ในตอนนี้ก็กลายเป็นแค่เด็กที่ก้าวผ่านวัยเรียน เข้าสู่การทำงาน และกำลังโดนสิ่งแวดล้อมใส่ปุ๋ยเร่งให้เราต้องรีบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่ง
เราคิดไว้ว่าเราคงจะได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบแบบสนุกสนาน ได้ทำงานที่ชอบและมีความสุขไปกับมัน เป็นตัวเองในรูปแบบที่ดีขึ้นและเราก็ภูมิใจ
แต่ชีวิตไม่ง่ายขนาดนั้น
เรามีความเชื่อตลอดว่า ไม่ว่าเราจะพยายามจนเลือดตาแทบกระเด็นขนาดไหน ระหว่างทางจะเจอลวดหนามมากมายเท่าไร ในท้ายที่สุดแล้วเราก็จะผ่านมันไปได้ และในอีกห้าปีให้หลัง เราอาจจะมานั่งนึกย้อนถึงเหตุการณ์เหล่านี้แล้วหัวเราะร่าใส่ความเยาว์วัยของตัวเองก็ได้
แต่ชีวิตไม่ง่ายขนาดนั้น
ไม่ว่าเราจะพยายามจนเลือดตาแทบกระเด็นขนาดไหน ระหว่างทางจะเจอลวดหนามมากมายเท่าไร ลวดหนามเหล่านั้นมันก็ยิ่งเจริญเติบโตเร็วขึ้นทุกวัน สูงขึ้น และผ่านไปได้ยากขึ้น โดยที่เราไม่มีโอกาสได้มานั่งหัวเราะร่าให้กับเรื่องอะไรเลยนอกเสียจากความน่าสมเพชของตัวเอง
จากคนที่มีความสุขกับการนอน และสามารถนอนหลับได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที กลายเป็นคนที่กังวลทุกครั้งว่าถ้าหลับไป ตื่นขึ้นมาจะต้องเจอลวดหนามเหล่านั้นทวีคูณความใหญ่โตไปมากขนาดไหน
เราไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นเราในจุดที่อ่อนแอ ไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นว่าเรากำลังหมดหนทาง ยืนประจันหน้ากับอุโมงค์ที่ไม่มีทางออก
เรารู้ตัวว่าเราไม่สามารถผ่านไปได้ด้วยตัวคนเดียว และเราก็รู้ว่าถ้าเราขอความช่วยเหลือ จะมีหลายคนที่พร้อมอยู่เคียงข้างเรา
แต่ชีวิตไม่ง่ายขนาดนั้น
เราไม่มีแม้แต่ความกล้าจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร
เราไม่สามารถบอกใครได้ว่าเรากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไร แต่ในขณะเดียวกัน เราก็หวังว่าจะมีสักคนที่ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือที่เงียบที่สุดของเรา
ในบางครั้ง เราหวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมา ทุกอย่างจะเป็นแค่ฝันร้าย และนี่ก็เป็นเช้าวันใหม่ที่สดใสเหมือนที่ผ่านมา
แต่เปล่าเลย มันเป็นเรื่องจริง
เพราะชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in