บรรยากาศระหว่างแดนเนลและจอห์นนี่นั้นยังคงมึนตึงอยู่พอสมควร แม้ทั้งคู่จะพูดคุยเรื่องงานกันตามปกติ ทว่ากลับไม่วี่แววของการหยอกล้อประสาคนที่สนิทกันเช่นทุกครั้ง
ไม่มีใครเอ่ยเรื่องที่ทั้งสองคนทุ่มเถียงกันอย่างหนักออกมาอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเจย์เดนและไทรอน คนที่หัวเสียหนักที่สุดอย่างจอห์นนี่ หรือแม้กระทั่งคนที่เป็นต้นเหตุอย่างแดนเนลเองก็ด้วย
และเพราะทุกคนต่างรู้กันดีว่าความเงียบของแดนเนลนั้น ไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัวจะยอมเชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้า เจย์เดนจึงได้รับคำสั่งจากจอห์นนี่โดยตรงให้คอยจับตามองเพื่อนร่วมงานจอมหัวรั้นของเขาคนนี้อย่างใกล้ชิด และถ้าหากว่าเขาเกิดพบสัญญาณอะไรที่บ่งบอกว่าแดนเนลกำลังฝ่าฝืนแล้วล่ะก็ เขาจะต้องรีบแจ้งกลับไปให้จอห์นนี่ทราบในทันที
แม้เจย์เดนจะรู้สึกหนักใจกับคำสั่งนั้น ทว่าเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้
บทบาทผู้คุมและนักโทษถูกกำหนดขึ้นมาอย่างลับ ๆ โดยที่ผู้เป็นนักโทษนั้นไม่ได้รู้เห็นและไม่ได้ยินยอมกับการกำหนดนี้เลยแม้แต่น้อย
แดนเนลกลับมาทำงานของตัวเองต่อหลังจากมื้อเช้าที่ร้านเดนนี่ส์จบลง แน่นอนว่าเจย์เดนเองก็เช่นกัน เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้อยู่นั่งอยู่เฉย ๆ เพราะเขาเป็นตัวกลางที่ต้องคอยประสานงานระหว่างซีไอเอและเอฟบีไอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แดนเนลต้องการ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลหรือแม้แต่หลักฐานที่ทางเอฟบีไอยึดได้จากการบุกค้นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเขาที่ต้องยื่นเรื่องร้องขอ
ทั้งคู่ดูเริ่มจะคุ้นชินกับการได้ยินเสียงแป้นพิมพ์ถูกเคาะด้วยปลายนิ้วมือ สลับกับเสียงพูดคุยโทรศัพท์ของกันและกันทีละนิด ต่างฝ่ายต่างจมจ่อมอยู่กับหน้าที่ของตัวเองกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนพ้นวัน
ร่างผอมโปร่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตา การเพ่งมองข้อมูลที่หลั่งไหลอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันหลายชั่วโมงนั้นทำให้เขารู้สึกล้าไม่น้อย จากห้องที่มีเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ นั่งอยู่ด้วย ขณะนี้เหลือเพียงเขาและเจย์เดนซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะสำรองที่เจ้าตัวยกเข้ามาวางติดกับโต๊ะของเขาแค่สองคนเท่านั้น
"ใช่ แล็ปท็อปของมาร์คัสที่ยึดเป็นของกลางมาเมื่อวันก่อน" อีกฝ่ายยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ แม้เสียงที่ใช้นั้นจะไม่ได้ดังอะไรนักแต่มันก็มากพอที่จะทำให้เขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินอย่างชัดเจน "แฟ้มประวัติอาชญากรรมของเชสเตอร์ อัน...ถ้าได้มาก็ดีนะ โลแกนบอกคุณเหรอว่าเขาจะไปขอมาจากแอลเอพีดี? อ้าว งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมเข้าไปค้นในฐานข้อมูลประวัติอาชญากรของเอฟบีไอเองดีกว่า จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณเยอะ"
แดนเนลนั่งฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดอยู่นิ่ง ๆ การที่เจย์เดนนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ข้างเขาแทนที่จะลุกออกไปคุยด้านนอกนั้นหมายความว่าเรื่องที่อีกฝ่ายกำลังคุยอยู่กับคนที่อยู่ในสายไม่ใช่ความลับอะไร อีกทั้งเขายังพอจับใจความคร่าว ๆ จากคำพูดช่วงต้นได้ว่ามันเกี่ยวกับแล็ปท็อปของมาร์คัสซึ่งเป็นสิ่งที่เขากำลังต้องการ เขาจึงเลือกให้ความสนใจกับการสนทนาของอีกฝ่ายมากกว่างานที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง
"นอกจากแล็ปท็อปแล้วผมยังอยากได้สิทธิ์ตรวจสอบหลักฐานที่ได้มาจากการบุกค้นเซิฟเวอร์ของดาร์กเว็บเมื่อวันก่อนด้วย โยนาธานกำลังตรวจสอบมันอยู่ใช่ไหม? ผมจะได้ไปคุยกับเขาเลย ส่วนเรื่องรายงานการสอบสวนของมาร์คัสผมจะรีบเขียนให้เสร็จแล้วส่งไปให้ แค่อยากโทรมาบอกคุณเอาไว้ก่อนน่ะเพราะทางนี้ต้องการแล็ปท็อปนั่นด่วนที่สุด ถ้าได้ภายในวันพรุ่งนี้เลยยิ่งดี" เจย์เดนเอ่ยธุระของตัวเองจนจบในรวดเดียว สีหน้าของเขาไม่ได้เคร่งเครียดมากเท่าไหร่นัก นั่นหมายความว่าการขอตรวจสอบหลักฐานของเขาในครั้งนี้ราบรื่นไร้ปัญหา "ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องเอามาให้หรอก เดี๋ยวผมเข้าไปเอาที่สำนักงานเอง จะได้แวะไปคุยกับโยนาธานด้วย แต่ยังไงก็ฝากคุณช่วยดำเนินการเรื่องขอของกลางให้หน่อยนะ ขอบคุณมาก"
"ว่าอย่างไรบ้างเหรอคุณ? เรื่องแล็ปท็อปกับหลักฐานของดาร์กเว็บที่ผมขอไปน่ะ"
แดนเนลเป็นฝ่ายเกริ่นถามขึ้นมาแม้ว่าเขาพอจะเดาคำตอบได้บ้างแล้วก็ตาม และนั่นก็ทำให้เจย์เดนที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ในมือหันมาคุยกับเขาที่กำลังรอฟังอยู่ เกี่ยวกับเรื่องบทสนทนาเมื่อครู่ระหว่างเจ้าตัวและหัวหน้าทีมของทางเอฟบีไอ
"ผมขอแล็ปท็อปของมาร์คัสมาให้คุณเรียบร้อยแล้วนะ" อีกฝ่ายเอ่ยขึ้น และนั่นก็ถือเป็นคำตอบที่ชวนให้คนฟังรู้สึกพึงพอใจไม่น้อย "แต่เรื่องหลักฐานจากดาร์กเว็บอาจจะยากหน่อย เพราะทางเอฟบีไอเองก็กำลังตรวจสอบอยู่เหมือนกัน"
"เป็นเพราะมันเกี่ยวข้องกับคดีของเชสเตอร์ อันด้วยใช่ไหม?"
"ใช่" เจย์เดนพยักหน้ารับ "ผลดีเอ็นเอจากเศษผิวหนังที่ได้จากซอกเล็บนั่นน่าจะใช้เวลาอีกวันสองวัน ระหว่างนี้เลยต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่น ๆ ในคดีไปก่อน แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมรู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนตรวจสอบหลักฐานพวกนี้พอดี คุณสามารถเข้าร่วมทีมตรวจสอบหลักฐานกับเขาได้เลย แค่คุณจะเอามันกลับมาที่นี่ด้วยไม่ได้เท่านั้น"
"แปลว่าพรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปที่สำนักงานเอฟบีไอกับคุณด้วยสินะ"
"ใช่แล้วล่ะ"
"โอเค" แดนเนลพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนที่ริมฝีปากเรียวของเจ้าตัวจะพึมพำอะไรออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก "เหลือแค่เข้าห้องน้ำด้วยกันอย่างเดียวแล้วนะคุณรู้ไหม? เราสองคนน่ะ"
"หือ? คุณว่ายังไงนะ?" เจย์เดนย้อนถามในสิ่งที่เขาได้ยินไม่ถนัด "เมื่อกี้นี้"
"ผมบอกว่าเราสองคนน่ะตัวติดกันตลอดเวลาจนเหลือแค่เข้าห้องน้ำด้วยกันอย่างเดียวแล้วนะที่ยังไม่ได้ทำ"
คำตอบที่เน้นย้ำและชัดเจนทุกถ้อยคำนั้นทำเอาคนฟังถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ และมันก็ยิ่งทำให้สีหน้าของแดนเนลนั้นยิ่งมุ่ยลงไปกว่าเดิมด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
"น่า...อย่างน้อยก็ยังดีที่เหลืออีกตั้งหนึ่งอย่างนะคุณที่เราไม่ทำน่ะ ผมว่าคุณคงไม่อยากเข้าห้องน้ำพร้อมผมหรอกใช่ไหมล่ะ เพราะอย่างนั้นผมยกเว้นเรื่องนี้ให้เรื่องหนึ่งแล้วกัน"
รอยยิ้มขันยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของผู้พูด เช่นเดียวกันกับสีหน้าบึ้งตึงของผู้ฟังที่เป็นคู่สนทนา ทว่าน่าแปลกที่มันไม่ได้สร้างความกลัวให้กับคนมองอย่างเจย์เดนเลยสักนิด กลับกันด้วยซ้ำ มันยิ่งชวนให้เขารู้สึกอยากแกล้งเย้าแหย่อีกฝ่ายจนใบหน้านั้นยิ่งงอง้ำขึ้นกว่าเดิม
"ก็ขอบคุณแล้วกันที่ยังละเว้นให้กันบ้าง"
แดนเนลอดที่จะกระแหนะไม่ได้ ดวงตากลมจับจ้องไปยังใบหน้าเปื้อนยิ้มของอีกฝ่ายที่ยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งทวีความรู้สึกหงุดหงิดในใจ นาทีนั้นเขานึกอยากให้เจย์เดนกลายเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบเอาเสียมาก ๆ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ละเลยการจับตามองเขาไปเสียบ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่มีทางเป็นไปได้ง่าย ๆ
ตึกสำนักงานสอบสวนกลางยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเดิมเช่นทุกครั้งยามที่เจย์เดนก้าวเข้าไปในตัวอาคาร สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเงียบสงบดี ทว่ากลับมีเค้าลางแห่งความวุ่นวายของการทำงานที่รีบเร่งแข่งกับเวลาแฝงเร้นอยู่ทั่วทุกบริเวณ
ร่างสูงของเจ้าหน้าที่หนุ่มผู้เป็นเจ้าถิ่นนั้นเดินนำร่างผอมโปร่งของแดนเนลที่มีบัตรผู้มาติดต่อห้อยอยู่ที่คอ แต่เพราะการชะลอฝีเท้าเพื่อให้อีกฝ่ายก้าวเดินตามได้ทันของเขา จึงทำให้ดูเหมือนพวกเขาสองคนกำลังเดินเคียงข้างกันเสียมากกว่าเดินตามหลังกัน จุดมุ่งหมายของทั้งคู่คือห้องทำงานของโยนาธานที่เจย์เดนได้ทำการโทรศัพท์มานัดหมายเอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวาน และเมื่อไปถึง พวกเขาก็พบว่าผู้เป็นเจ้าของห้องนั้นกำลังนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงานของตน
โยนาธานที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมวิศวกรความปลอดภัยด้านระบบเครือข่ายของเอฟบีไอนั้น เป็นชายร่างสมส่วนที่สูงไล่เลี่ยกันกับแดนเนล และมีรอยยิ้มกว้างเสียจนตาปิดที่ดูเป็นมิตรไม่น้อยประดับอยู่บนใบหน้า
การแนะนำตัวกันของแดนเนลและโยนาธานนั้นเริ่มต้นขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าแดนเนลจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ มาแล้วหลายต่อหลายคนในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ทว่าประสบการณ์เหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้ความกระอึกกระอักของเขาลดลงเลยแม้แต่น้อย
เขารู้สึกเหมือนวงสังคมของตนเองนั้นเริ่มจะแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วเสียจนเขาชักจะตั้งรับไม่ทัน เขาไม่ใช่คนที่จะปรับตัวเข้าหาคนอื่นได้โดยง่ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ลึก ๆ แล้วแดนเนลรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่มีอัธยาศัยดีอะไรขนาดนั้น เขาไม่ใช่คนที่เก่งในเรื่องการรักษาความสัมพันธ์เลยสักนิด ซึ่งทั้งหมดนี้แหละที่ทำให้เขารู้สึกว่าการได้ทำความรู้จักใครสักคนนั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเขาเสียเหลือเกิน
"ผมได้ยินชื่อคุณมานานมาก" โยนาธานเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม "ผมดีใจมากจริง ๆ นะที่ในที่สุดก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณ"
"กับผมน่ะเหรอ?"
แดนเนลย้อนถามอีกฝ่ายกลับไปอย่างประหลาดใจ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจเข้าร่วมกับซีไอเอนั้น ไม่เคยมีใครแสดงท่าทียินดีที่จะร่วมงานกับเขาอย่างชัดเจนเหมือนกับที่โยนาธานกำลังแสดงออกอยู่ในขณะนี้มาก่อนเลยสักคน แม้กระทั่งไทรอนเองก็ไม่ถึงขนาดนี้
ชื่อเสียงของดีบีดีนั้นแผ่ขยายไปจนทั่วด้วยอำนาจของสื่อ ทว่ามันก็ถูกต่อท้ายมาพร้อมกับคำว่าอาชญากร สถานะดังกล่าวที่พ่วงเข้ามานั้นอาจทำให้เขายิ่งเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ๆ ในอันโนว ทว่าสำหรับที่ที่เขากำลังยืนอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
การได้รับการยอมรับจากผู้อื่นนั้นถือเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถเสริมสร้างความภาคภูมิใจ ซึ่งแดนเนลเคยได้รับมันอย่างล้นหลามในสมัยที่เขายังโลดแล่นอยู่ในอันโนวพร้อมกับอดีตคู่หูอย่างริชาร์ด และมันก็ได้กลายมาเป็นรากฐานของความเชื่อมั่นในตัวเองที่หนักแน่นและมั่นคงให้กับเขา ความมั่นใจดังกล่าวทำให้เขาเชื่อเหลือเกินว่าเขาจะสามารถพุ่งทะยานไปยังเป้าหมายที่เขาต้องการได้ในสักวัน
แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผัน เขากลายเป็นคนทรยศเมื่อตัดสินใจก้าวออกมายืนอยู่อีกฝั่งฟากกับตัวเองในอดีต ไม่มีที่สำหรับเขาอีกต่อไปในอันโนว ก่อนที่เขาจะค้นพบว่าซีไอเอนั้นก็ไม่ใช่ที่สำหรับเขาเช่นกัน
ความจริงก็คือ
ไม่มีที่ใดเลยที่เป็นที่สำหรับเขา
แดนเนลรู้ทุกอย่างนี้ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นเขา ยังทำในสิ่งที่ตนเคยทำได้เป็นอย่างดีและไม่บกพร่อง รวมถึงยังคงมีเป้าหมายที่ตั้งอยู่ในจุดเดิม สูงตระหง่าน เด่นชัด ท้าทายและรอคอยให้เขาไปพิชิต
ทว่านั่นล่ะ...ความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะสามารถทำมันได้สำเร็จอย่างแน่นอนเช่นแต่ก่อนของเขานั้นค่อย ๆ ถูกบั่นทอนลงไปทีละนิดจนแทบไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป มันจางหายไปตามกาลเวลาและไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้อีก
กระทั่งวันนี้ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาบอกว่าดีใจที่ได้ทำงานกับเขา มันเหมือนน้ำสะอาดจากเหยือกเล็ก ๆ ที่รินรดลงไปบนผืนทราย แน่นอนว่ามันไม่อาจเติมเต็มได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยย้ำเตือนให้เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเขาเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้เคยเป็นอย่างไร และระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ได้เปลี่ยนแปลงเขาไปมากขนาดไหน
"ใช่ ถ้าคุณคือดีบีดีก็คุณนั่นแหละ"
"ผมเองก็ดีใจเหมือนกัน"
ความรู้สึกด้านบวกที่แดนเนลมีต่ออีกฝ่ายนั้นทำให้เจ้าตัวเอ่ยตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรที่ทำให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งน่ามองมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
[tbc.]
***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
________________________________________
มาช้าและมาสั้น 55555555555555
คสพ.ของทั้งคู่เป็นแบบผังคอนอซท.ค่ะ
คือเป็นไปอย่างช้าช้าาาาาาาาาาาาาาาา
ตอนนี้ชักไม่แน่ใจละว่าคอนอซท.นี่จัด 06/2019 หรือ 06/2020 กันแน่
คือมันจัดปีนี้ไม่ใช่ปีหน้าใช่ปะ
แล้วทำไมผังคอนถึงยังไม่ออกกกกกก!!!
มารอดูกันค่ะว่าระหว่างตอนหน้ากับผังคอน อะไรจะมาก่อนกัน
#ฟิควรบจด
how to comment ใน minimore
Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
ชีวิตคนเรามีอะไรมาบั่นทอนได้ตลอด จนต่อให้ที่ผ่านมามุ่งมั่นขนาดไหนแบบแดนเนล มันก็ต้องมีเขวไปบ้าง ยิ่งเคยมีบางอย่าง แล้วตอนหลังมาเสียไปก็ยิ่งเจ็บ แต่เราดีใจที่แดนเนลได้เจอคนที่ยอมรับและจะมาเป็นพลังบวกในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ นะคะ รอบตัวคือแหล่งกำลังใจที่สำคัญจริง โยนาธานนี่ไม่ได้มีแต่ healing smile แต่คำพูดยังมีพลังเยียวยา มีความจริงใจมาก ในที่สุดแดนเนลก็ไม่โดนตัดสินจากภาพลักษณ์ดีบีดีและเจอคนที่พร้อมยอมรับ คือโยนาธานเหมือนย้ำว่ารู้ว่าแดนเนลคือดีบีดีและเขาก็แสดงความดีใจที่จะได้ทำงานด้วยกัน คิดถึงกำลังใจที่แดนเนลได้กับรอยยิ้มแล้ว เราก็มีความสุขไปด้วยเลย
ส่วนคุณกระต่ายป่าหน้ามุ่ยนี่ช่างน่าเอ็นดูซะจริงๆ อิจฉาเจย์เดนที่มีแดนเนลอยู่ในสายตา ได้มองตลอดยกเว้นเวลาเข้าห้องน้ำ ฮ่าๆๆๆ
ปล. ไรท์ดูงานโหดเป็นพิเศษในช่วงนี้ ขอส่งกำลังใจให้นะคะ นอกจากคนดีๆ รอบตัว ติ่งอย่างเราๆ ก็โชคดีที่มีน้องๆ เป็นแหล่งพลังบวกเพิ่มมาอีกแหล่งเนอะ