เดือนสุดท้ายในโรงเรียน กับชีวิต ม.6 ที่เหลืออยู่อีกไม่ถึงเดือน
ใกล้จะถึงปลายทางแล้วนะ รู้ว่าเหนื่อยมากๆ ท้อมากๆ อดทนอีกหน่อยนะ มันใกล้จะจบแล้ว
ผ่านช่วงที่ deep down ที่สุดมาได้ รู้สึกดีมากๆ ขอบคุณเพื่อนๆที่คอยรับฟัง คอยฮีลเรา เวลาที่เรา down แม้บางที่ สิ่งที่มันกระตุ้นจะบ้าบอมากๆ ก็ตามที ความรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใคร รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกมันแย่มากๆ บางวันก็รู้สึกเหมือนว่า โลกนี้ไม่มีใครเข้าใจเราเลย บางวันก็แอบรู้สึกแบบนั้น
ตอนเราอารมณ์ปกติ ก็คิดว่า คนที่เค้าคิดจะฆ่าตัวตายนี่ เค้าคิดอะไรกันอยู่นะ ชีวิตนึงเกิดมาสั้นจะตาย
ยังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งหลายอย่างเลย จะรีบตายไปไหน
แต่พอมาอยู่ในจุดที่ตัวเอง ลงดิ่งจริงๆ ตอนนั้นสมองมันตื้อไปหมดเลยหล่ะ แบบเอ๊ะ ทำไมกันนะ ทำไม ทำไมเราทำไม่ได้หล่ะ ทำไมเราไม่เคยทำได้ตามที่เค้าหวังเลย เรานี่มันตัวถ่วงชัดๆ นอกจากจะไม่ทำประโยชน์ให้แล้ว ยังสร้างภาระ ทำตัวน่ารำคาน ไร้ประโยชน์จริงๆ เราจะอยู่ไปทำไมกันนะ
เราไม่เคยทำได้ในสิ่งที่เค้าหวังอยากให้เราทำได้ หรืออยากให้เราเป็น แต่สิ่งที่เราทำได้ ก็เหมือนจะไม่มีใครมาคอยดีใจ หรือ คอยยินดีกับความสำเร็จของเราเลย อยู่ในจุดที่ เอ๊ะ เราทำสิ่งต่างๆไปเพื่อใครกันนะ เพื่อตัวเราเอง หรือเพื่อใครกันแน่ พอกลับมานั่งคิดดูดีๆแล้ว จริงๆ ผลประโยชน์มันก็ยังเป็นของเราอยู่ดีนั่นแหละ แต่ว่า ข้อความแสดงความยินดีเล็กๆน้อยๆ มันก็เป็นกำลังใจที่ดีเหมือนกันนะ
" กำลังใจจากครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ " ใครๆก็คงเคยได้ยินคำพูดนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่โชคดี ได้รับสิ่งๆนั้นเหมือนข้อความนั้น ด้วยความที่ครอบครัวเราไม่ค่อยให้กำลังใจกับแบบแสดงออกสักเท่าไหร่มั้ง เลยเหมือนไม่เคยรู้สึกว่าเคยได้อะไรแบบนี้เลย หรือจริงๆแล้วก็ไม่เคยได้กันแน่นะ เกิดมาไม่เคยทำอะไรให้พ่อกับแม่ภูมิใจได้เลยสักครั้งมั้ง เกิดมาก็แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ ผลาญเงินเค้า สร้างเรื่องปวดหัวให้มากมาย ทำให้เค้าเครียด แต่ก็จะมีคนคอยเฝ้าบอกตลอดว่า " ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกนะ อย่าคิดแบบนั้นเลย " เราก็พยายามจะไม่คิดแบบนั้นนะ แต่ทำไมมันยากจัง
การที่จะคุยกับพ่อแม่แต่ละที เป็นเรื่องที่เหนื่อยมากๆ อธิบายอะไรให้เข้าใจได้ยากมากๆ บางทีคุยเป็นชั่วโมง พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีที่สุด ไม่เครียด ไม่ใส่อารมณ์ cool down เต็มที่แล้ว ผลสรุปคือ ที่คุยไปเป็นชั่วโมงนั้นอ่ะ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เรื่องราวในอดีตของเราที่เรายังข้ามผ่านมันไม่ได้ มันยังคงหลอกหลอนเราอยู่ ภายนอกของเราที่เราดูเข็มแข็ง เป็นผู้ใหญ่ ต้องเป็นเด็กที่ดูเหมือนมีเหตุผลตลอดเวลา คนอื่นชอบมองมาว่า ไม่เห็นมีไรให้เครียดเลย ชีวิตดีทุกอย่าง เค้าดูเราจากอะไรนะ เค้ารู้จักเราจริงๆรึเปล่า แล้วการที่คนเราภายนอกเป็นแบบนั้น จริงๆแล้วเค้าร้องไห้ไม่ได้หรอ
เอาจริงๆ หลังจากที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคเครียด ก็เหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ แต่แอบสงสารร่างกายตัวเองอ่ะ อายุแค่ 17 เอง ทำไมเป็นโรคแบบนี้แล้วนะ เฮ้อ พยายามอย่าเครียดมากสิ ช่วงแรกที่รู้ก็โอเคนะ ปรับตัวได้ มันก็ดีขึ้น แต่พอเข้าใกล้ช่วงปลายปี เวลาที่เหลือน้อยลง กับความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อนๆในห้องเริ่มติดกันไปบ้างแล้ว ยื่น Port โควตา ต่าง ๆ นาๆ นั่นแหละ แพนิค บ้าบอมากๆ
เราไม่เข้าใจว่าทำไมคนรอบตัวถึงต้องคาดหวังกับตัวของเรามากขนาดนั้น ทั้งๆที่ตัวของเรายังไม่เชื่อเลยว่าเราสามารถ มันไม่ดีนะจริงๆแล้วที่คิดแบบนี้ เพราะ ถ้าแค่ตัวเรายังไม่เชื่อว่าเราทำได้ เราจะทำไมมันได้ได้ยังไง มันเกิดจากปมในใจในอดีต สอบที่ไหนก็ไม่ติดอ่ะ เป็นความกลัวอยู่ในใจ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าอ่านมาเยอะแค่ไหนแล้ว ลึกๆเราก็ยังรู้สึกว่า เรายังเตรียมตัวมาไม่ดีมากพออยู่ดี
เหลือเวลาเตรียมตัวสอบอีกไม่ถึง 1 เดือนแล้ว การสอบ GAT PAT แม่งเสือกตรงกับสอบ Final ที่โรงเรียนอีก ผีห่าซาตานมากๆ โรงเรียนก็ดี๊ดี ไม่เลื่อนไรให้เลยจ้า ตัดภาพไปที่โรงเรียนข้างๆ ปิดตั้งแต่ 31 มกราแล้วจ้า ปิดนำไปอีก เด็กได้อยู่กับตัวเอง ได้อ่านหนังสือทบทวน โรงงเรียนเรานี่ วีคนี้มีงานประจำปี งานวิชาการ บลาๆ อะไรๆก็ม .6 ม.6 ช่วยครูหน่อย โดยเฉพาะห้องเราอ่ะ อะไรก็ไม่รู้ เยอะสิ่ง เหนื่อยนาจา
แด่ ช่วง deep down ที่เข้ามาในชีวิตช่วงนี้บ่อยๆ มาไงอ่ะเรา มาบ่อยไปนะ น้ำตาหมดไปเยอะล่ะ อย่ามาบ่อยนักเลย เรากลัวใจตัวเองมากๆ ยิ่งช่วงไม่มีใคร มันยิ่งแย่ แย่แบบไม่เคยคิดว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ว่าาความคิดแบบนี้ไม่น่าเข้ามาในหัวนะ 5555 แต่มันก็มาหว่ะ จะมีใครคิดว่าตัวเองจะคิดฆ่าตัวตายว่ะ ไม่เคยอ่ะ แต่แม่งแวบเข้ามาในหัวบ่อยมากๆ เอาจริงศักยภาพตัวเองก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ คนที่ให้กำลังใจบอกมา แต่เอาจริง ไม่กล้าหวังหว่ะ รู้ว่ามันไม่ได้แย่ แต่มันก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้นอ่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in