Chapter 3
To. D
Your voice is my favorite sound.
From. K
“นั่นมัน…” คยองซูเบิกตากว้างและอ้าปากอย่างเหวอๆ ราวกับเห็นอะไรที่มันน่าตกใจยังไงยังงั้น
นี่มัน…
คนที่เลี้ยงกาแฟเขานี่!
“คยอง มึงรู้จักเพื่อนแบคฮยอนเหรอ”
“ก็…”
ชานยอลที่นั่งข้างๆ คยองซูหันมาถามเจ้าตัวที่กำลังเหลือกตากว้างด้วยความตกใจ ปกติเพื่อนตัวเตี้ยคนนี้มักจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ตกใจหรือประหลาดใจซะเท่าไหร่ นี่แสดงว่ามันต้องรู้จักเพื่อนแบคฮยอนมาก่อนหน้านี้แล้วแน่ๆ
“ที่กูบอกว่ามีอุบัติเหตุนิดหน่อย เพราะว่ากูเดินไปชนคนนี้จนแก้วกาแฟตกลงพื้นหกเลอะเทอะเต็มไปหมดเขาก็เลี้ยงกาแฟกูเป็นการขอโทษนี่แหละ”
“ไม่ใช่ว่ามึงต้องเป็นคนขอโทษเขาเหรอวะคยอง”
“ก็กูมัวแต่จ้องหน้าของเขานี่หว่า ชาน…มึงก็รู้ว่าสายตากูไม่ดี แถมกูยังลืมหยิบแว่นไปอีก”
“ละมึงก็จ้องเขาด้วยตาเหลือกๆ ของมึงเนี่ยนะ ป่านนี้เขากลัวมึงจนไม่อยากจะทำงานด้วยละมั้ง”
“ชานเพื่อนรัก อยากกินขนมตุ้บตั้บสักชิ้นสองชิ้นไหม หื้ม?”
“ไม่ละ…ขอบใจ กูอิ่มแล้ว”
สองเพื่อนซี้กระซิบกระซาบใส่กันไปมาจนไม่สนใจผู้ที่มาใหม่อย่างคิมจงอิน แบคฮยอนได้แต่ทำหน้าอย่างหน่ายใจและส่งสายตาขอโทษไปยังเพื่อนสนิทร่วมสาขาของเขาแทนคนทั้งคู่ที่กำลังจะเสียมารยาทฐานที่ไม่ทักทายผู้มาใหม่ ก่อนที่จะส่งเสียงกระแอมผ่านลำคอเพื่อเป็นการเตือนให้สองคนนี้หันกลับมาสนใจจงอินได้แล้ว
“อ่า…โทษทีนะแบค ไอ้ชานมันชวนพี่คุยน่ะ”
“อ้าว…ปาขี้ใส่กูเฉย”
“ไอ้ชาน!”
และแล้ว…คยองซูก็แจกขนมตุ้บตั้บให้ชานยอลกินจนได้
“เฮ้อ…ตีกันตลอดเวลาแบบนี้แล้วProject ของพวกพี่จะเสร็จไหมวะ”
แบคฮยอนทำสีหน้าเอือมระอาและพรูลมหายใจออกมา เพราะสองคนนี้มักจะตีกันตลอดเวลาเสมอ เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็หาเรื่องแกล้งกันตลอด ซึ่งส่วนมากจะเป็นฝ่ายชานยอลแฟนของเขาที่มักจะหาเรื่องให้ตัวเองถูกพี่คยองซูทุบตีเป็นประจำซะมากกว่า
“ย่าห์! พี่ชาน!”
“จะ..จ๋า ฮยอนนี่”
“เลิกแกล้งพี่คยองซูซะที ให้จงอินยืนรอแนะนำตัวนานแล้วนะ”
“ฮ่าๆ สมน้ำหน้า โดนแฟนดุทีนี่จ๋อยเป็นหมาหูตกเลยนะมึง”
คยองซูปล่อยอารมณ์ขำขันด้วยการหัวเราะเสียงดัง การที่ได้เห็นชานยอลกลายสภาพจากคนเป็นหมาจ๋อยๆ ตัวนึงเพราะโดนแบคฮยอนเอ็ดเข้าให้เป็นสิ่งที่เขาชอบและรู้สึกตลกทุกทีที่ได้เห็นภาพแบบนี้
แต่การหัวเราะของคยองซูนั้น...ดันไปส่งผลกระทบต่อหัวใจของอีกคนหนึ่งเข้าให้แล้ว
ริมฝีปากรูปหัวใจดวงน้อยสีชมพูค่อยๆ ขยายกว้างขึ้นกลายเป็นหัวใจดวงโต
ดวงตาโตๆ นัยน์ตาสีดำสนิทค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นขีดเกือบครึ่งวงกลมตามความกว้างของรอยยิ้มรูปหัวใจ
ราวกับว่ามีประกายแห่งความสุขและความสดใสแผ่ออกมาจากคนตัวเล็กท่ามกลางสภาพอบอุ่นกึ่งร้อนที่ชวนให้น่าหงุดหงิด
นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกกันว่า First Impression ความประทับใจเมื่อแรกเห็น
แต่สำหรับผมคงต้องเรียกว่า Second Time Impression เพราะว่าเจอกันครั้งแรกมันค่อนข้างที่จะ… อืม ก็โดนจ้องเขม็งด้วยตาดุๆ แบบนั้นหน่ะ
พี่คยองซูจะรู้ตัวบ้างไหมว่าแค่พี่ยิ้ม… แค่ยิ้มรูปหัวใจของพี่ก็ทำให้ใจของผมละลายได้
เพื่อนพี่คยองซูกับแบคฮยอนทนเห็นรอยยิ้มแบบนี้ได้ยังไงกันนะ ผมแค่เห็นผมก็แทบทรุดทรงตัวยืนไม่ไหวแล้ว
ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นภายใต้กล้ามหน้าอกข้างซ้ายกำลังเต้นระรัวๆ จนเลือดสูบฉีดขึ้นไปหล่อเลี้ยงที่ใบหน้า
เฮ้อ…ผมต้องทำยังไงที่จะได้เห็นรอยยิ้มรูปหัวใจดวงนี้ได้ในทุกๆ วัน
“ไค ไค ไคเว้ย!”
“หะ! หืม?”
หลังจากแบคฮยอนจัดการเจ้าแฟนตัวป่วนอย่างปาร์คชานยอลให้สงบปากลงได้แล้วจึงหันมาสนใจเพื่อนสนิทที่จะมาช่วยโปรเจ็คของพี่คยองซูแทน แต่ก็พบว่าจงอินนั้นมองไปที่พี่คยองซูแบบตาแทบจะไม่กระพริบ แถมแก้มสีแทนสว่างของมันก็ขึ้นสีแดงเรื่อๆ อีก หรือว่า...
ไม่น่า...คงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอก ของแบบนี้มันต้องดูๆ ไปก่อน
"มึงไม่สบายรึเปล่า กูเห็นว่าหน้ามึงแดงก็เลยทัก"
"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร แค่อากาศวันนี้มันร้อนกว่าปกติ"
"เหรอ...งั้นมึงก็แนะนำตัวเลย มึงจะได้นั่งซะที"
“อ่า”
ไม่ๆ เราต้อง keep look เป็นหนุ่มมาดเท่ จะแอ๊บหลุดเป็นคุณหมีขี้อายต่อหน้าพี่เขาไม่ได้ ไม่ได้ๆๆ
จงอินพยายามเรียกสติที่หลุดลอยไปกับรอยยิ้มกว้างของพี่คยองซูให้กลับคืนมาเร็วๆ หลังจากนั้นก็ใช้มือข้างที่ถนัดเสยผมหน้าม้าที่ปรกอยู่บริเวณหน้าผากขึ้น
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ ผม คิมจงอิน เรียนอยู่ปี2 เอกการแสดง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ” พร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยหลังจากที่พูดจบประโยค
“พี่ชื่อปาร์คชานยอล อยู่ปี3 เอกกำกับภาพยนตร์”
“พี่ชื่อโดคยองซู ปี3 อยู่เอกเดียวกันกับชานยอล”
“ส่วนแบคไม่แนะนำตัวนะ เพราะทุกคนในที่นี้ก็รู้จักดีอยู่แล้ว ฮ่าๆ” แบคฮยอนพูดติดตลกเพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความเป็นกันเองมากขึ้น ถึงจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันแต่ก็มีอายุห่างกันแค่ปีเดียวเท่านั้น
เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อย จงอินจึงนั่งลงข้างๆ แบคฮยอนซึ่งตรงข้ามกับคยองซูพอดี และการพูดคุยงาน Project Music Video อย่างไม่เป็นทางการจึงเริ่มต้นขึ้นโดยรุ่นพี่ตัวเล็กเป็นคนอธิบายลักษณะงานแบบคร่าวๆ
“คือสคริปต์เพิ่งจะเขียนเสร็จก่อนที่น้องจงอินจะมา…”
“เรียกผมว่า ไค เฉยๆ ก็ได้ครับ”
“อ่า…ไค”
"ครับ พี่คยองซู :)"
ในระหว่างที่คยองซูและชานยอลกำลังอธิบายถึงลักษณะการดำเนินงานของโปรเจ็คนี้ให้จงอินฟัง
แบคฮยอนก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องชื่อเล่นของจงอินด้วย
พูดถึงเรื่องความสนิทในฐานะที่เป็นเพื่อนกับมันมาตั้งแต่ไฮสคูล เรียกได้ว่าสนิทถึงขนาดที่ว่ารู้ไส้รู้พุงกันหมด ซึ่งปกติเจ้าเพื่อนคนนี้ถ้ายังไม่ได้รู้สึกสนิทกับใครมันก็จะแทนตัวเองว่า "จงอิน" แต่เมื่อสนิทมากๆมันก็จะแทนตัวเองว่า "ไค" ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่มันตั้งขึ้นมาเอง
หรือว่า...
ไม่อยากจะบอกหรอกนะว่า…
ถึงจะไม่มั่นใจ 100% แต่เซ้นส์มันบอกว่า ไคน่าจะชอบพี่คยองซูเข้าให้แล้ว
"โปรเจ็คที่อาจารย์ให้โจทย์มาทำ แกบอกว่าให้เอาฉากในซีรี่ย์เรื่องอะไรก็ได้ 2 ซีน (scene) บวกให้เข้ากับเนื้อเรื่องของ music video ที่เขียนขึ้นมาเองให้ได้ ซึ่งพวกพี่เลือกซีนสำคัญ 2 ซีนใน the heirs มาทำ" ชานยอลเริ่มเกริ่นอธิบายเป็นคนแรก
"2ซีนนี้ก็คือ ซีนแรกคือซีนที่ชาอึนซังกับชเวยองโดบังเอิญเจอกันที่มินิมาร์ท หลังจากนั้นสองคนนี้ก็เดินด้วยกันระหว่างไปโรงเรียน ในขณะที่กำลังจะข้ามถนน รถที่คิมทันนั่งก็บังเอิญขับผ่านมาเจอพอดี คิมทันจึงลงจากรถเพื่อที่จะไปหาชาอึนซัง จนเกิดศึกชิงนางขึ้นมา…คนที่จะมารับบทเป็นคิมทันก็คือไคนะ” คยองซูอธิบายเสริมในซีนแรก
“ครับผม แล้วใครเป็นชเวยองโดล่ะครับ”
“คยองซูไง” ชานยอลชี้นิ้วไปทางเพื่อนรัก
“กู?”
“เออ มึงนั่นแหละ”
“มึงนี่คิดแปลกๆ ให้กูรับบทนี้ ไม่ได้ดูขนาดความสูงกูเลยนะ ไอ้ห่า”
“ความสูงมันไม่จำเป็นไงคยอง มันสำคัญที่อินเนอร์ทางการแสดงเว้ย”
“มึงเชื่อในฝีมือการแสดงกูขนาดนั้นเลย?”
“ใช่ กูเชื่อในฝีมือของมึง จำไม่ได้เหรอ หนังสั้นของรุ่นพี่ซูโฮที่ได้รับรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์น่ะ”
“เพราะบทต่างหาก”
“ไม่ๆ พี่ซูโฮบอกว่าเพราะฝีมือการแสดงของมึงนั่นแหละ”
“โห…พี่คยองซูเคยเล่นหนังสั้นด้วยเหรอครับเนี่ย ผมอยากดูเรื่องนี้ซะแล้ว” ไคพูดแทรกขึ้นมาเพราะเขารู้สึกแปลกใจที่คนที่ชอบทำหน้านิ่งๆ อย่างพี่คยองซูจะเคยผ่านการแสดงอย่างการเล่นหนังสั้นมาก่อน
“เออ…เดี๋ยวไปขอแผ่นหนังที่เซฟไฟล์หนังสั้นเอาไว้มาให้ละกัน แผ่นอยู่ที่ห้องตัดต่อน่ะ” ชานยอลหันหน้าไปตอบไค
“เหอะ อวยเข้าไป กูไม่ลอยหรอก”
“ดูจากน้ำหนักตัวมึงแล้ว มึงไม่น่าลอยขึ้นหรอก ฮ่าๆ”
“หึๆ”
ทั้งไคและแบคฮยอนได้แต่มองตาปริบๆ สลับกันไปมาระหว่างชานยอลและคยองซู แต่ก็ต้องมีอาการหลุดขำอย่างหยุดไม่ได้เมื่อ…
“อ้ากกกกก เจ็บนะเว้ย!” จู่ๆ ปาร์คชานยอลก็กรีดร้องโอดโอยโหยหวนเพราะถูกคยองซูดึงใบหูด้วยมือเล็กๆ แต่มีเรี่ยวแรงมหาศาลจนทำให้คนที่ถูกดึงหูรู้สึกเจ็บได้ ส่วนไคและแบคฮยอนนั้นไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจเลย แต่กลับหัวเราะเสียงดังมากกว่าเดิม
“ปล่อยให้มันร้องไป พวกเรามาคุยงานกันต่อดีกว่า” คยองซูหันหน้ากลับมาพูดกับคนที่นั่งตรงข้ามเขาซึ่งก็คือไค
“คิก…คะ..ครับๆ” ไคพยายามให้ตัวเองหยุดขำเพื่อจะได้คุยงานต่อ ส่วนเรื่อง keep look เป็นหนุ่มมาดเท่ให้พี่คยองซูเห็นนั้น…ช่างมันเถอะ
“ซีนที่2 ก็คือซีนที่…”
“พี่คยองซูครับ”
“หืม?”
“แล้วคนที่จะมารับบทเป็นชาอึนซังล่ะครับ”
“เอ่อ…พี่ยังไม่ได้ติดต่อใครในคณะเราไว้เลย เพราะสคริปต์เพิ่งเขียนเสร็จสดๆ ร้อนๆ ขอโทษทีนะ”
“ไม่เป็นไรเลยครับ ส่วนเรื่องหาคนมารับบทชาอึนซัง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ”
“หะ? แต่นี่มันไม่ใช่หน้าที่ที่ไคจะต้องมาทำนะ มันเป็นหน้าที่ของพี่กับชานยอล…พี่เกรงใจ”
“ให้ผมช่วยเถอะครับ ผมอยากมีส่วนร่วมด้วย” ไคพูดและแสดงท่าทีอย่างจริงใจว่าอยากช่วยจริงๆ
อะไรที่มันเกี่ยวข้องกับพี่ ผมอยากช่วยและอยากมีส่วนร่วมทั้งนั้นแหละครับ ใจจริงๆอยากจะพูดตะโกนแบบนี้ออกไป แต่ถ้าพูดแบบนี้ออกไป..แล้วถ้าผลลัพธ์มันออกมาไม่ดีล่ะ
“เฮ้อ…ก็ได้ๆ แค่ช่วยติดต่อนะ”
“ครับ :)”
ความจริงแล้วผมอยากช่วยพี่มากกว่านี้แต่…แค่นี้ก็ดีพอแล้วล่ะครับ
“พูดถึงซีนที่2 ต่อนะ ซีนนี้ก็คือซีนที่ชเวยองโดเข้าไปป่วนในห้องกระจายเสียงเพื่อล่อให้ชาอึนซังเข้ามาติดกับ และเพื่อตั้งใจจะให้คิมทันรู้สึกขายหน้าเรื่องที่คิมทันเป็นลูกเมียน้อย แต่สุดท้ายยองโดก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้เพราะอึนซังเข้ามาหยุดและปิดการออนแอร์เสียงได้ทัน อึนซังต่อว่าและลากยองโดให้ออกจากห้อง แต่ก็พลาดท่าถูกยองโดจับตัวอึนซังไว้แน่น จังหวะนั้นคิมทันที่เดินมาถึงหน้าห้องกระจายเสียงก็เห็นภาพนั้นพอดี คิมทันโมโหจึงถีบประตูห้องที่ยองโดกดล็อกจากข้างในหลายครั้งด้วยความรุนแรง…อ่า 2 ซีนสำคัญก็มีแค่นี้แหละนะ ส่วนสคริปต์ในส่วนอื่นพี่ขอกลับไปตรวจความเรียบร้อยก่อน แล้วจะนัดมาคุยอีกทีนึงนะ” คยองซูอธิบายซีนสำคัญนี้อย่างตั้งใจให้ไคฟังภายในรอบเดียว
ทั้งจังหวะการพูด น้ำเสียงทุ้มน่าฟัง ท่าทางที่เอาจริงเอาจังของพี่คยองซู อ่า…ดูดีกว่าหน้าดุๆ เป็นไหนๆ
“คือ…ผมขอไอดีไลน์พี่คยองซูได้ไหมครับ?”
“เอ่อ…ได้สิ”
คยองซูไม่ทันได้คิดอะไรมาก เขาแค่คิดว่าที่รุ่นน้องอย่างไคมาขอไลน์เขาเพราะแค่อยากมีช่องทางไว้ติดต่อเรื่องงานได้สะดวก คงไม่ทันได้คิดหรอกว่ากำลังถูกหนุ่มอายุน้อยกว่าขายขนมจีบ
ได้ไลน์มาก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยละนะ
ไครู้สึกขอบคุณโชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาตัดสินใจช่วยพี่คยองซูหาคนมารับบทเป็นชาอึนซัง อย่างน้อยก็มีข้ออ้างหาเรื่องคุยในไลน์ได้แล้ว
หลังจากที่คยองซูและไคได้แลกไอดีไลน์และแอดเป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว แบคฮยอนที่นั่งมองพวกเขาคุยกันอย่างเงียบๆ ได้สักพักจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา
"พี่คยองซูกับไคคุยงานเสร็จแล้วสนใจไปดูหนังกับฮยอนกับพี่ชานไหม?"
"ไม่อ่ะ/ไม่" คยองซูและไคพูดตอบคำถามแบคฮยอนพร้อมกัน
“เห๊ยยย…ตอบพร้อมกันด้วย”
ชานยอลทำหน้าและหลิ่วตาล้อเลียนจังหวะที่ทั้งคู่บังเอิญพูดพร้อมกัน เจ้าตัวหันไปหัวเราะคิกคักกับแฟนตัวเล็ก คยองซูมองชานยอลอย่างไม่เข้าใจว่ามันจะหัวเราะคิกคักทำไม กะอีแค่พูดพร้อมกัน
ส่วนแบคฮยอนไม่อยากจะพูดแซวอะไรมาก เพราะเขารู้ดีว่าเวลาไคมันเขินน่ะ…ดูออกง่ายจะตายไป
“ถ้างั้นฮยอนกับพี่ชานไปก่อนนะ เดินทางกลับบ้านดีๆ นะครับพี่คยองซู ไคมึงก็ด้วย”
“เออไม่ต้องห่วงกูหรอก เชิญไปเดตกับพี่ชานยอลเถอะ”
“แค่ดูหนังเว้ย ไม่ได้เดต”
“มันก็คือการออกเดตละน่า ใช่ไหมครับพี่ชานยอล”
“ไอ้ไคมันพูดถูกนี่…ฮยอนน่า เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันรอบหนังเอา”
หลังจากพูดจบเจ้าตัวก็หยิบคว้าเอากระเป๋าสะพายของแฟนตัวเล็กมาสะพายที่ไหล่ข้างที่ยังว่าง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปจับมือนุ่มนิ่มและฉุดดึงให้ร่างบางลุกขึ้น ส่วนแบคฮยอนได้แต่หันหน้าและโบกมือลาพี่คยองซูและไคที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้สีมะฮอกกานี หลังจากนั้นจึงหันหน้ากลับไปและก้าวเดินออกไปกับชานยอล
“พี่คยองซูล่ะครับ จะกลับเลยรึเปล่า?”
“อืม…พี่ก็ว่าจะกลับเหมือนกันนะ เพราะเรื่องงานก็ไม่มีอะไรแล้ว”
“แล้วพี่กลับยังไงเหรอ?”
“รถบัสน่ะ”
“งั้นผมขอไปส่งพี่ที่ป้ายรถบัสได้ไหมครับ”
.
.
.
Talk Talk
อัพฟิคต้อนรับเปิดเทอมวันแรกของปี4 ปีสุดท้ายแล้วสินะ เรารู้สึกว่าเวลามันก็เดินผ่านไปไวเหมือนกัน นี่เรายังจำช่วงเวลารับน้องได้อยู่เลยนะ ตอนนั้นสนุกมากๆเลยแหละถึงจะเข้าไปรับน้องแค่วันเดียวก็ตามเถอะ (แอบโดดเพราะไปทำธุระกับที่บ้าน)
เวิ่นเว้อมาเยอะมาแล้วยังไงก็ขอให้คนอ่านมีความสุขกับเปิดเทอมกันมากๆ เลยนะถึงแม้ว่าเปิดเทอมวันแรกเราจะได้ชีทมาให้อ่านแล้วอาจารย์บอกว่าจะควิซก็ตาม ฮ่าๆ
ไม่ได้อ่านฟิคไคซูมานานแค่ไหนแล้ว
พอบังเอิญเห็นในนี้เลยกดเข้ามาอ่านแทบไม่ทัน เรือของนุ้ง;-;
เป็นฟิคที่ดีกับใจจังเลยค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ น่ารักมากๆ
เป็นการต้อนรับเปิดเทอมที่ดีเหลือเกิน
ยังไงก็สู้ๆนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไป
แล้วก็สู้ๆกับการเปิดเทอมด้วยนะคะไรท์ :D
ตอนแรกๆลังเลว่าจะแต่งฟิคไคซูดีมั้ย แต่เพราะความขี้ชิปของเราอ่ะนะ5555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ดีๆนะ มีกำลังใจในการแต่งฟิคเพิ่มขึ้นเยอะเลยยยย :)