เซฟเฮ้าส์ที่ซีไอเอใช้พักระหว่างปฏิบัติภารกิจพิเศษในครั้งนี้คือบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนถนนกลาสโกวไพ ไม่ไกลจากฐานทัพอากาศสหรัฐที่ตั้งอยู่ในเมืองลอสแอนเจลีสมากนัก เพียงแค่ก้าวเข้ามาด้านใน เจย์เดนก็รับรู้ได้ทันทีว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับพักอาศัยเพียงอย่างเดียวเหมือนบ้านทั่วไป
ภายในตัวบ้านเต็มไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ห้องต่าง ๆ ถูกแบ่งออกเป็นสัดเป็นส่วนอย่างชัดเจน ซึ่งการที่จะเข้าถึงได้นั้นจำเป็นต้องมีบัตรผ่านในการระบุสิทธิ์และตัวตน เจย์เดนได้รับบัตรใบหนึ่งที่มีชิปอิเล็กทรอนิกส์และข้อมูลส่วนตัวเบื้องต้นบางประการของเขาอย่างชื่อ รูปถ่าย และหน่วยงานที่สังกัดอยู่มาจากจอห์นนี่ ซอ เจ้าหน้าที่จากซีไอเอที่เป็นหัวหน้าทีมภารกิจในครั้งนี้ บัตรใบนี้เป็นบัตรที่ใช้สำหรับเข้าออกตัวบ้านและห้องต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าเขาที่เป็นเพียงแค่ผู้ประสานงานและไม่ได้มีตำแหน่งในทีมใหญ่โตอะไรมากนักมีสิทธิ์เข้าได้เพียงบางห้องเท่านั้น ดูจากเทคโนโลยีที่ใช้ในตัวบ้านแล้ว เขาคิดว่าบางทีกระทรวงกลาโหมที่เป็นผู้เสียหายหลักจากการโจมตีของริชาร์ดครั้งล่าสุดนั้นอาจมีส่วนช่วยในการสนับสนุนบ้านหลังนี้
จอห์นนี่เดินนำเขาขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน พื้นที่ครึ่งหนึ่งของด้านบนนั้นเป็นส่วนของห้องพัก ห้องแรกสุดด้านขวามือเมื่อขึ้นบันไดมานั้นเป็นควบคุมระบบความปลอดภัยของบ้านหลังนี้ แน่นอนว่าการจะเข้าไปในส่วนนั้นได้จำเป็นต้องมีบัตรผ่าน ซึ่งบัตรของเจย์เดนไม่มีสิทธิ์ และพื้นที่ส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่จากพื้นที่ทั้งหมดก็คือห้องกระจกขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง มู่ลี่สีขาวที่ถูกนำมาติดไว้โดยรอบนั้นช่วยปิดบังสิ่งที่อยู่ภายในห้องได้เป็นอย่างดี เว้นก็แต่แสงไฟที่ถูกเปิดสว่างโร่จนแทรกผ่านช่องว่างของม่านออกมาด้านนอก
"หน้าที่ของคุณคือจับตาดูเขาไว้ และทำทุกทางไม่ให้เขาอยู่ในอันตราย" จอห์นนี่หันมาเอ่ยกับเขาขณะรูดบัตรของตัวเองกับเครื่องสแกนที่ติดอยู่หน้าห้อง ก่อนจะใช้มือเลื่อนเปิดประตูเมื่อเกิดเสียงติ้ดเบา ๆ และไฟที่เครื่องเปลี่ยนเป็นสีเขียว "เขาค่อนข้างที่จะชอบหาเรื่องใส่ตัวน่ะ"
ภายในห้องเงียบสงัดจนเจย์เดนได้ยินเสียงคอมเพรสเซอร์แอร์ครางหึ่งดังออกมาชัดเจน ริมผนังด้านหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยตู้เก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โต๊ะคอมพิวเตอร์นับสิบที่มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่หลายจอวางอยู่ถูกจัดเรียงต่อกันเป็นแถวอย่างมีแบบแผน แต่เพราะจำนวนที่เยอะ จึงทำให้ดูละลานตาไปเสียหมด บนโต๊ะเหล่านั้นมีข้าวของวางอยู่กระจัดกระจาย ทั้งซองขนมที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แก้วเครื่องดื่มที่หมดเกลี้ยง ไปจนถึงเอกสารต่าง ๆ ที่ซ้อนทับกันเป็นกองพะเนิน ดูราวกับว่าคนที่ทำงานอยู่ในห้องนี้นั้นต่างก็ยุ่งวุ่นวายเสียจนไม่มีเวลาจัดเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย
เจย์เดนเกือบคิดว่าในห้องนี้ไม่มีคนอยู่เสียแล้ว หากเขาไม่สังเกตเห็นศีรษะทุยและดวงตากลมโตคู่หนึ่งที่โผล่พ้นจอมอนิเตอร์ขึ้นมาจากโต๊ะตรงมุมลึกด้านหลังสุดของห้อง
"ไง" จอห์นนี่เอ่ยทักทายคนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่นั้น ขณะเดินตรงเข้าไปหา "ฉันพาผู้ร่วมทีมคนใหม่มารู้จัก นี่เจย์เดน จอง"
กระต่ายป่าแห่งซีไอเอเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมบางคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจในการแต่งกายเท่าไหร่นัก เสื้อยืดตัวโคร่งที่สวมอยู่บนตัวของเขานั้นยิ่งทำให้เขาดูผอมลงกว่าที่เป็น ไหนจะกางเกงวอร์มหลวมโพรกสีเขียวชวนแสบตานั่นอีก ราวกับว่าพอเขาเปิดตู้เสื้อผ้าออกแล้วเจอชุดไหนอยู่ใกล้มือที่สุด ก็หยิบชุดนั้นออกมาสวมทันทีโดยไม่นึกสนว่ามันจะเข้ากันหรือไม่ แขนของเจ้าตัวที่โผล่พ้นเสื้อออกมานั้นเล็กกว่าแขนของเจย์เดนเกือบเท่าตัวเห็นจะได้ และที่สำคัญคือมันไม่มีกล้ามเนื้อเลยสักมัด จนเจย์เดนนึกสงสัยขึ้นมาว่าวัน ๆ หนึ่งชายคนนี้กินอะไรบ้างหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้ตัวเองผอมจนดูไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้
ใบหน้าของกระต่ายป่าเรียวเล็กสมกับขนาดตัว และองค์ประกอบบนนั้นก็ดูน่ารักจิ้มลิ้มไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโต จมูกเล็ก ๆ ไปจนถึงริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนนั่น เจย์เดนนึกถึงคำพูดของหัวหน้าตัวเองขึ้นมาในทันที
'พอเห็นปุ้บก็รู้เลยว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกแบบนั้น'
มันอาจจะฟังดูเกินความจริงไปนิด แต่เจย์เดนรู้สึกราวกับตัวเองมองเห็นหูกระต่ายคู่หนึ่งงอกขึ้นมาจากศีรษะของคนตรงหน้า และมันก็ทำให้เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถูกพวกซีไอเอด้วยกันเรียกว่ากระต่ายป่า
"สวัสดี" เจย์เดนเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายขึ้นมาก่อน เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายที่จับจ้องมาอย่างระแวดระวัง ดวงตากลมสีดำสนิทคู่นั้นมองมายังเขาที่กำลังก้าวเข้าไปหาทีละนิดโดยไม่กระพริบ "ฉันเจย์เดน"
เจย์เดนยื่นมือออกไปให้คนตรงหน้า หมายจะจับมือทักทายตามมารยาท ก่อนจะนึกขำในใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย ดวงตากลมนั้นก้มมองยังฝ่ามือของเขา ก่อนจะเหลือบกลับขึ้นมามองใบหน้าเขาดังเดิม
"ฉันแดนเนล แดนเนล คิม"
อีกฝ่ายแนะนำตัวก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือของตัวเองออกมาจับมือเขาตอบ เจย์เดนต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอออกแรงบีบและเขย่าแขนของอีกฝ่ายมากจนเกินไป เพราะนึกกลัวว่าแรงของเขาอาจจะทำให้บุคลากรอันมีค่าของพวกซีไอเอกระดูกมือหักเอาได้
อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนแรงเยอะอะไรขนาดนั้นหรอก แต่เพราะไม่รู้ว่ากระดูกของอีกฝ่ายแข็งแรงมากแค่ไหน เขาจึงไม่อยากเสี่ยง
"ยินดีที่ได้รู้จัก"
"เช่นกัน"
"แล้วนี่คนอื่นไปไหนหมดล่ะ" จอห์นนี่ที่ยืนรอให้พวกเขาสองคนทักทายกันเสร็จเอ่ยถามคนที่กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ "ทำไมนายถึงได้อยู่คนเดียว"
"นี่ก็ อ่า...เที่ยงแล้ว" ดวงตากลมนั้นเหลือบมองไปยังมุมหน้าจอมอนิเตอร์จอหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ "พวกเขาคงไปหาอะไรกินกันน่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นทำไมนายถึงไม่ไป? นายลืมเวลาอีกแล้วใช่ไหม"
"ก็ฉันทำงานอยู่" แดนเนลพูด ท่าทีของเขายามคุยกับจอห์นนี่นั้นดูสนิทสนมเป็นกันเองและผ่อนคลายกว่าตอนที่คุยกับเจย์เดนเมื่อครู่นี้หลายเท่านัก "นายจำโปรแกรมที่ริชาร์ดแอบเอามาฝังไว้ในเซิฟเวอร์ของกระทรวงกลาโหมได้ไหมจอห์น โปรแกรมที่มันใช้ดูดข้อมูลออกไปน่ะ"
"หึ" คนที่กำลังยืนหน้านิ่งอยู่ได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ "เปลี่ยนเรื่องเก่งจริงนะ ฉันต้องหาเก้าอี้นั่งถูกไหม ดูท่าเรื่องนี้จะยาว"
เจย์เดนไม่ได้ลากเก้าอี้จากโต๊ะอื่นมานั่งอย่างที่จอห์นนี่ทำ แต่เลือกที่จะเดินไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของแดนเนลแทน เขาใช้สายตาพินิจมองใบหน้าด้านข้างของคนตัวผอมที่กำลังหันไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยท่าทีจริงจัง ซึ่งจากจุดที่เขามองเห็นนั้น อีกฝ่ายดูไม่เหมือนนักโทษที่ต้องทำงานแลกกับอิสรภาพเลยสักนิด
ก่อนหน้านี้เจย์เดนได้คุยกับจอห์นนี่เรื่องของคนตรงหน้าเขานี้มานิดหน่อย จอห์นนี่เล่าให้ฟังว่าตัวเขาและแดนเนลนั้นทำงานร่วมกันมานานหลายปีแล้ว เรื่องความสนิทสนมจึงไม่ต้องพูดถึง หลาย ๆ คนในองค์กรของจอห์นนี่บอกว่าแดนเนลเป็นพวกเหลี่ยมจัดและไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะแม้จะทำงานด้วยกันก็จริงแต่ถึงอย่างไรแดนเนลก็คือนักโทษ จอห์นนี่เห็นด้วยในเรื่องที่ว่าแดนเนลเป็นพวกเหลี่ยมจัด เขาไม่รู้ว่านั่นเป็นคุณสมบัติหนึ่งของพวกแฮกเกอร์หรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือแดนเนลมีมัน
ทว่าอีกเรื่องนั้นเขากลับเห็นต่าง
เพราะถึงแม้ว่าแดนเนลจะเป็นนักโทษแต่เนื้อแท้ของเขานั้นก็ไม่ใช่คนนิสัยเลวร้ายอะไร จริงอยู่ที่แดนเนลทำผิดกฎหมาย แต่หลายคนในที่นี้ต่างก็รู้กันดีว่ามีเจ้าหน้าที่ซีไอเอจำนวนไม่น้อยที่ใช้วิธีผิดกฎหมายในการสืบข่าวกรองเช่นกัน เพียงแต่คนเหล่านั้นทำในที่ลับ และไม่เคยถูกจับได้จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือเข้าคุก ดังนั้นนอกจากเรื่องที่แดนเนลเดินเข้ามารับสารภาพความผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเองแล้ว จอห์นนี่ก็มองไม่เห็นความต่างระหว่างแดนเนลกับคนอื่น ๆ ในองค์กรของเขาเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาปฏิบัติกับแดนเนลในฐานะเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง และเขาก็แนะนำให้เจย์เดนวางตัวเช่นนั้นกับแดนเนลด้วย เพราะมันจะทำให้การประสานงานเป็นไปได้ง่ายขึ้นกว่าการวางตัวแบบฝ่ายตรงข้าม
"คุณรู้รายละเอียดของคดีนี้มากแค่ไหนเหรอเจย์เดน รู้เรื่องที่ริชาร์ดเข้ามาเจาะระบบของกระทรวงกลาโหมแล้วใช่ไหม" แดนเนลหันหน้ามาถามเขา และเมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าตอบกลับไปครั้งหนึ่งเจ้าตัวจึงกลับไปพูดกับจอห์นนี่ต่อ "ฉันได้โปรแกรมที่เขาเอามาฝังไว้ในเครื่องเซิฟเวอร์ ทุกโมดูล[1] ในนั้นต้องมีรหัสในการสั่งให้ทำงาน รวมถึงโมดูลที่ใช้ในการส่งข้อมูลกลับไปยังต้นทางด้วย และฉันก็หาได้แล้วว่ารหัสที่เขาใช้คืออะไร"
เสียงคลิกเมาส์ดังขึ้นติดกันสามสี่ครั้งประกอบคำอธิบาย ก่อนที่หน้าต่างโปรแกรมสีดำสนิทจะเด้งขึ้นมา ปลายนิ้วเรียวของแดนเนลพิมพ์คำสั่งอะไรบางอย่างลงไปในนั้นด้วยความคล่องแคล่วและกดเอนเทอร์ ทันใดนั้น ข้อมูลอะไรบางอย่างก็พากันหลั่งไหลออกมาราวกับน้ำสะอาดที่ผุดออกมาจากตาน้ำ
"นายจะบอกว่านายเจอที่อยู่ของเขาแล้วงั้นเหรอ?"
"ใจเย็นนะจอห์น ถ้าเขาหาตัวง่ายขนาดนั้นพวกนายคงไม่หัวหมุนกันนานถึงเจ็ดปีหรอก" แดนเนลพูด "ในโมดูลที่ใช้ส่งข้อมูลกลับน่ะมีไอพี[2] ปลายทางนับพัน ตัวหลอกทั้งนั้น ขนาดจะหาไอพีจริงยังต้องมีรหัส เชื่อเขาเลยไหมล่ะ"
"แล้วนายรู้รหัสพวกนั้นได้ยังไง?"
เจย์เดนสัมผัสได้ถึงความเคลือบแคลงใจอยู่ลึก ๆ จากคำถามนั้น ทั้งเขาและจอห์นนี่มองหน้าของคนที่กำลังตั้งท่าอธิบาย พยายามหาสัญญาณแปลกประหลาดหรืออะไรก็ตามที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอยู่ แต่ก็ไม่พบ
"สมัยที่ฉันยังอยู่กับเขา ก็หลายปีมาแล้วน่ะนะ" ปลายน้ำเสียงของแดนเนลยามหวนถึงเรื่องราวในอดีตนั้นฟังดูแผ่วเบาลงเล็กน้อย "ฉันกับเขาช่วยกันพัฒนาอัลกอริทึม[4] ในการเข้ารหัสขึ้นมาเยอะมากจนฉันก็จำได้ไม่หมด แต่มีอยู่ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เขาใช้บ่อย ฉันเลยลองสุ่มดูทั้งอัลกอริทึมและรหัส แล้วก็เจอไอพีหนึ่งซึ่งมีความถี่ในการส่งข้อมูลไปให้บ่อยที่สุด"
"ก่อนจะบอกว่าไอพีนั้นอยู่ที่ไหน นายต้องตอบคำถามฉันมาก่อนว่านายรู้ได้ไงว่าเขาใช้รหัสอะไร"
"ยังไงดีล่ะ หลักในการตั้งรหัสของเขามีไม่เยอะนักหรอก ชื่อหมาชื่อแมวของเขา ชื่อสถานที่หรืออะไรก็ได้ที่มีอิทธิพลกับตัวเขาที่ยาวมากกว่าแปดตัว แล้วก็เปลี่ยนสระให้เป็นตัวเลขหรืออักขระพิเศษ" แดนเนลตอบ "แค่เพิ่มอักขระพิเศษมาสักตัวสองตัวโปรแกรมสุ่มรหัสก็ใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็นปีแล้ว"
"ผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้วแต่นายยังรู้จักเขาดีอยู่เลยนะ"
"ไม่ใช่หรอก ฉันไม่ได้รู้จักเขาดีขนาดนั้น ไม่เลยสักนิด" เจย์เดนสังเกตเห็นรอยยิ้มหยันจาง ๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้าของคนพูด "แค่เขาไม่ได้เปลี่ยนนิสัยบางอย่างที่ฉันรู้แค่นั้นแหละ เรากลับเข้าเรื่องไอพีกันเถอะ"
"อืม ว่าต่อเลย"
หัวข้อในการสนทนากลับมาเป็นเรื่องงานดังเดิม แดนเนลคลิกเมาส์เพื่อเปิดโฟลเดอร์รูปภาพที่มีรูปของเว็บไซต์เว็บหนึ่ง
"ปลายทางของไอพีนั้นคือดาร์กเว็บ[3] แห่งหนึ่ง ฉันไม่ได้เปิดเว็บจากที่นี่ พวกมันไม่รู้ไอพีเราแน่ นายวางใจได้เลย"
"เดี๋ยวก่อนแดนเนล" จอห์นนี่เอ่ยขัดขึ้นเมื่อได้ยิน น้ำเสียงของเขาฟังดูเข้มขึ้นอย่างชัดเจน "นี่แสดงว่าที่เมื่อวานนายหายไปก็คือหายไปตามเรื่องนี้อยู่ใช่ไหม? ฉันไม่อยู่แค่วันเดียวนายก็กระโดดหนีออกไปหาเรื่องใส่ตัว นายนี่มันจริง ๆ เลย"
"อย่าเพิ่งโวยวายก่อนได้ไหม ฉันหาที่อยู่เซิฟเวอร์ของดาร์กเว็บนี้เจอแล้ว และถ้าเราเจาะระบบมันได้เราก็จะหาได้ว่าไอพีปลายทางที่ข้อมูลชุดนั้นถูกส่งไปอยู่ที่ไหน"
"นายพูดแบบนี้นายจะสื่อว่าอะไร"
"นายก็น่าจะรู้การเจาะระบบที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดคือการเข้าถึงตัวเซิฟเวอร์โดยตรง" แดนเนลพูด "ฉันอยากไปที่เซิฟเวอร์ฟาร์ม[5] ของพวกมัน"
"ไม่" จอห์นนี่สวนตอบกลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เสียเวลาคิดเลยสักนิด "เจาะระบบมันจากข้างนอกนี่ไม่ได้หรือไง นายไม่ควรเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น"
"ฉันไม่ได้กำลังขออนุญาตนายนะ"
เจย์เดนที่ยืนฟังการถกเถียงของคนทั้งคู่อยู่นั้นเริ่มรับรู้ได้ในทันทีว่ากระต่ายป่าที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้กำลังจะนำพาเรื่องยุ่งยากมาให้เขา น้ำเสียงของแดนเนลนั้นเรียบนิ่งและเด็ดขาด เจย์เดนคิดว่าบางทีอีกฝ่ายอาจตัดสินใจได้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจง่าย ๆ ด้วย
เจ้าตัวดูไม่เป็นกังวลใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองเลยสักนิด ทั้งที่รู้ว่ากำลังมีคนคอยจับตามองอยู่และตัวเองก็อาจจะถูกลอบทำร้ายเอาได้ ทว่าแดนเนลก็ยังจะพาตัวเองออกไปเที่ยวตะลอนด้านนอก แอบใช้เครือข่ายสาธารณะ[6] ในการเจาะระบบของดาร์กเว็บที่มีมาเฟียและพวกตลาดมืดให้การสนับสนุน แถมยังมีความคิดที่จะลักลอบเข้าไปในถิ่นของพวกนั้นอีก
เขาเชื่อแล้วว่าแดนเนลโคตรจะหาเรื่องใส่ตัวเก่ง เชื่ออย่างสนิทใจแล้วจริง ๆ
[tbc.]
ศัพท์เทคนิคในตอนนี้ in a nutshell
[1] Module คือการแบ่งการทำงานของโปรแกรมออกเป็นส่วน ๆ เพื่อความสะดวกในการใช้งานและแก้ไข
[2] IP Address คือหมายเลขที่ใช้ในการระบุตัวตนของอุปกรณ์ (คอมพิวเตอร์/มือถือ/แท็บเล็ต) ที่เชื่อมต่ออยู่บนอินเตอร์เน็ต ว่าจะให้ส่งและรับข้อมูลไปที่ไหน ปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ คือ IPv4 ที่เป็นเลขฐาน 10 และ IPv6 ที่เป็นเลขฐาน 16
[3] Dark web คือเว็บไซต์ใต้ดินที่ต้องใช้เบราเซอร์พิเศษในการเข้าถึง (พวก Tor หรือ I2P ที่มีการปิดบังตัวตน) เบราเซอร์ทั่วไปอย่าง Chrome, Safari, Firefox, IE ไม่น่าจะเข้าถึงเว็บพวกนี้ได้ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย และถ้าไม่ระวังก็อาจจะได้พวกไวรัสแถมกลับมาด้วย
[4] Algorithm คือขั้นตอนวิธีในการแก้ไขปัญหา เช่น (3+5)*7 = 56 เราคิดโดยนำ 3 มาบวกกับ 5 ก่อนแล้วค่อยคูณด้วย 7 จึงได้คำตอบเป็น 56 วิธีคิดพวกนี้คืออัลกอรึทึม
[5] Server farm คือสถานที่ที่มีเครื่อง Server อยู่รวมกันมากกว่า 1 เครื่อง
[6] เครือข่ายสาธารณะ ก็คืออินเตอร์เน็ตฟรีตามห้าง ร้านคาเฟ่ ห้องสมุดต่าง ๆ นี่แหละค่ะ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการปิดบังเลข IP เลย เพราะเลข IP ขึ้นอยู่กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกกล่าวเรามาได้เลยนะคะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
________________________________________
ซอยองโฮ - จอห์นนี่ ซอ
คิมโดยอง - แดนเนล คิม
เปิดตัวน้องโดยองงงงง ในที่สุดน้องก็ได้ออกมาสักที
ที่สำคัญคือออกมาพร้อมกับความเดือดร้อนของแจหะ 555555555
ก็กระต่ายป่าน่ะซนจะตายไป จะให้อยู่นิ่ง ๆ ได้ไงล่ะเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันนะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
#ฟิควรบจด
how to comment ใน minimore
Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in