เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ผจญภัยในปักกิ่งamp
อู่ฮั่น ใน ตำนาน
  • สวัสดีค่ะทุกคลลลล
    วันนี้มีอารมณ์เขียนบล็อกแล้ว หลังจากที่ดองนานมาก กลับมาจากจีนตั้งแต่ 14 สค.ตอนนี้เลยรู้สึกว่าควรจะเขียนได้ละ ก่อนที่ความรู้สึกตั่งต่างจะจางไป 5555



    อย่างที่รู้ เราเพิ่งไปหนานจิงมาตอนสิ้นเดือน กค.
    แต่ชีวิตแม่งโหดร้ายไง แบบ กลับมาจากจีนได้สามวัน บอสัดประกาศไซน์ที่ปักกิ่ง ตอนนั้นคือ สติแตกกระเจิงไปเป็นเสี่ยงๆกระจุยกระจายไปแปดทวีป -__- 5555555555 คือ ไม่เคยพบไม่เคยเจอ อะไรมึงจะรีบขนาดนี้อะ แล้วแม่งมาบิ้วกันด้วยการบอกลาสแฟนไซน์ พูดเหมือนจบนี่ละน้องจะเข้าป่าไปบวช อิเวง 5555555 (แต่ก็จะเข้าจริงๆ) 5555555

    เราเวิ้นเว้ออยู่หลายวัน เพราะคิดว่า ถ้าไปคือทุกคนด่าแน่นอน แต่แอบหาตั๋ว แอบจองรร. (คือเราเปนคนที่ ไม่ว่ายังไงขอจองรร.ก่อน เพราะมันแคนเซิลได้) แอบหาข้อมูล บลาๆ คือคิดอยู่แล้วล่ะว่า รอบนี้ ต้องไปคนเดียวแน่ เพราะว่าไม่มีใครบ้าไปกับตูแน่นอน และก็จิง 

    คือ สรุปทริปนี้ ต้องบินเดี่ยว ทั้งไปทั้งกลับ นอนคนเดียว ขึ้นรถไฟคนเดียว หลงคนเดียว 555555555 มันเปนอะไรที่หนักหน่วงมาก แค่คิดก็ท้อ แต่พอดูคลิปที่น้องร้องเพลงช้างวนอยู่ประมาณ 100 รอบ ในเวลาสามวันที่หยุดหาหมอช่วงต้นเดือน ก็หมกมุ่นอยู่กับหยางเย่หมิง เหยาวั่ง หยางเย่หมิง หยางเย่หมิง หยางเย่หมิง ... จนกระทั่ง กลับจากซิคลีฟ ... 

    ใช้เวลาคิด นอนตีลังกาคิดอีกสามวัน 

    เราก็ได้ทำการจองตั๋วเครื่องบินในวันที่ 10 สิงหาคม ไทย อู่ฮั่น ปักกิ่ง มาเก๊า < พร้อมคิดในใจ กูจะเวียร์อะไรนักหนา555555555555555 
    ตอนแรกจองบินตรง แต่น้องบอกว่า เอาเงินไปซื้อฟตบเพิ่มได้อีกสองเล่ม เลยโอเค! เวียร์ก็เวียร์ให้หลังมันหักกันไปข้างนึง! จะผีแล้วก็ผีให้สุด

    จริงๆถ้าบอกว่าทริปหนานจิงอุปสรรคเยอะ ตามที่อาจจะเคยมีคนอ่านบล็อกหนานจิงของเรา ว่ามีปห.ก่อนไปนั่นนี่ ทริปนี้ ยิ่งแบบ 
    ไม่-มี-อะ-ไรพร้อม-เลย ค่ะคุณผู้ชมมมม
    ตั้งแต่อย่างแรก วีซ่า วันที่ตัดสินใจไป รีบบอกพี่ให้ทำวีซ่า วันนั้นวันจันทร์ พี่บอกว่า ถ้าจะเอาเล่มวันศุกร์ แกต้องมาวันนี้ เอาเล่มพาสปอตมาให้ชั้น ชั้นจะยื่นพรุ่งนี้ แล้วเล่มถึงจะออกวันศุกร์เช้า... 
    โอเค วันนั้นคือ วิ่งไปถ่ายรูปใหม่(ทำรูปที่เคยถ่ายตอนไปหนานจิงหาย เฮ้อ555555) ระหว่างนั้นพี่ติดต่อแมสเซนเจอ แมสพี่ไม่รับโทรศัพท์ นี่ก็ต้องถ่อไปช่องนนทรีย์ เพื่อเอาเล่มให้พี่ แล้วโทรหาลุงวินที่น้ารู้จัก ให้มาเอาเอกสารตอนสี่ทุ่มครึ่ง เพื่อให้เค้าไปส่งที่ตึกทำวีซ่าตอนเช้าพรุ้งนี้ กลับบ้านเที่ยงคืนแบตหมดแบบทอสับดับไปเลย 5555555555 คือเหนื่อยมาก เหนื่อยเหี้ยๆ แบบว่า เดี่ยวนะ เหมือนแบบ ฟ้าดินก็ไม่อยากให้ไปอะ มีปัญหาทุกลมหายใจ  แล้วทัอมั้ย ก็ไม่ 55555555 พี่ถามประมาณสามรอบว่า แกจะไปจริงๆเหรอ ไม่ต้องไปหรอก นี่ก็แบบ คือแกกกกกก พอชั้นตัดสินใจว่าไปแล้ว มันก็ไม่ได้แล้ว ชั้นต้องไปปปปปปปป พร้อมยื่นเงินให้นางสามพันค่าทำวีซ่าด่วน 555555555555 ฮือ 

    ตอนที่ตัดสินใจจองตั๋ว ก็ยังไม่เท่าตอนที่ลากกระเป๋าออกจากบ้านไปถึงสุวรรณภูมิแล้วยืนท่ามกลางทัวร์จีนที่ช้งเช้งล้งเล้งวุ่นวาย ไม่มีคนไทยในไฟลท์เลยอะ พีค555555 การเตรียมตัวไม่มีอะไรเลย ใช้เงินเหลือจากทริปที่แล้ว แต่ก็แลกเพิ่มที่สนบไปเผื่อ ข้อมูลอะไรก็หาไม่ทัน รู้แค่ที่จัดงานอยู่สถานีนี้ แล้วรรก็จองใกล้ๆ เอาให้ใกล้ที่สุด ไม่ต้องต่อหลายรอบ 5555 

    วันบิน โทรหาแม่ แม่ตกใจมากที่จะไป เพราะตอนแรกที่ถาม แม่บอกว่า ให้คิดเอง แล้วแม่ก็คิดว่านี่จะไม่ไป (โถ แม่ 5555555555555

    สุดท้ายแม่ก็อวยพร เลยมีกำลังใจในการต่อสู่กับทัวร์จีน

    วันบิน 
    ออกไปห้าทุ่ม เจอแท้กซี่ดี แม้ว่านางจะแอบพาเราเลยไปสี่กิโล(ตอนเราเผลอหลับ คิดดูว่าอาทิตย์นั้นยุ่งมาก ง่วงมากจนหลับบนแท้กซี่ ฮือ) นางก็สารภาพ แล้วลดค่าแท้กซี่ให้ กร๊ากๆๆ
    บินตีสามเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไปลงอู่ฮั่นก่อน
    หลายคนอาจจะสงสัย ทำไมเราต้องไปอู่ฮั่น คือเง้ ตอนเราจองตั๋ว มันก็มีให้เลือกว่าจะไปเวียร์ที่ไหน เวลามันก็ไล่ๆกัน แล้วที่เลือกลงอู่ฮั่น เพราะว่าน้องถ่ายละครอยู่อู่ฮั่นไง ไม่มีไร แค่อยากไปเช็คอินเก๋ๆ 55555555555555 เพราะว่าแบบ จริงๆก็มีความหวังเล็กๆว่ามันจะนั่งเครื่องบินกลับปักกิ่ง แต่มนุษย์นกอย่างกู ก็ไม่ควรหวังไร เพราะน้องก็นั่งรถไฟเหมือนเดิม -_- ถถถถถถ กุก็ไปอู่ฮั่นเพื่อเกร๋ของจริงเลย เกร๋มากก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง คือรอบนี้ไม่ได้บินไชน่าอีสเทิร์นนะ บินไชน่าเซาท์ อะจ้า เพื่อนกัน เหนือกับใต้ เรารอเช็คอินนนานมาก นานจนแบบ เห้ย จะถึงเวลาบอดดิ้งแล้วมั้ย แถวอีทัวร์ไม่ขยับเลย จนสุดท้ายนี่ต้องไปต่อแถวฝรั่งอะ เพราะว่าที่จิงแล้ว พวกอาซิ้มอากง นางแค่รอโหลดเป๋า แต่พวกนางเช็คอินแล้ว ฮ่วยยยยยยยยยยยยย นี่แบบ เอ้า อีห่า กูก้อรอไปเสะ 


    ตอนที่เรายืนรอเช็คอิน คือแบบ จริงๆ น้ำตาจะไหล นี่ประเทศกูนะ กูยังไม่ทันไปไหนเลยกูก็หัวเดียวกระเทียมลีบละอะ กูท้อออ ทำไมไม่มีคนไทยในไฟลท์เลยวะ ถ้าเกิดไรขึ้น ใครจะคุยกับกู ฮือ เวิ่นเว้อชิบหาย55555555555555555555555555 คิดไปไกลมาก พอเช็คอินเสร็จ รีบเข้าไปในเกท ก็เริ่มปลง เอาเถอะ ยังไงก็ต้องไปละ ทำไรไม่ได้ (ปลงเร็วมาก)

    ขาไปไม่ดีเลย์เช่นเดิม เครื่องออกตีสามกว่ามั้งจำไม่ได้ละ นอนอย่างเดียว ง่วงมาก ง่วงของง่วงในง่วง ไม่รู้จะพูดยังไง ข้ามไป 

    พอถึงอู่ฮั่น นี่คือประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลือน จะตราตรึงใจไปนานแสนนาน อย่างแรก ตม.จีนที่จะไม่มีวันถามอะไรเพราะคนไทยทุกคนมีวีซ่า นางถามกูว่า Why do you come to China this time? โอโห มีความน่าสงสัย มีความฉงน มาทำไรวะ เพิ่งมานี่เธอ คือแบบบบบบบบบ ตม.งงเหรอคะ 5555555555555555555555 นี่ก็งงค่ะมาทำไม เลยตอบว่า มาหาเพื่อน โอเค หยางเย่หมิง ต่อไปนี้เราคือเพื่อนกัน5555555555555 พอออกจากตม.ได้ สนามบินเค้าเล็กนิดเดียวนะ มีความงงมาก เพราะถ้าเดินต่อ คือเหมือนมันจะให้เข้าไปสแกนกระเป๋าอีกรอบ เลยไปถามอินฟอเมชั่น ได้ความว่า ต้องเดินไปเทอมินัลสอง คราวนี้แหละมึง ถามทุกคนที่เดินผ่านว่า เทอมินัลสองทางนี้ใช่มั้ย คือกูจะหลงไม่ได้ ไฟลท์ไปปักกิ่ง 11 โมง ตอนนั้นเก้าครึ่งแล้ว เดินออกมาคือเทอมินัลสอง นู้นนนนนค่ะ ไกลลิบ วิ่งสิว้อยยยยยยยย พร้อมกระชากลากกระเป๋าเดินทางขลุกๆๆๆๆ โคตรเหนื่อย โคตรรีบ แต่อารมณ์ตอนนั้น สนุกมากนะ คือตอนที่วิ่งบนถนน มองไปด้านข้างเห็นรันเวย์ อือหือ นึกว่าตัวเองเปนนางเอกหนังจ้า ภาพตัดกลับมาที่หอบลิ้นห้อย เหงื่อเริ่มออก 555555 รู้สึกว่า ว้าววววว โลกนี้สดใสสวยงาม นี่คือการมาผจญภัยคนเดียวครั้งแรก คนเดียวจริงๆ มีความตื่นเต้นสุด 5555555



    พอถึงเทอมินัลสอง ต่อแถวเช็คอิน ต่อนานประมาณนึง เพื่อมาถึงคิวละพบว่า..

    ไฟลท์ที่จองมา แคนเซิลแล้วค่ะ

    ..

    .

    เหมือนได้ยินเสียงลมป่ะ แบบ นี่บินอยู่เหรอ นกอีกแล้ว  คือไรวะ 555555

    การที่ไฟลท์แคนเซิล คือ เราต้องไปต่อแถวใหม่ ที่เคาท์เตอร์แรก จะเปนเคาท์เตอร์ D.Manager นางจะหาไฟลท์ใหม่ให้ ตอนนั้นเริ่มไม่สนุกละ เริ่มไม่ขำ ซวยละอิเวง ฮืออ ไฟลท์ใหม่ที่ได้ มันคือไฟลท์ที่จริงๆแล้วต้องออก 7 โมง แต่ ณ ตอนนั้น 9.30 มันยังไม่ได้ออก พอถามว่าจะออกกี่โมงมันบอก 10 แต่ก็ไม่ชัวร์ เพราะ ปักกิ่ง weather very bad  โอเค  พอลองดูในแอปพยากรณ์อากาศเท่านั้นแหละ ฟ้าผ่าาาาาาาตลอดเวลาจ้าาาาาาาาา กูเหมือนคนเสร่อละเกินที่มาที่นี่ในอากาศแบบนี้อะ 55555555555555 แต่จริงๆดูอากาศไว้ตอนก่อนจองตั๋ว แล้วไม่ได้ดูอีกเลย สรุปสามวันที่ผ่านมาฝนตกฟ้าผ่าแบบนี้ตลอด เออ กูโง่เอง แม่ง 555555555

    ความฮาอย่างนึงตอนตรวจกระเป๋าที่อู่ฮั่นคือ เราคิดว่าตัวเองเอาพาวเวอร์แบ้งไปสองก้อน เพราะอีกก้อนนึงหาไม่เจอ แต่ปรากดว่า ที่หาไม่เจอ เพราะมันอยู่ในกระเป๋าอยู่แล้วตั้งแต่ไปหนานจิง ตอนสแกน ตม.ให้เอาออกมา เราก็ล้วงกล้องออกมาสองตัว ล้วงแบตออกมาสองก้อน ชั้นรู้งานมาก เพราะรู้แล้วว่าตม.จีนเปนแบบนี้ สแกนสามรอบ นางบอกให้เอาออกมาให้หมด กูก็แบบ มันก็หมดละแมะ จะเอาไรอีก นางบอกแบตเตอรี่ นี่ก็บอก หมดละไง เนี่ย ออลมายแบตเตอรี่ มันก้ไม่ยอม มันบอก You have one more โอ๊ย อิเวรรรรร กูไม่เหนรู้เลยว่ากูเอามาด้วย มันอยู่ตรงไหน ไหนบอกที555555555555555 คือสุดท้ายต้องควักออกมาให้ดู ทั้งที่มันก้อนเล็กมากอะ แบบอันนั้นคือกรณีฉุกเฉินจริงๆแค่สองพันกว่าแอมป์เองมั้ง น้อยมากแบบเวลาเครื่องดับคือขอแค่ชาร์ตเปิดติดอะ 55555 วุ้ย

    พอผ่านตม.ได้ ไปนั่งรอขึ้นเครื่อง

    สิบโมงก็ละ สิบเอ็ดโมงก็ละ ยังไม่มีทีท่าว่าจะออก หิวข้าวก็หิว แต่ไม่กล้าไปไหน มันก็ไม่ประกาศเรียกสักที แต่บนจอขึ้นดีเลย์ไว้ตลอด จนไฟลท์อื่นๆที่ออกเกทนี้เหมือนกันได้บินไปสามสี่ไฟลท์ อีไฟลท์นี้ก็ยังไม่ไปไหน เหี้ยนนนนนนมาก เข้าใจอารมณ์คนนั่งคนเดียวแบบน้ำลายบูดคุยกับใครไม่ได้ ฟันไม่ได้แปรง น้ำไม่ได้อาบ หน้าสดมาก และฟุ้งซ่านมากเพราะในแอปพยากรณ์อากาศก็ฟ้าผ่าไม่หยุดไปถึงพรุ่งนี้ และกูติดอยู่ที่สนามบินป้ะ  ชีวิตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต นี่กูมาทำอะไรที่นี่ 


    สถานการณ์ ณ CZ3117 gate B12  .. 

    ตอนนั้นบอกเลยว่า ในหัวคิดไปไกลมาก คิดไปถึงพรุ่งนี้ คือถ้าวันนี้ไปไม่ทัน ต้องนอนนี่เหรอ นอนที่ไหนดี ออกจากสนามบินตอนนี้เลยดีมั้ย หรือจะไปรถไฟดีวะ รถไฟเที่ยวสุดท้ายก็ถึงปักกิ่ง 5 ทุ่ม ต้องต่อใต้ดินไปโรงแรมอีก จะทันไม๊ ถ้าไม่ทันจะกลับยังไง แท็กซี่เหรอ คนเดียวเนี่ยนะ ในประเทศที่พูดได้แค่หนีห่าวกับเชี่ยเชี่ยเนี่ยนะ แล้วถ้าจะไปรถไฟจริง จะทำยังไงกับกระเป๋าที่โหลดไปแล้ว คือเวิ่นเว้อชิบหายยยยยยยย จะเปนบ้าแล้ว น้องก็เวิ่นเว้อไปด้วย (อยู่ที่ไทยแต่นั่งแชทกับคนบ้าที่ติดอยู่สนบอู่ฮั่น) พอดูเที่ยวรถไฟ รีเฟรชเรื่อยๆ รถไฟก็เต็มไปเรื่อยๆอะ  ทุกเที่ยวที่จะไปปักกิ่งที่ดูไว้คือเต็มไปเกือบหมด จากที่ตอนแรกยังเหลือเยอะ เครียดอีกสิทีนี้ เยี่ยวเหนียวไปหมด 55555 แล้วขอท่ดนะคะ รถไฟที่ว่านี่ก็ไม่ใช่รถไฟปุ๊นๆฉึกกะฉักเหมือนบ้านเรานะคะ มันคือรถไฟความเร็วสูงอะค่ะ ราคาเทียบเท่าตั๋วเครื่องบินในประเทศ บางอันนี่แปดพัน อีเวรรรรรร กูเกือบกลับไทยได้แล้วววว ฮัลโล๊วววววว TwT ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่าน ซื้อตั๋วก็ไม่ได้ อยู่ไม่สุขแล้วตอนนั้น คือไม่รู้จะทำไง เลยเดินไปถามกราวน์ว่า ถ้าจะเปลี่ยนใจไม่ไปไฟลท์นี้แล้ว จะทำยังไงกับกระเป๋า มันตอบมา ว่า 1 ชม. ๆ 
    คือ
    มึงเข้าใจที่กูพูดมั้ยวะ 55555555555555555555555
    นี่แบบ เพลียว้อย เลยเดินกลับมานั่งรอใหม่ ทำความเข้าใจว่าอี วันอาวๆ ของมันเนี่ยคือไร สงสัยจะบอกว่า อีกหนึ่งชม.เครื่องออกมั้ง (ตอนนั้น11.30) เหนื่อยใจสุด 55555 จะขำก็ไม่มีอารมณ์ =_= ยิ่งนั่งเสิร์ชเที่ยวรถไฟยิ่งเวิ่นเว้อ ตอนนั้นถอดใจละว่า เออ กุไม่ไปรับน้องที่สถานี.ก้ได้วะ เอาแค่กูไปทันวันนี้อะ (นี่คิดไกลว่ามันจะดีเลย์ถึงดึกถึงเย็นๆอะ เพราะสภาพอากาศยังไม่เปลี่ยนเลย) เลยลองลุกไปหาไรกินแปป จะตายละ หิวมาก เดินไปเดินมาจนสุดท้ายก็หาขนมมากินรองท้องไปก่อน แล้วก็สงบจิตสงบใจ คนอื่นไม่มีกระวนกระวายเหมือนเราเลย ใจเยนๆนะแอมเฟ บอกตัวเองแบบนั้น
    พอหาที่นั่งใหม่ได้หลังจากมีขนมลงท้อง เค้าก็ประกาศเรียกขึ้นเครื่อง




    ไอ้เหี้ย 
    มันคือปรากฏการณ์ ที่ทุกคนในบริเวณนั้นพร้อมใจกันลุกพรึ่บ 
    พรึ่บบบบบบ แบบบบบบบบบบ ตกใจมาก 555555555555555555 ทุกคนที่นั่งตรงนั้น ที่ชิวอยู่ตรงนั้น คือไฟลท์เดียวกันหมดเลย แงงงงง 5555555 แม่งเหมือนคนติดเกาะแล้วมีเรือมาช่วยอะ เหมือนสวรรค์มาโปรด เหมือนอยู่ในถ้ำมืดๆแล้วมองเห็นแสงสว่างลอดเข้ามา 
    ไม่เคยดีใจที่จะได้ขึ้นเครื่องบินขนาดนี้มาก่อน ฮือ
    สิริรวมการดีเลย์ทั้งหมด 5 ชม. 50 นาที (แต่เรารอ3ชม.กว่า)




    แล้วความผียังไม่จบ จากที่นั่งรออยู่หลายชม. ท้องฟ้าที่อู่ฮั่นคือแจ่มใสมาก อากาศดี แดดออกด้วย แต่วินาทีที่เครื่องเทคออฟเท่านั้นแหละค่ะ 
    ฝนตกค่ะ.. 
    .. ...
    ว๊อทททท 
    เมื่อฝนตกตอนเครื่องขึ้น นี่ก็เอาละ ตื่นเต้นอีกละ คือ นั่งเครื่องบินมาหลายที ก็ไม่เคยรู้สึกได้ว่า เครื่องมันสั่น หรือว่ากลัว หรือรู้สึกได้ว่าเจอพายุ อะไรแบบนี้ คือปกติเจอแค่เครื่องสั่นๆแปปๆก็หาย 
    แต่รอบนี้บอกเลยค่ะ กูกลัวตายมากอิเชรี่ย T.T คือฝนตกตลอดเวลา เครื่องสั่นชนิดที่ว่าไม่กล้ากินสปาเกตตี้ กลัวเส้นเข้าจมูก ฮืออออออ 55555555555555555555555 แล้วปกติบนเครื่อง เราจะสั่งไรแบบมั่วๆ ให้เค้าพูดเป็นอิ้งแบบง่ายๆมา แล้วจะเลือกไปสุ่มๆ (เคยมีสจ๊วตไฟลท์นึงบอกให้เลือก ข้าวกับซีฟูด -_- คิดดูว่ามั่วขนาดไหน) แต่อันนี้ มีความเนียน จับใจความได้ว่า ฟ่าน(คือข้าว)กับเมี่ยน(คือเส้น) กูตอบเมี่ยนค่ะ เหี้ยยยยย ยยเนียนนนนน ได้กินสปาเกตตี้เว้ย5555555 แล้วมื้อนั้นคืออร่อยมาก อร่อยแบบ คนไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่สองทุ่มเมื่อวานอ่ะ กินปนขี้ฟันไป อร่อยเชี่ยๆ แต่กกินไม่ไหว เครื่องสั่นแบบคิดว่าเส้นเข้าจมูกได้ ฮรึก ขนาดกินน้ำยังต้องขอมากินรวดเดียวหมดแก้ว เพราะวางไม่ได้ มันกระฉอก แต่แอร์สตรองมาก 5555555555555 และผู้โดยคนอื่นๆ ก็ไม่มีความหวาดหวั่นต่อสภาพอากาศแบบกูเลยแม้แต่คนเดียว คือคาดว่าทุกคนที่ีรอมา 5 ชม. ก็คงคิดเหมือนกันหมดว่า มึงไปเถอะ สั่นยังไงก็ได้ แค่มึงไม่ตกก็พอ ไปให้ถึงอะปักกิ่ง 55555

    ขอบอกอีกครั้งว่าเป็นประสบการณ์ที่จะไม่ลืมเลยจริงๆนะ เหนือไชน่าอีส 4 ชม. ยังมีไชน่าเซ้าท์ 5.50 ชม. เอิ้กกกกกกกกก




    กว่าจะถึงปักกิ่งได้ ก็นั่งเกร็งไปหมด ทันทีที่เครื่องแตะรันเวย์ คือน้ามตาจะไหลค่ะคุณแม่ (วันนั้นวันแม่)
    ถึงปักกิ่งบ่ายสามกว่าๆได้มั้ง ฝนก็ยังตกอยู่ 
    ตอนนั้นอารมณ์ดีมากเพราะคิดว่ายังไงก็ทันได้เจอน้อง 
    ต่อรถไฟเข้าเมืองใช้เวลาประมาณ 40 นาทีมั้ง เรื่องรถไฟรอบนี้ก็โอเค ไม่ค่อยบ้าหอบฟางมาก(หรอ) เอากระเป๋าที่สะดวกไป ไม่เน้นความชิค 555555 โรงแรมรอบนี้พักที่เดิมค่ะ Haunting อีกแล้ว บอกแล้วมันมีอยู่ทุกที่บนโลกนี้ แต่อีรร.รอบนี้กากมาก มากกกกกกกกกกกกกกกกก แบบมากกกกกกก คือในห้องไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อะ คิดดู เข้าห้องแล้ว เหมือนตาย หายไปจากโลกนี้ 55555555555555555 เชี่ยมากกกก แต่เดินทางสะดวก สถานีที่เราพัก เดินทางซ้ายออกมาไม่ไกลเปนโรงแรม ถ้าเลี้ยวขวาไปเป็นห้าง สะดวกมากกกก เกร๋มาก แต่มันเหมือนเปนสถานีที่อยู่ในหลืบนิดนึง จะว่าไงดี 55555555 เราไม่ค่อยได้สำรวจแถวๆโรงแรมมากเท่าไหร่เพราะรอบนี้ฝนตกเกือบทั้งทริิป 

    และเส้นทางวิบากจากไทยสู่ปักกิ่งของเราก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ข่ะ 
    อุปสรรคเยอะจนขำ จนไม่รู้จะพูดยังไงว่าจริงๆแล้วไม่ขำ แง...

    จบตรงนี้ก่อนละกัน ตอนหน้าเป็นสถานีปักกิ่งเวสต์นะก๊ะ 




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in