันมีเพื่อนเดินคุยด้วยก็เป็นเรื่องดี
แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวออกจากร้านก็ถูกเรียกเอาไว้ด้วยเสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าเด็กอายุยี่สิบนั่น
"ไซม่อน! เอ่อ....ถ้าวันไหนคุณว่าง.. ช่วยพาผมไปหาร้านอาหารน่ากินแถวนี้ทีได้มั้ยครับ"
"ได้สิ นัดวันมาละกัน" เขาฉีกยิ้มกว้างกลับไปแล้วโบกมือลาก่อนจะได้ออกจากร้านจริงๆซักที
เราห่างกันหกปี ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
นั่นคือสิ่งที่ไซม่อน เลิฟเวอร์ต้องคอยย้ำตัวเองเสมอมา
TBC
Bonus
"เป็นอะไรไปมาร์คัส"
"เธอเคยรู้สึกว่าตัวเองพึ่งทำอะไรที่โง่ที่สุดในโลกไปรึเปล่านอร์ธ"
"เคยสิ ตอนที่ฉันใส่ชุดกระโปรงสีชมพูมีระบายไปเรียนสมัยประถมโดยที่คิดว่ามันสวยสุดๆ"
"ไม่ใช่แบบนั้นนอร์ธ....."
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in