เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Thaiฤทธิ์อ่าน-คิด-เขียน
รักแท้หรือแค่พลาสติก (FIC แก้วหน้าม้า)

  • (ตามไปติดตาม creative content ได้ที่ เพจ "อ่าน-คิด-เขียน"  https://www.facebook.com/arts.readthinkwrite/ นะคะ)


    “อัปลักษณ์”

    “น่ารังเกียจ”

    “ขยะแขยง”

                เป็นคำที่ "แก้วมณี" ฟังจนชินชาและเลิกเจ็บปวดไปนานแล้ว เพราะต่อให้พูดอะไรไป เธอก็ยังคงเป็นตัวอัปลักษณ์ในสายตาของคนอื่นอยู่ดี ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ประหลาดเหมือนกับม้าดวงตาลึกโหล ตัวสูงผอมแห้งซูบเซียว ทำให้เธอถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่คนมาตั้งแต่เด็กต้องปลีกตัวออกจากสังคมและใช้ชีวิตเพียงลำพัง

                            ชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้จักคำว่าเพื่อน เลยซักครั้ง และมันคงจะไม่มีวันนั้น

                ความรักหนึ่งเดียวที่เธอรู้จักคือ ความรักที่พ่อแม่ของเธอมอบให้อย่างไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าเธอจะหน้าตาเป็นอย่างไร แต่พวกท่านก็ไม่อาจอยู่กับเธอได้ตลอดไป...

                ในบ้านหลังเล็กๆ ที่พ่อแม่ให้ไว้ก่อนจะจากไปแก้วมณีใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง มีเพียงความเหงาและเสียงเพลงคลาสสิกจากวิทยุเครื่องเก่าเป็นเพื่อนปลอบใจ

    ความฝันเล็กๆของผู้หญิงที่โลกไม่ต้องการอย่างเธอ

    ขอแค่ใครซักคน... เพียงซักคนที่รักเธอได้อย่างที่เธอเป็น...

    ใครซักคนที่มองเธอจากข้างใน...รักเธอที่หัวใจ...

    และทำลายความเงียบเหงาที่กัดกินเธอมานานแสนนานนี่เสียที...

     

     

                “แต่งงาน?”

                “ใช่จ้ะแต่งงาน”

                คำพูดของคนตรงหน้าราวกับฟ้าตอบรับคำอธิษฐานและปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาจากความฝัน

    ความจริงที่คงเป็นความฝัน…

    แต่งงานคนอย่างฉันน่ะเหรอจะได้แต่งงาน?

                “ขอโทษที่น้ามารับหนูช้าไปนะจ๊ะ น้าตามหาตัวเรามาตลอดตั้งแต่ เกศ กับ รัตน์เสียไป แต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร ไม่คิดว่าหนูแก้วจะมาอยู่ที่นี่ ในที่สุดน้าก็จะได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเกศซักที”

                ผู้หญิงตรงหน้าตรงเข้าสวมกอดแก้วมณีอย่างแรง อ้อมแขนเล็กกระชับตัวเธอแน่น  กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมราคาแพงลอยมาแตะจมูก ใบหน้าสวยหวานที่แม้จะมีร่องรอยตามวัยแต่ก็ยังคงงดงาม เธอแย้มยิ้มส่งความเอ็นดูมาให้แก้วมณี

                รอยยิ้มที่เธอไม่ได้รับมานานแล้วตั้งแต่แม่จากไป…

                แววตาอ่อนโยนที่มองสบกันทับซ้อนกับใบหน้าของผู้ให้กำเนิดจนแก้วมณีอดที่จะกอดตอบสตรีคนนี้ไม่ได้แม้ว่าจะเพิ่งได้เจอกันก็ตาม

                “เอ่อคุณน้า...เป็นเพื่อนสนิทของแม่จริงๆ เหรอคะ”

                “ใช่จ้ะเรียกน้าว่า น้ามณ ก็ได้นะ อ๊ะ ต้องเรียกแม่มณสิถึงจะถูก” เสียงหวานพูดกลั้วหัวเราะจนทำให้แก้วมณีฉุกคิดเรื่องเมื่อกี้ได้อีกครั้ง

                “เอ่อคุณน้า...มณ ที่คุณน้าพูดเมื่อกี้เรื่อง ต..แต่งงานน่ะค่ะ ใครจะแต่งคะ?”

                “อ้าวเด็กคนนี้ จะใครล่ะจ๊ะ ก็หนูแก้วกับลูกชายของน้าสิ”

                “น..หนูเหรอคะ?” แก้วมณีเบิกตาโพล่งอย่างตกใจ

                “ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ ที่น้าตามหาเรามาตลอดก็เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเกศก่อนตาย ว่าจะรับหนูมาเป็นลูกสะใภ้ และ ให้แต่งงานกับ 'ปิ่นทอง' ลูกชายของน้า”

                แก้วมณีไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินคำว่าแต่งงาน สำหรับคนอย่างเธอมันเป็นเรื่องไกลตัว เธอไม่เคยนึกถึงมาก่อน แต่ทั้งๆ ที่ไม่เคยคาดหวัง หัวใจของเธอก็กลับเต้นแรงทันทีที่ได้ยินชื่อของเขา มันคงจะเป็นเรื่องตลกที่ดีใจและคิดถึงคนที่แม้แต่หน้าตาก็ยังไม่รู้จัก

                “วันพรุ่งนี้น้าจะมารับเราไปอยู่ด้วยนะหนูแก้ว เก็บของให้พร้อมนะจ๊ะ”

                “พรุ่งนี้เลยเหรอคะ?”

                “จ้ะ อย่าเบี้ยวน้าล่ะ”

                คุณน้ามณยิ้มเอ็นดูให้กับเธออีกครั้งแล้วขึ้นรถเบนซ์คันใหญ่จากไป

                แก้วมณียังคงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มันดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไปสำหรับเธอจริงๆ

                “ปิ่นทอง...” เธอพึมพำชื่อของชายที่ไม่เคยได้พบ แต่เขาอาจจะเป็นคนที่เธอรอคอยก็ได้

    คนที่จะรักเธอ...ที่เธอเป็นเธอ...

     

                รถหรูคันใหญ่จอดเทียบประตูคฤหาสน์หลังโต แก้วมณีไม่อยากเชื่อสายตาว่าเธอจะมีโอกาสได้เห็นบ้านที่หรูหราได้ขนาดนี้  บ้านหลังเล็กๆ ของเธออาจจะเทียบได้กับห้องน้ำของที่นี่เลยก็ได้

                แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไร เมื่อเธอได้มารู้ภายหลังว่า ที่แท้ คุณน้ามณของเธอคือคุณหญิงมณฑา อัศวไพศาล ตระกูลส่งออกน้ำมันที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ

                “นี่แม่เรารู้จักคนดังขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย” แก้วมณีพึมพำกับตัวเอง

                ในขณะที่กำลังมองซ้ายมองขวาเสียงหวานของคุณหญิงมณฑาก็ร้องเรียกเธอมาแต่ไกล

                “หนูแก้ว!! มาแล้วเหรอลูก!” ร่างบอบบางของคุณหญิงวิ่งเข้ามากอดเธออย่างยินดี แก้วมณีกระชับอ้อมกอดอบอุ่นที่ทำให้คิดถึงมารดาแน่น

                “สวัสดีค่ะ คุณน้ามณ”

                “สวัสดีจ้ะ ไป เข้าบ้านของเรากันเถอะ”

                คุณหญิงเอ่ยปากเชื้อเชิญและจูงมือแก้วมณีเดินเข้าบ้าน ระหว่างที่เดินอยู่ในห้องโถงโอ่อ่า สายตาของคนรับใช้รอบตัวที่มายืนต้อนรับนั้นฉายแววรังเกียจออกมาอย่างปิดไม่มิด แก้วมณีก้มหน้าลงต่ำเพราะไม่อยากมองเห็นสิ่งที่เธอหนีมาตลอด

                “นั่นเหรอว่าที่เจ้าสาวของคุณหนูน่ะ ทำไมน่าเกลียดอย่างนั้น”

                “คุณหญิงเลือกจากอะไรนะ ถึงได้ให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในตระกูล”

                “ตัวก็ผอมแห้งผิวก็คล้ำ แล้วดูหน้าซิ ยังกะม้าอย่างนั้น ไม่ใช่ว่างๆ จะกินหญ้าเป็นอาหารหรอกนะ”

                เสียงนินทาลอยเข้ามากระทบโสตประสาทจนแก้วมณีต้องก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเธอเป็นตัวอะไรสำหรับคนอื่น ถึงแม้คุณหญิงมณฑาจะเอ็นดูเธอเพราะเธอเป็นลูกของแม่ แต่กับคนอื่นเธอก็ยังคงเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ารังเกียจอยู่ดี

                “ถึงแล้วจ้ะหนูแก้ว” เสียงเรียกของคุณหญิงมณฑาปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ แก้วมณีค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตรงหน้าของเธอมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่

    เนตรดั่งกวางทอง คิ้วโก่งดั่งธนูแก้ว

    ใบหูดั่งกลีบบัวนวล แก้มดั่งทอง

    จมูกโด่งดั่งเทพเนรมิต ริมฝีปากงามแย้มดั่งแต้มด้วยพระจันทร์

    คางคอกลมกลึง สองไหล่พระกร นิ้วสลวย

    งามเลิศทั้งตัวตั้งแต่เส้นผมจรดเท้า

    (ดัดแปลงจาก ลิลิตพระลอ ตอน ชมโฉมพระลอ) 

                แก้วมณีไม่อาจละสายตาจากชายหนุ่มตรงหน้าได้เลย ในสมองขาวโพลนไปหมด ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงจนต้องกุมมันไว้แน่นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เธอไม่เคยสัมผัสปรากฏมาก่อน

                เธอคิดว่า...เธอหลงรักคนคนนี้เข้าซะแล้วล่ะ

                ในขณะเดียวกันปิ่นทองมองหญิงสาวร่างสูงผอมเกร็ง เส้นผมดำแห้งแข็งราวขนม้า ใบหน้าดำคล้ำดวงตาลึกโหล ฟันที่ยืนออกมาราวกับม้าก็ไม่ปาน คนตรงหน้าไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดในเทพนิยายอัปลักษณ์เกินกว่าที่จะทนมองได้

                                        สูงระหงทรงเพรียวเรียวมาก   งามละม้ายคล้ายม้ากะหลาป๋า

                       ฟันเหยินยื่นใหญ่เหมือนใครหว่า             พระสุธายังอายเมื่อได้ยล

                       คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย                      จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ

                       หูกลวงดวงพักตร์หักงอ                           ลำคอฟีบแฟบเรียวเชียวชม

                       หน้าเหมือนหมอท้อใจเมื่อได้มอง            สองเต้านมเหี่ยวเเห้งเเล้งน้ำยา

    (ดัดแปลงจากระเด่นลันได ใน บทชมโฉมนางประแดะ
    ผู้แต่ง พระมหามนตรี (ทรัพย์))

     

                ปิ่นทองเบือนหน้านี้ ทันทีเขาไม่อาจทนมองคนตรงหน้าได้แม้แต่วินาทีเดียว

                “พ่อปิ่นนี่น้องแก้วมณี คนที่จะเป็นเจ้าสาวของลูกที่แม่บอกไงล่ะ” เสียงคุณหญิงมณฑาขัดขึ้นกลางความคิดของทั้งสองคน

                “ฮะ คุณแม่ว่าอะไรนะครับ”

                “เจ้าสาวของลูกจ้ะ” คุณหญิงมณฑายิ้มละไมตอบกลับลูกชายแล้วดันตัวแก้วมณีไปข้างหน้าให้ใกล้ชิดกับปิ่นทองมากขึ้น

                ปิ่นทองผงะถอยหลังทันที ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวเมื่อได้ยินคำตอบจากมารดา ความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง

                “คุณแม่!! คุณแม่จะให้ผมแต่งกับตัวประหลาดนี่น่ะเหรอ!!” ชายหนุ่มขึ้นเสียงอย่างดุดัน นิ้วเรียวชี้ที่แก้วมณี สายตาคู่คมมองเธอได้ความรังเกียจสุดจะทน

                ดวงใจของแก้วมณีเจ็บแปลบ เธอก้มหน้าลงหลบสายตาของปิ่นทองและซ่อนน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย คำพูดของปิ่นทองราวกับมีดที่กรีดแทงใจของเธอจนเจ็บแสบไปหมด

                “ปิ่นทอง!!” คุณหญิงมณฑาดุลูกชายตัวเองเสียงดัง แต่นั่นไม่มีทางได้ผลกับผู้ชายอย่างปิ่นทอง

                “คุณแม่ฆ่าผมดีกว่าต้องแต่งงานกับยัยอัปลักษณ์นี่!!” ชายหนุ่มตะคอกใส่มารดาแล้วมองแก้วมณีด้วยความรังเกียจก่อนจะเดินหนีออกไป

                เสียงล้อรถภายนอกเป็นคำตอบว่าชายหนุ่มได้ออกจากบ้านไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงแก้วมณีที่ร้องไห้อยู่เพียงลำพังด้วยหัวใจที่บอบช้ำ

     

                หลังจากนั้นชีวิตที่เคยคิดว่าจะดีขึ้นกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ลับหลังสายตาของคุณหญิงมณฑาแก้วมณีถูกคำก่นด่านินทาจากคนรับใช้ในบ้านทำร้ายจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า สายตารังเกียจและไม่ต้อนรับทำให้เธอได้แต่ก้มหน้าเพื่อหลีกหนีมันแต่เธอก็ไม่อาจไปจากบ้านหลังนี้ได้เพราะเกรงใจคุณหญิงมณฑาที่รักและเอ็นดูเธอด้วยใจจริง อีกเหตุผลคงเป็นเพราะ... เธออยากอยู่ใกล้เขาคนนั้น...

                ไม่ว่าจะถูกทำร้ายจิตใจซักแค่ไหน ไม่ว่าจะถูกรังเกียจจากคนคนนั้นซักเท่าไร แก้วมณีก็ยังคงอยากอยู่เคียงข้าง คอยดูแลและเฝ้ามองเขาทั้งที่เขาไม่ต้องการเธอเลย

                แก้วมณีพร่ำบอกคำว่ารักกับปิ่นทองทุกครั้งที่ได้พบกันเพื่อให้เขาเห็นใจจริงข้างในของเธอ รับรู้ถึงหัวใจของเธอ แก้วมณีไม่ได้ปรารถนาให้ปิ่นทองต้องรักตอบขอแค่เพียงเสี้ยวหนึ่งในความคิด เสี้ยวหนึ่งในหัวใจของเขามีเธออยู่ในนั้นบ้างก็เพียงพอแล้ว

                วันนี้เองก็เป็นอีกวันหนึ่งที่แก้วมณียังคงพยายามอย่างเช่นทุกวัน

                และเป็นวันที่ปิ่นทองหมดความอดทนแล้วเช่นกัน

                “กลับมาแล้วเหรอคะ”แก้วมณีเอ่ยทักปิ่นทองเมื่อเขาเดินเข้ามาในบ้านอย่างเช่นทุกวัน ใบหน้าน่าเกลียดพยายามฉีกยิ้มกว้างให้สวยที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคือสายตารังเกียจของอีกฝ่าย 

                ปิ่นทองถอนหายใจแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อจะได้มองไม่เห็นหน้าแก้วมณี

                “เอ่อจะรับประทานอาหารเลยไหมคะ วันนี้คุณน้าให้ฉันทำของโปรดของคุณไว้เยอะแยะเลย” แก้วมณียังคงพยายามอีกครั้ง แม้รู้ดีว่าเขาจะเมินเหมือนทุกครั้ง

                “พอซะทีได้รึยัง” แต่วันนี้ต่างออกไป เสียงเย็นเยียบของปิ่นทองทำให้แก้วมณีสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ราวกับมันเป็นสัญญาณถึงอารมณ์ที่ถึงขีดสุดของอีกฝ่าย

                “อะเอ่อ คือฉันแค่...”

                “หุบปาก!”  ปิ่นทองตวาดก้องห้องโถง เสียงสะท้อนของความเกรี้ยวกราดดังไปทั่วแข่งกับเสียงสายฝนที่กำลังกระหน่ำอยู่ภายนอก

                แก้วมณีตัวสั่นเธอไม่รู้ว่าควรทำยังไงในสถานการณ์นี้ ทุกครั้งปิ่นทองก็แค่มองผ่านเธอไปเท่านั้นแต่เขาไม่เคยตวาดใส่เธอขนาดนี้

                “ฉันรำคาญเธอเต็มทนแล้วแก้วมณี เอาหน้าอัปลักษณ์ของเธอไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ” ปิ่นทองจ้องหน้าเธออย่างโกรธแค้นมือเรียวชี้ไล่เธอออกไปนอกบ้าน

                “ตะแต่ว่า ข้างนอกฝนตก...” แก้วมณีตัวสั่นถอยห่างจากเขาอย่างหวาดกลัว

                “ได้!! ถ้าเธอไม่ไป ฉันไปเอง!” ปิ่นทองตวาดลั่นอย่างเดือดดาลแล้วเดินสวนทางออกไป แก้วมณีตกใจเธอไม่คิดว่าเขาจะรังเกียจเธอได้ขนาดนี้

                “ฉัน...” เสียงเล็กๆของเธอพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “ฉันแค่...แค่ชอบคุณเท่านั้นเองไม่ต้องรักฉันตอบก็ได้ แต่อย่ารังเกียจกันแบบนี้เลยนะคะ...” แก้วมณีอ้อนวอนทั้งน้ำตาที่ไหลริน

                ปิ่นทองหยุดเมื่อได้ยินเสียงของเธอเขาหัวเราะลั่นแล้วพูดคำคำหนึ่งที่บีบขยี้หัวใจของเธอจนแหลกสลาย

              “ถ้าเธอหน้าตาดีล่ะก็...ฉันอาจจะรักเธอก็ได้”

     

                ในคืนนั้นแก้วมณีได้รับแจ้งข่าวอุบัติเหตุว่าปิ่นทองรถคว่ำ ถนนลื่นในคืนวันฝนตกทำให้รถที่แล่นมาเร็วหลุดโค้งชนต้นไม้ข้างทาง แม้ปิ่นทองจะปลอดภัยแต่ก็อาการสาหัส และยังคงอยู่ในห้องผ่าตัดที่โรงพยาบาล

                แก้วมณีก้มหน้าร้องไห้อยู่หน้าห้องผ่าตัด นึกเสียใจ ถ้าในคืนนั้นคนที่จากไปเป็นเธอล่ะก็...ปิ่นทองคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้

                ไฟหน้าห้องผ่าตัดดับลง คุณหมอเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

                “คุณหมอคะลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้างคะ” คุณหญิงมณฑาร้องไห้ปริ่มขาดใจ แก้วมณีประคองคุณหญิงไปหาคุณหมอด้วยหัวใจที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน

                “การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดีครับแต่...ผิวหนังของคนไข้ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดอย่างหนัก แม้จะรักษาได้ แต่ก็ไม่อาจทำให้เป็นเหมือนเดิมได้ครับ และในส่วนบริเวณใบหน้าหมอต้องผ่าตัดเอาซิลิโคนทั้งหมดออกเพื่อรักษาแผลนะครับ”

                ซิลิโคน?

                แก้วมณีชะงักไปกับคำพูดของหมอ

                หมายความว่ายังไง? ซิลิโคนเหรอ?

                “ได้ค่ะคุณหมอ! จะทำอะไรก็ได้ ขอแค่ลูกชายของฉันปลอดภัยก็พอค่ะ” คุณหญิงมณฑาทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้ สำหรับเธอข่าวดีที่ว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดแล้ว

     

                จากอุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้แก้วมณีได้รู้ว่าใบหน้าหล่อเหลาของปิ่นทองเกิดจากการศัลยกรรมทั้งหมด ปิ่นทองเกิดมามีหน้าตาพิกลพิการไม่ต่างจากเธอ แต่ใช้ทุนทรัพย์ที่ครอบครัวร่ำรวยเปลี่ยนแปลงมันจนหล่อเหลาอย่างที่เธอเห็น

                หลังจากคุณหมอให้ออกจากห้องไอซียูและพักฟื้น แก้วมณีก็ดูแลปิ่นทองมาตลอด เธอตั้งใจดูแลเขาอย่างดีและเต็มที่ที่สุดเท่ากับความรักที่เธอมีให้เขาโดยไม่รู้เลยว่ามีความรู้สึกหนึ่งที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจของเธอ

               

                “รู้จักแก้วหน้าม้ามั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นมาในขณะที่แก้วมณีกำลังจัดแจกันดอกไม้

                “ค่ะ รู้จักค่ะ” เธอตอบรับคำถามแปลกประหลาดของเขาอย่างงงงวย

                “แก้วหน้าม้าน่ะทั้งน่าเกลียด ทั้งอัปลักษณ์ แต่กลับคว้าใจของพระปิ่นทองได้”

                “ค่ะเป็นเรื่องที่ฉันชอบมากๆ เลย” แก้วมณีพูดตอบเมื่ออีกฝ่ายกล่าวถึงนิทานเรื่องโปรดของเธอหญิงสาวอัปลักษณ์ที่ได้ครองคู่กับคนที่เธอรัก

                “เธอคิดยังไงถ้าแก้วหน้าม้าถอดรูปไม่ได้”

                “คะ?”

                “ถ้าแก้วหน้าม้ายังคงเป็นแก้วหน้าม้าที่ทั้งอัปลักษณ์และน่าเกลียด เธอว่าพระปิ่นทองจะยังรักเธออยู่อีกไหม?”

                “อะเอ่อ...”

                คำถามของอีกฝ่ายทำให้แก้วมณีไม่สามารถตอบกลับอะไรไปได้ นั่นสินะ... ถ้าแก้วหน้าม้าคือแก้วหน้าม้าคนเดิมที่น่าเกลียดน่ากลัว พระปิ่นทองก็คง...ไม่มีทางชายตามอง ไม่ว่าเธอคนนั้นจะมีจิตใจงดงามและรักเขามากแค่ไหนก็ตาม...

                "คำตอบก็คือไม่ พระปิ่นทองไม่มีทางรักแก้วหน้าม้าได้เพราะความอัปลักษณ์ของเธอ แต่ว่า...แก้วหน้าม้าเองก็เช่นกัน"

                “คะ?  ทำไมถึงว่าแก้วหน้าม้าก็คิดแบบพระปิ่นทองล่ะคะ?” แก้วมณีถามอย่างสงสัยเพราะแก้วหน้าม้านั่นรักพระปิ่นทองมากจริงๆ ไม่ใช่เหรอ

                “หึ...ก็เพราะแก้วหน้าม้าเองก็รักพระปิ่นทองที่หน้าตาเหมือนกันยังไงล่ะ ในวันที่ทั้งสองพบกันครั้งแรกแก้วหน้าม้าก็ตกหลุมรักในรูปที่งดงามของพระปิ่นทองทันที แต่ถ้ากลับกันให้พระปิ่นทองอัปลักษณ์ แก้วหน้าม้าก็คงไม่คิดจะสนใจเหมือนกัน”

                “...”

                “นี่ยังไม่นับสังข์ทองกับอิเหนาอีกนะ ถ้าสังข์ทองไม่แสดงรูปจริงให้เห็น แต่เป็นเงาะตัวดำ บ้าใบ้ รจนาก็คงไม่มีทางรักตอบ อิเหนาเองก็เหมือนกัน... ถ้าบุษบาหน้าตาขี้เหร่ขึ้นมาล่ะเขาก็คงไม่มีทางบุกป่าฝ่าดงตามหาคนคนเดียวขนาดนั้นจริงไหม” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างประชดประชัน

                “ความรักงั้นเหรอ อย่าพูดให้ขำเลยดีกว่า มันก็แค่ความหลงเท่านั้นแหละ”

                แก้วมณีรับฟังแล้วรู้สึกค้านขึ้นในใจ เธอเอ่ยแย้งความคิดของผู้ชายตรงหน้าอย่างลืมตัว

                “แต่ว่า...อิเหนาก็ลำบากมากมายเพื่อตามหาบุษบาเพราะรักเธอไม่ใช่เหรอคะถ้าแค่หลงคงไม่มีทางทำขนาดนั้น” แก้วมณีแย้งขึ้น

                ปิ่นทองได้ฟังก็หัวเราะอย่างขบขัน

                “อืมมันก็อาจจะใช่อยู่ แล้วยังไงล่ะ จุดเริ่มต้นมันก็มาจากหน้าตาทั้งนั้น อิเหนาเคยรู้ว่าบุษบาเป็นคนยังไงมาก่อนไหม ก็ไม่อีกอย่างเธอลืมไปรึเปล่าว่าอิเหนามีนิสัยยังไง?”

                “นิสัยเหรอคะ?”

                “ของที่อยากได้ก็ต้องได้ไงล่ะ สำหรับอิเหนา บุษบาก็เหมือนไอเท็มหายากในเกม ที่พอเจอแล้วก็ไม่อยากปล่อยให้หลุดมือก็เท่านั้น การที่ลำบากลำบนตามหามันไม่ได้พิสูจน์ว่าอิเหนารักบุษบาจริงรึเปล่าหรอก ลองให้ใครซักคนไปทำให้เสียโฉมดูสิ อิเหนาก็คงหนีหายไปเหมือนกันนั้นแหละ”

                “แต่ว่า...”

                “รสนิยมเรื่องรูปร่างหน้าตาน่ะมันฝังหัวคนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใครๆ ก็ต่างชอบสิ่งสวยงามมากกว่าสิ่งน่าเกลียดกันทั้งนั้น มันเป็นธรรมชาติของโลกที่ไม่มีทางหนีได้ ขนาดในวรรณคดีไทยเองยังดูกันจากรูปร่างหน้าตาเลย เธอเคยเจอพระเอกนางเอกหน้าตาน่าเกลียดมั้ยล่ะ ถึงจะเคยหน้าตาไม่ดีสุดท้ายก็ต้องสวยหล่อกันหมด แล้วมันก็สืบต่อไอ้ค่านิยมนี้มาจนถึงตอนนี้ยังไงล่ะ”

                “...”

                “อีกอย่าง...เธอรู้ตัวรึเปล่าว่าเธอไม่สบตาฉันเลยตั้งแต่ฉันรถคว่ำ”

                “คะ?”

                แก้วมณีสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่า เธอเอาแต่มองเท้าของตัวเองมาตั้งแต่เมื่อกี้ และอีกหลายๆ ครั้งที่เธอมักจะเบนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่รู้ตัว

                “ไม่รู้ตัวสินะ เธอดูแลฉันดีทุกอย่าง แต่ไม่เคยมีซักครั้งที่เธอจะมองตรงมาที่ฉัน”

                “...”

                “เงยหน้าสิ แล้วมองตาฉัน”

                แก้วมณีหลับตาลงเมื่อได้ยินคำสั่งจากชายที่ตนรัก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆ เงยหน้าขึ้นภาพหลังเปลือกตาคือใบหน้าเน่าเฟะของชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยงดงาม แผลไฟไหม้ใหญ่ลามไปทั้งใบหน้า บาดแผลบางจุดเป็นหนองน้ำเหลืองจากบาดแผลไหลเยิ้มไปทั่ว ดวงตาลึกโหลแข็งกร้าวและดุดัน ศีรษะแห้งกรังด้วยบาดแผลปราศจากเส้นผมอย่างที่ควรจะมี แก้วมณีเผลอหันหน้าหนีอย่างลืมตัว

                “บอกรักฉัน...อย่างที่เธอเคยทำสิ”

                ปิ่นทองออกคำสั่งกับหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่กล้าสบตา เขาบอกให้เธอทำเหมือนในวันที่เธอพร่ำบอกคำว่ารักกับเขาทุกวัน บอกราวกับเป็นคำพูดที่ง่ายแสนง่ายเหลือเกิน

                แก้วมณีค่อยๆ หันกลับมาสบตาคนตรงหน้าอีกครั้ง เธอกลืนก้อนเหนียวหนืดในคอลงไปอย่างยากลำบาก คำพูดของคนตรงหน้ากระแทกจิตใจของเธอ แก้วมณีอ้าปากเพื่อเอื้อนเอ่ยคำว่ารักอย่างที่ควรทำแต่เสียงกลับไม่ยอมออกมาจากลำคอไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน แต่ก็ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาปิดปากเธอเอาไว้ และแก้วมณีรู้ดีว่ามือนั่นคืออะไร

                “ข..ขอโทษค่ะ...” เธอหลุบสายตาลงแล้วร้องไห้ออกมา

                “นั่นไงล่ะ เราสองคนก็ไม่ได้ต่างกันมากนักหรอก” ปิ่นทองพูดอย่างเย้ยหยัน

                ใช่แล้วแก้วมณีรู้ดี...แต่พยายามกลบความรู้สึกในใจมาโดยตลอดทั้งที่มันเริ่มเด่นชัดขึ้น ตั้งแต่คนตรงหน้าเสียโฉม หัวใจที่เคยเต้นกระหน่ำเมื่ออยู่ต่อหน้าคนคนนี้กลับแผ่วเบาลงกลายเป็นความรู้สึกขยะแขยงเข้ามาแทนที่  แม้ว่าเธอจะพยายามห้ามความรู้สึกนี้เท่าไรมันกลับยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกครั้งที่เธอเห็นหน้าตาของเขา ที่เธอยังดูแลเขาอยู่ในตอนนี้คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดในใจลึกๆ ที่คอยตอกย้ำตัวตนที่แท้จริงของเธอ

                เขาไม่ใช่ปิ่นทองที่เธอหลงรักอีกต่อไปแล้ว...

                แก้วมณีก้มหน้าร้องไห้ละอายในความรู้สึกของตัวเอง เธอเคยฝันอยากให้ใครซักคนรักตนที่เป็นแบบนี้ แต่ตัวเธอเองกลับไม่ต่างอะไรกับคนที่เคยว่าร้ายเธอเลย

                “เฮ้อ” ปิ่นทองถอนหายใจเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาว “แต่ก็นะ คงน่าเสียดายแย่ถ้าปล่อยผู้หญิงที่ทนดูแลฉันได้อย่างเธอไป ฉันก็ซาบซึ้งอยู่นะ ถึงจะรังเกียจกันแต่ก็ยังดูแลดีขนาดนี้”

                “...”

                ปิ่นทองเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังร้องไห้ตรงหน้าอย่างใช้ความคิดดวงตาประกายแววเมื่อนึกบางสิ่งบางอย่างได้

                “ถ้าอย่างนั้น...มาทำตามข้อเสนอของฉันดูไหม”

     

     

    สวัสดีครับท่านผู้โดยสาร สายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี790 จะนำท่านเดินทางไปยัง เกาหลี กัปตันและลูกเรือทุกคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านคงได้รับความสะดวกสบายตลอดเที่ยวบินนี้ครับ ขอบคุณครับ

                เสียงประกาศบนเครื่องบินไม่ได้เข้าหูของแก้วมณีแม้แต่น้อย

                ดวงตาลึกโหลยังคงจดจ้องอยู่กับนิตยสารและเอกสารโรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังของเกาหลีเสียงเครื่องยนต์ทำงานบ่งบอกถึงเครื่องบินที่กำลังจะเริ่มเดินทาง

                แก้วหน้าม้าถอนหายใจเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่ถูกความมืดมิดของรัตติกาลปกคลุมไม่ต่างจากใจของเธอ

                บทสนทนาของเขาที่เคยพูดไว้ลอยเข้ามาในความคิด

              “ถ้าเธอหน้าตาดีล่ะก็...ฉันอาจจะรักเธอก็ได้

              แก้วมณีหลับตา ปล่อยให้ความคิดจมไปกับความรู้สึกที่ปั่นป่วนเธอเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา อาจจะเป็นคำพูดให้กับเขาและกับตัวเธอเอง

                “ค่ะ ฉันก็เช่นกัน”

  • ----------------------------------------------------------------------------------------   

    กว่าจะเป็น..."รักแท้หรือแค่พลาสติก" (FIC แก้วหน้าม้า)

    เป็นที่ทราบกันว่า นิสิตอักษรศาสตร์ทุกคนล้วนต้องผ่านการอ่านวรรณคดีมาแล้วหลายเรื่อง ในการเรียนวิชาวรรณคดีไทย เรามักจะพบว่า คู่พระนางในวรรณคดีแทบทุกเรื่องล้วนสมบูรณ์แบบทั้งรูปโฉมและทรัพย์ศฤงคาร นั่นทำให้นิสิตอักษรศาสร์กลุ่มหนึ่งในนาม "สตรีผู้สูงศักดิ์ ณ วิมารนรดี" เกิดข้อสงสัยว่า

     "ความรักที่เกิดขึ้น เป็นความรักจริงๆ หรือแค่ความหลงจากหน้าตา"

    สมาชิกในกลุ่มทำการบ้านอย่างหนักเพื่อสร้างสรรค์เรื่องราวในลักษณะของแฟนฟิคชั่นขึ้น โดยอิงเนื้อหาจากบทละครนอกเรื่อง แก้วหน้าม้า  เป็นหลัก (คลิกอ่านบทละครฉบับเต็มหรือเรื่องย่อ) สำหรับพวกเธอแล้ว แก้วหน้าม้า เป็นบทละครที่สะท้อนให้เห็นประเด็นเรื่องรูปร่างหน้าตาได้เป็นอย่างดี 

    จากที่นางแก้วหน้าม้าไม่ได้รับความรักจากพระปิ่นทอง-พระเอกของเรื่อง แต่เมื่อรูปร่างหน้าตาของนางแก้วหน้าม้าเปลี่ยนเป็นคนที่มีใบหน้างดงามในนาม "นางแก้วมณี" แล้ว  พระปิ่นทองกลับหลงรักเธออย่างง่ายดาย ทั้งที่ความจริงแล้ว นิสัยภายในของนางแก้วหน้าม้ายังคงเป็นคนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป

    การแต่งแฟนฟิคเรื่องนี้ ได้ผ่านการค้นคว้าข้อมูลจากหลายแหล่ง ทั้งจากวรรณดีเรื่องลิลิตพระลอ อิเหนา และระเด่นลันได ซึ่งสะท้อนให้เป็นแง่มุมด้านความงามภายนอกอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงข้อมูลจากบทความวิชาการเกี่ยวกับค่านิยมการทำศัลยกรรมของวัยรุ่นไทย และวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับคตินิยมเรื่องความงามของผู้หญิงในสังคมไทย  เหล่านี้ทำให้ทราบว่า รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นใจและสร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี จึงเกิดคตินิยมเกี่ยวกับความงามของผู้หญิงขึ้ผู้หญิงจำเป็นต้อง "รูปสวย รวยทรัพย์ นับมารยาท ชาติผู้ดี" อันสะท้อนให้เห็นในงานวรรณกรรมและวรรณคดีหลายเรื่อง ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน และรวมไปถึงค่านิยมการทำศัลยกรรมใบหน้าที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในสังคมปัจจุบันด้วย.


    แหล่งค้นคว้าในการสร้างสรรค์งาน

    บทละครนอกเรื่อง "แก้วหน้าม้า" พระนิพนธ์ในกรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์

    บทละครเรื่อง "ระเด่นลันได" ของ พระมหามนตรี (ทรัพย์) 

    บทละครในเรื่อง "อิเหนา" พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

    บทความ How We Are Judged by Our Appearance

    วิทยานิพนธ์เรื่อง "ความงาม: รูปสมบัติ หนึ่งในคตินิยมเกี่ยวกับผู้หญิงของสังคมไทย"

    บทความเชิงวิชาการ เรื่อง "ปัญหาค่านิยมกับการทำศัลยกรรมของวัยรุ่นไทย"


    สร้างสรรค์โดย...ทีม "สตรีผู้สูงศักดิ์ ณ วิมานนรดี"

         อรณัส          ปลั่งสมบัติ
         ภนิตา          เจริญภิญโญชัย
         อาภาวรรณ  กิจรจิค
         ชมพูนุท       ลิ้มวรรณเดช 
         ณัฏฐณิชา    ดีศีลธรรม
         กุศลินฑ์       โลหาภิรัตน์
    นิสิตคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


    บรรณาธิกรต้นฉบับ... ทีมงาน "อ่าน-คิด-เขียน"

           อ.หัตถกาญจน์  อารีศิลป
           กิตติธัช            รักษาคำ
           วีริสา                สมพงษ์
           ณัชชา              คล้ายมณี
           Cover photo by Veerisa Sompong

    ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


                        ผลงานสร้างสรรค์ในรายวิชา "วรรณคดีไทย" (ปลายภาคปีการศึกษา 2560)                                   

                                                    หัวข้อ "วรรณคดีไทยในสื่อสังคมร่วมสมัย"

    **ลิขสิทธิ์ผลงานเป็นของผู้สร้างสรรค์ผลงาน**
    เผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น

    ---------------------------------------------------------------------------------
    ผลงานในคอลัมน์ Thaiฤทธิ์   
      ประแดะ...ความสวย ใครนิยาม?
      วรรณคดีคาราเกะ
      รักแท้หรือแค่พลาสติก (Fic แก้วหน้าม้า)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in