สวัสดีทุกคน หลังจากChapter 1 เราได้บอกเกี่ยวกับการเตรียมตัวและประสบการณ์ที่เจอในแอฟริกาใต้ส่วนนึงไปแล้วเราคิดว่าน่าจะมีคนอยากรู้ว่า ทำไมเราถึงเลือกไปที่แอฟริกาใต้ และไปได้ยังไง Chapterนี้ เราเลยจะมาบอกเกี่ยวกับงานที่เราทำในช่วงฝึกงาน 4เดือนว่า เราทำงานที่ไหน ทำงานอะไรแล้วทำยังไงถึงได้ไป
ก่อนอื่นคือย้อนไปตอนที่รุ่นเรากำลังหาที่ฝึกงานตอนนั้นเราได้ที่ฝึกงานที่อเมริกาและสุดท้ายก็มีเหตุผลบางอย่างทำให้ไม่ได้ไปเลยต้องหาที่ฝึกใหม่แบบกะทันหันเพราะตอนนั้นใกล้วันที่ต้องออกไปฝึกงานจริงแล้วและเรียกได้ว่าเป็นโชคดีของเราก็ได้ ที่เราได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้าภาคสหกิตคอยช่วยแนะนำที่ฝึกงานให้เราตอนนั้นที่ลองสมัครเพิ่มไปมีที่ประเทศเยอรมัน และอีกที่ที่หัวหน้าภาคแนะนำมาคือประเทศแอฟริกาใต้ ตอนนั้นเรามีความรู้สึกสนใจที่แอฟริกาใต้ขึ้นมาทันทีเลยตอบว่าตกลง อยากลองไปแอฟริกาใต้ดู เพราะเรารู้สึกว่าเป็นประเทศที่คนไทยยังไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องการใช้ชีวิตการท่องเที่ยว และยังหารีวิวเกี่ยวกับประเทศนี้ได้น้อย เราก็เลยอยากลองไปดูว่าประเทศแอฟริกาใต้จริงๆแล้วเป็นยังไงมีอะไรมากกว่าซาฟารีที่คนทั่วไปจะนึกถึงเวลาที่พูดถึงชื่อประเทศนี้รึป่าว
และสถานที่ฝึกงานของเราก็คือ DUT(Durban university of Technology) in the department of Co-operative Education ก็คือสำนักงานสหกิตในมหาวิทยาลัยนั่นเอง ที่ช่วยหาที่ฝึกงานให้กับนักศึกษาในมหาลัยและยังเปิดรับนักศึกษาต่างชาติให้มาฝึกงานที่Durban, South Africa อีกด้วยจริงๆแล้วนักศึกษาต่างชาติแบบเราสถานที่ฝึกงานจะเปลี่ยนไปตามคณะที่เราเรียนด้วยนะอย่างเพื่อนที่มาก่อนหน้าเราจากมหาลัยเกษตรเรียนคณะวิศวะ ก็จะได้ไปฝึกงานที่โรงงานที่เกี่ยวกับเครื่องจักรและการผลิต หรือเพื่อนเราอีกคนจากมหาลัยสงขลาเรียนคณะวิทย์ด้านเคมี ก็ได้ไปทำงานที่ห้องแลปคือทางนู้นเค้าก็จะดูว่าเราเรียนคณะอะไรแล้วหาที่ฝึกงานให้เหมาะกับคณะที่เราเรียนแต่ของเราเรียนคณะศิลป์ศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เราก็จะทำงานได้หลากหลายหน่อยซึ่งงานประจำหลักของเราก็จะทำอยู่ในoffice ของ Co-operative Eduนั่นแหละ นอกจากเรื่องประสานงานกับบริษัทต่างๆสำหรับที่ฝึกงานของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย แผนกCo-opนี้ก็ยังมีการจัดเตรียมการประชุมสำหรับอาจารย์ และตัวแทนจากบริษัทต่างๆเพื่อมาพูดคุยกันเกี่ยวกับความต้องการ และการพัฒนาด้านการฝึกงานของนักศึกษาอีกด้วยและยังมีจัดEvents ทั้งในและนอกมหาลัยด้วย ซึ่งการทำงานในCo-op มีรายละเอียดมากกว่าที่เราคิดไว้มากทั้งเรื่องของการส่งอีเมลล์เชิญเข้าร่วมการประชุมไปที่บริษัทต่างๆเช็คอีเมลล์การตอบรับเข้าร่วมหรือไม่และตอบคำถามอื่นๆที่ทางผู้เข้าร่วมประชุมอาจจะถาม ติดต่อร้านอาหารและขอใบเสนอราคาติดต่อสถานที่หากต้องใช้โรงแรมหรือสถานที่อื่นในการจัดประชุมการเตรียมพร้อมเรื่องการจัดแฟ้มสำหรับใส่กระดาษและปากกาจดบันทึก รวมถึงข้อมูลในการประชุมและตารางการประชุมหากวันนั้นมีประชุมทั้งวันตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ที่ใช้ในการประชุมก่อนเริ่มประชุมจริง ซึ่งใน 1อาทิต อาจจะมีมากกว่า 1-2การจัดประชุมเราต้องจัดเวลาในการทำงานแต่ละอย่างให้ดี เพื่อให้งานออกมาดี ราบลื่นและมีความผิดพลาดน้อยที่สุดการที่เราได้ทำงานกับDUT Co-operative Edu ทำให้เราเข้าใจการทำงานเป็นทีมมากขึ้นการจัดสรรเวลา และการจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมาก Co-op team ทำให้เราได้ประโยชน์จากการทำงานตรงนี้อย่างมากในการนำกลับมาใช้ในการทำงานจริงหลังจากที่เรากลับมาที่ไทยแล้ว
นอกเหนือจากงานหลัก เรายังได้รับมอบหมายจาก Head of the department ในการไปทำpresentationเกี่ยวกับประเทศไทยให้นักเรียนในcollage ได้ฟังอีกด้วยตอนนั้นเราตื่นเต้นมากกก เพราะเราไม่แน่ใจว่าจะตื่นเต้นจนพูดผิดๆถูกๆมั้ยแล้วไปพูดให้นักเรียนที่เราไม่เคยเจอฟังด้วย เค้าจะฟังเรารึป่าว แต่หลังจากที่เราได้ไปพรีเซ้นแล้วเรารู้สึกดีใจและภูมิใจมาก นักเรียนทุกคนทุกชั้นเรียนให้การตอนรับและตั้งใจฟังสิ่งที่เราพรีเซ้นดีมากกกกพูดมาถึงตรงนี้แล้วยังนึกถึงความประทับใจได้ไม่ลืมหลังจากพรีเซ้นเสร็จทุกครั้งเราจะให้ทุกคนเริ่มถามคำถามได้ตอนนี้เป็นอะไรที่เราชอบที่สุด เพราะทุกคนจะแย่งกันถาม แต่ละคำถามคือน่ารักมากและเป็นคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับประเทศเราจริงๆทำให้เรารู้เลยว่าเค้าตั้งใจฟังในสิ่งที่เราพรีเซ้นมากๆหลังจากนั้นเรายังได้มีโอกาสไปทำงานที่ Coastland Hotelซึ่งเป็นโรงแรมมีชื่อระดับ3-4ดาวที่นั่น สาขาที่เราไปจะอยู่ตรงMusgrave เข้าไปอาทิตแรกเราได้ไปประจำreception ในส่วนhotel ต้องบอกก่อนเลยว่าเมื่อเพื่อนร่วมงานดี เราก็มีแรงใจในการเรียนรู้และทำงานมากขึ้นคือเพื่อนร่วมงานเราทุกคนnice และ friendlyมาก คอยช่วยสอนงาน บอกงานเราดีมาก แถมด้วยสอนภาษาZulu ซึ่งเป็นภาษาถิ่น แลกกับการที่เราสอนภาษาไทยไปอีกด้วยคือเป็นการทำงานที่แฮปปี้มาก อยากไปทำงานทุกวัน แม้ต้องตื่นเช้า555555 งานที่reception คร่าวๆก็ต้อนรับแขกที่มารับ เช็คอินเช็คเอ้า ดูว่าลูกค้าจ่ายเงินยังไง บางคนจองมาในเว็ป บางคนwalk inเข้ามา และที่จองมามีรวมอาหารแล้วรึยัง จากนั้นก็ให้คีย์การ์ดหน้าแจ้งรายละเอียดเวลาทานอาหารเข้า และเวลาเช็คเอ้า บางทีก็จะมีแขกโทรเข้ามาที่reception ว่าไดร์เป่าผมเสีย หรือต้องการอแดปเตอร์เราก็ต้องโทรแจ้งแม่บ้านให้เอาขึ้นไปให้
อาทิตที่สองของการทำงานใน Coastland Hotel เราได้ย้ายไปทำที่ front desk ในส่วนrestaurantเพื่อนร่วมงานส่วนนี้ตื่นเต้นที่เจอเรามากกว่าเราตื่นเต้นที่จะรู้จักเพื่อนร่วมงานใหม่ซะอีก5555ทุกคนตั้งใจสอนงานเรามาก แต่งานในส่วนนี้รายละเอียดจะยังไม่เยอะเท่าส่วน นำHotel’sreception งานคร่าวๆตรงจุดนี้ คือมายืนคอยต้อนรับแขกที่ลงมาทานอาหารเช้าเช็คห้องว่าจองไว้พร้อมอาหารเช้านะและขอลายเซ็นลูกค้าหากลูกค้าท่านไหนไม่ได้จองมาพร้อมอาหารเช้า ก็ต้องเก็นเงินหน้างานและพาไปนั่งที่โต๊ะ ทำแบบนี้วนไปจนหมดรอบเช้า เตรียมรอบบ่าย และรอบเย็นส่วนมากรอบบ่ายลูกค้าจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ จะเยอะช่วงเช้าและเย็นมากกว่า ทำงาน2ที่Coastland จบแล้วแต่ความรู้สึกชอบที่นี่ยังไม่จบเลยคิดถึงและชอบการทำงานที่นี่มากกก
หลังจากนั้นเราก็กลับมาทำงานประจำที่ DUT Co-op แบบยาวๆ จนจบ4เดือนของการฝึกงานเลยปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานที่ DUT Co-op ให้อะไรเรามากกว่าการทำงานให้ทั้งเพื่อนร่วมงานที่ดีมากกก พาเราไปซื้อของกินที่เราชอบทุกวัน คอยช่วยเหลือแนะนำการทำงานต่างๆ พาเราไปยืมหนังสือ สอนภาษาZuluให้เป็นเพื่อนออกไปเที่ยวด้วย คอยเป็นห่วงและถามเราตลอดว่าเราโอเคมั้ยแต่เราบอกจากใจเลยว่า เราโอเคมาก สิ่งแวดล้อมในการทำงานและเพื่อนร่วมงานทุกคนมีส่วนช่วยเราอย่างมากAll of you make me feel like home even I’m far from home. และเราได้รับประสบการณ์การทำงานที่โคตรดีได้ความรู้ใหม่ๆมาเยอะมาก ถ้าจะพูดเลยคือการทำงานที่ DUT Co-operative Education ยืน 1ในใจ Cant deny that DUT Co-operative education is the biggest part of my successful และประโยคที่ยังtouch ใจเรามาจนถึงทุกวันนี้คือ You’re not look like Asian anymore, You look like one of us.คือตั้งแต่ที่เราไปอยู่ที่นู้นเราบอกเลยว่า เราไม่เคยโดนเหยียดว่าเป็นคนAsia เลย แม้แต่ครั้งเดียว แล้วเราโคตรภูมิใจเลยว่าเราทำให้เค้ายอมรับเราแล้วพูดประโยคนี้กับเราอ่ะ
แล้วหลังจากที่เราฝึกงานเสร็จเราได้กลับมาทำงานที่ The Shot Bangkok และได้รับการpromote เป็นmanager เพราะเจ้าของร้านเห็นpotential นอกจากภาษาอังกฤษที่พัฒนามากๆแล้ว ยังมีความรับผิดชอบในงานที่มากขึ้นของเราคือเป็นอะไรที่proudly to myself มากๆอยากจะยกความดีทั้งหมดให้ DUT Co-operative Education เลยที่train me so well. และขอบคุณตัวเองด้วยที่เลือกไปแอฟริกาใต้ในวันนั้นเพราะสิ่งที่ได้กลับมาเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in