*คำเตือน : เนื้อหามีพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง
609
01 :
เสียงฝนรุนแรงเข้ามากระทบหู บรรยากาศแสนชื้นแฉะและกลิ่นคลื่นเหียนในอากาศลอยตลบอบอวล ในห้องสี่เหลี่ยมอับชื้นนั้นมีรูปร่างคล้ายโลงศพ มีตัวผมที่กำลังนอนเป็นผักอยู่บนฟูราคาถูก ทั้งร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ด้านหลัง ข้อเท้าก็ถูกมัดเช่นกัน แม้จะอยากพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือยังไงแต่ปากที่มีผ้าสกปรกอุดปิดอยู่นั้นทำได้แค่เสียงอืออึด
ความทรมานตามมาทันทีเมื่อร่างกายถูกจัดอยู่ในสภาพผิดรูปผิดร่างมาเป็นเวลานาน อาการปวดเมื่อยที่ไหล่ซ้ายและตะคริวที่กำลังวิ่งเล่นกัดกินขาทั้งสองข้าง ความสิ้นหวังถาโถมเข้าสู่วิญญาณพร้อมเรี่ยวแรงที่ค่อยๆ หายไปจากความพยายามดิ้นรนขัดขืนที่ไร้ประโยชน์
หายใจไม่ออก
ห้องนี้ไม่มีหน้าต่างสักบาน
เอี้ยง
นรกโปรด
ประตูห้องขึ้นสนิมส่งเสียงกรีดร้องเหมือนมีคนเปิด ม่านหมอกค่อยๆ ก้าวเข้ามาในห้อง กระแสลมแรงทำให้น้ำฝนพุ่งผ่านช่องอากาศระหว่างประตู ไอฝนปะทะใบหน้าของผม ความหนาวเหน็บเข้าจู่โจมร่างกายฉับพลัน กลิ่นข้าวผัดไข่ในกล่องสำเร็จรูปที่ถูกอบไอร้อนวิ่งเข้าจมูก ทั้งกระเพาะที่ว่างเปล่าและหิวกระหายทำให้ผมอารมณ์แปรปรวน
“หิวแล้วล่ะสิ” ม่านหมอกยิ้ม
เขาวางตัวลงนั่งกับพื้นข้างๆ ฟูเก่า ผงฝุ่นบริเวณนั้นตีวงกระเพื่อม ก่อนจะเปิดผ้าที่ปิดปากผมออก ผมสำลักเล็กน้อย แม้ความคิดต่อมาคือการร้องตะโกนให้คนอื่นช่วย แต่ผมไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยพูดคำอีกต่อไปแล้ว
ม่านหมอกค่อยๆ พยุงร่างกายอิดโรยของผมก็นั่งตรง เขาจัดแจงท่าทางโดยที่ไม่แก้มัด ผมที่ร่างอ่อนยวบไม่ต่างจากตุ๊กตาลม
“มาๆ กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวผมจะป้อนนะ”
รอยยิ้มชั่วร้ายทว่าไร้เดียงสาของม่านหมอกทำให้ผมขนลุก นิ้วโป้งของเขาสัมผัสเข้ากับริมฝีปากก่อนจะงัดให้อ้าออก ข้าวผัดกลิ่นหอมกรุ่นถูกตักใส่ปากโดยที่คงยังมีนิ้วของเขาคั้นกลาง ผมปล่อยมืออกมาเพื่อรอให้ผมเคี้ยวให้เสร็จ การบดข้าวในช่วงเวลานี้สำหรับผมมันยากลำบากเหลือเกิน แต่เพราะความหิวจึงได้แค่พยายามกลืนมันลงคออย่างฝืดเคือง การทานอาหารที่ทรมานทำให้สภาพของผมเละเทะไม่ต่างจากเด็กแรกเกิดหัดกิน
“พี่หยุ่น เปื้อนหมดแล้ว”
ม่านหมอกใช้นิ้วเกลี่ยเมล็ดข้าวที่ติดอยู่บนริมฝีปากออก เจ้าตัวสอดนิ้วเข้ามาให้ปากผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อป้อนอาหาร ริมฝีปากหนาประทับเข้าที่มา นิ้วอุ่นทำหน้าที่เปิดโพรงปาก ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามากวาดรสชาติภายในจนหมดสิ้น เป็นจูบอันเข้มข้นดูดดื่ม กราดเกรี้ยวรุนแรงจนหายใจไม่ออก มันส่งเสียงจ๊วบจ๊าบพร้อมน่าอับอาย ตระกะตระกรามจนน้ำลายเยิ้มออกมา ตัวผมที่นึกรังเกียจจึงกัดเข้าให้ ม่านหมอกตกใจเล็กน้อยก่อนจะจับหัวผมให้นิ่งแล้วกัดตอบ รสชาติคาวไหลเข้ามาปาก ม่านหมอกผละออกมา
ริมฝีปากของเขามีเลือดซึมอยู่
ริมฝีปากของผมมีเลือดซึมอยู่
ริมฝีปากของเรามีเลือดซึมอยู่
02 :
นี่คือเรื่องเล่าของผู้เว้าแหว่งอันแสนหวาน
จิตวิญญาณชำรุดผุพัง
ผมตกหลุมรักพี่หยุ่นในวันที่สายฝนสาดซัด
วันที่สิบเอ็ดมิถุนายน พี่หยุ่นเป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์สาขาภาพยนตร์ที่ย้ายเข้ามาในหอสภาพเก่าเหมือนตึกร่างเย็นเฉียบ คนในหอมีแต่ภูตผีหวาดกลัวโลก สิงสู่อยู่ในห้องไม่ออกมาปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ท้องฟ้าหมองสีรอยฟกช้ำ ฝนกระหน่ำ มนุษย์อากาศที่รักสันโดษและชีวิตลำพังได้สะดุ้งตัวเมื่อได้ยินเคาะประตู
“ฉันไม่ชอบของหวานน่ะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับช็อกโกแลตหน้านิ่มในมือ ขอบตาคล้ำและใบหน้าไร้สีซีดเซียว เสียงนั้นงึมงำในลำคอ สีน้ำตาลเงาขลับของช็อกโกแลตชวนให้รู้สึกถึงรสหวาน จินตนาการถึงความวามวาบและหอมหวานแทรกซึมเข้าไปในผิวหนัง ทั้งผิวขาวซีดและลำคอที่ขึ้นสีจากเลือดในกายอุ่น จิตวิญญาณวิปริตที่อย่างขบกัดในเกิดแผล ปีศาจพยายามกะเทาะห้องที่ปิดตาย ผมกล่าวขอบคุณตามมารยาท ก่อนจะรับมันไว้
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพบกับเขา
03 :
เขามักสัมผัสผมในเวลาว่าง นรกอันไม่สิ้นสุดในห้องโกโรโกโส เริ่มจากเอว ก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นเพื่อสัมผัสส่วนอื่น หนังท้อง สี่ข้าง หน้าอก ลำคอ
ทุกสัมผัสชวนให้รู้สึกถึงเชื้อโรคกำลังแพร่กระจายซึมซาบไปทั่งร่าง ความรู้สึกอับอายและหวาดกลัวกัดกินผม ในขณะที่ศักดิ์ศรีถูกทำให้หายไป สัมผัสอุ่นจากมือเย็บเฉียบช่างน่าสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียนออกมา ผมพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้อาเจียนออกมา
วิญญาณของผมแตกหักข้างในทุกครั้งที่เขาสัมผัส
แม้น้ำตาจะไหลอาบแก้ม แต่ก็ไม่มีเสียงร้องออกมา กระหายน้ำและเสียงแหบแห้งเกินกว่าจะกรีดร้องออกมา ความเจ็บปวดของผมจึงละลายไปในความหนวกบอด
ADVERTISEMENT
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in