เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Scuba Divingherlonelyplanet
Underwater First Breath รีวิวเรียนดำน้ำฉบับละเอียดมากกกกกกก(x100)
  •           **ไม่มีรูปภาพ เนื้อหาล้วนและละเอียดมาก**


              ถ้าพูดถึงทะเล สิ่งที่พลาดไม่ได้แทบทุกครั้งที่ออกทริปคงเป็นการดำน้ำ ซึ่งเราโคตรเบื่อกับการใส่ Snorkel mask ดำผุดดำว่ายกับคนเป็นสิบๆ  โอเค ครั้งแรกๆ ที่ไป Snorkelling อาจจะสนุก ตื่นเต้นกับปะการังใต้น้ำ แต่พอไปหลายๆ ครั้งเข้าก็เริ่มรู้สึกว่า... น่าเบื่อว่ะ

              ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน จำไม่ได้แล้วว่ามันอะไรยังไงแต่มีโอกาสได้ไปดำน้ำลึก หรือที่เรียกว่า Scuba Diving ที่เกาะช้าง ซึ่งปกติแล้วไม่ใช่ว่าใครจะไป Scuba Diving ก็ได้นะ คุณต้องมีบัตรอนุญาตดำน้ำ นั่นหมายถึงคุณต้องเรียนหลักสูตรดำน้ำลึกก่อน แต่ก็นั่นแหละ ถือว่าเราโชคดีที่มีโอกาสได้ลงทั้งที่ตอนนั้นยังเด็กและไม่มีใบอนุญาตด้วยซ้ำ และบอกได้เลยว่า ติดใจมากกกกกกกกก(ๆๆๆ)


              หลังจากนั้นมา Scuba Diving เลยเป็นอะไรที่เราอยากทำมาตลอด แต่ก็ติดนู่นติดนี่ ไม่มีเงินบ้างล่ะ ไม่มีเวลาบ้างล่ะ ยังไม่มั่นใจในตัวเองบ้างล่ะ ต่างๆ นาๆ จนทำให้เวลาล่วงเลยมาหลายปีขนาดนี้ จนในที่สุด...ระยะเวลา 5 เดือนก่อนมหาลัยเปิดเทอมของเราก็มาถึง เราสอบติดในรอบรับตรงแล้วเรียบร้อย เราเลยตั้งใจไว้ว่าปิดเทอม 5 เดือนนี้จะทำอะไรที่ไม่เคยทำให้ได้มากที่สุด อย่างแรกที่เราเริ่มคือการหางาน part-time ทำซึ่งเราโชคดีมากที่ได้งานที่ดีและเจ้านายที่ดี เราไปลงคอร์สต่อยมวย จากนั้นก็ลงใต้ไปลองเล่นเซิร์ฟ ส่วนอีกอย่างที่สำคัญมากสำหรับเราและเราพูดมาตลอด ม.6 เทอม 2 คือไปเรียนดำน้ำ 

              ไม่รู้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหนกันมาบ้างหรือเปล่าว่าเกาะเต่าคือที่ที่ค่าเรียน Scuba diving ถูกที่สุดในโลกแล้ว เราก็เริ่มต้นจากการหาที่เรียนดีๆ สักที หลักๆ เลยเราก็ดูที่ราคานั่นแหละ 55555 จนสุดท้ายเราก็ตัดสินใจไปเรียนกับ Scuba Shack เหตุผลคือ เราโทรไปหา เจ้าของให้ข้อมูลและบริการดีมากๆ อีกทั้งราคายังถูกที่สุดอีกต่างหาก ราคาที่เราได้อยู่ที่ 8,000 บาท เอาล่ะ พอได้ที่เรียนแล้วก็เริ่มดูที่พัก เราพักที่ Indie Hostel ไปคนเดียวเลยพัก hostel มันซะเลย ไอ้เพื่อนชวนแล้วชวนอีกมันก็ไม่ไป แต่ไม่รอแล้วโว้ย!! จริงๆ ที่Scuba shack ก็มีเป็นคอร์ส + ที่พัก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 9,xxx ต้นๆ เราว่าคุ้มนะถ้าอยากไปแบบประหยัดจริงๆ แต่แบบเราเป็นพวกเรื่องมากเรื่องที่อยู่นิดหน่อย ที่ Indie Hostel ดูใหม่และสะอาด ทุกอย่างดูโอเคกว่าเลยยอมจ่ายราคาแพงกว่าไป



              พอวันเดินทางมาถึง... จัดการเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าซะแล้วก็ไปขึ้นรถที่ถนนข้าวสาร เราไปกับบริษัทเรือเร็วลมพระยาเพราะเราว่ามันสะดวกสุดละ ราคาก็อยู่ที่เที่ยวละ 1,100 บาท ไปกลับก็ 2,200 บาท เราไปกับรถบัสรอบดึก ออกจากกรุงเทพตอน 3 ทุ่ม นั่งหลับจนคอเคล็ดกันไปยาวๆ กว่าจะถึงก็ตี 5 กว่าเรือข้ามฝั่งจะมาก็ปาไป 7 โมงเช้า ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือของลมพระยาที่จังหวัดชุมพรไปถึงเกาะเต่าประมาณ 2 ชั่วโมง พอไปถึงปุ๊บก็มีบริการรับส่งจากทางโรงเรียนสอนดำน้ำมารับ (บริการดีมากกก ประทับใจสุด) ไปส่งที่โรงเรียนก่อน ไปถึงก็ไปจ่ายเงินค่าเรียนทั้งหมด 8,000 บาท ฟังเงื่อนไขต่างๆ ประมาณว่าจะไม่รับผิดชอบนะถ้าไม่ฟัง/ไม่ทำตามที่ครูบอก (ลืมว่ามีอะไรบ้าง เยอะมาก) แล้วก็มีให้ติ๊กว่าเราเป็นโรคอะไรไหม เซ็นนู่นนี่นิดหน่อยก็เรียบร้อย แต่... เท่าที่รู้ ณ ตอนนั้นคือมีเราคนเดียวที่มาเทคคอร์สนี้


              การเรียนวันแรกจะเป็นการเรียนทฤษฎี เราต้องเรียนทฤษฎีทั้งหมด 5 บทด้วยกัน ช่วงประมาณ 4 โมงเย็น หลังจากเราไปแต๊ดแต๋มาเสร็จแล้วก็มาเจอกันที่โรงเรียนเพื่อเริ่มเรียนทฤษฎีบทแรก พอมาถึงก็อุ่นใจ มีเพื่อนเรียนเพิ่มถึง 4 คน แต่เขามากันเป็นคู่ไง!! 

    ส่วนตรูก็เป็นคี่!!


              การเรียนทฤษฎีประกอบไปด้วยวิธีลงใต้น้ำ, วิธีขึ้นสู่ผิวน้ำ, การเคลียร์หน้ากาก, ภาษามือ, การมองเห็นสิ่งต่างๆ ใต้น้ำ, สิ่งมีชีวิตใต้น้ำ, การจัดการกับอาการหูอื้อ (การ Equalize), อุปกรณ์ต่างๆ ในการดำน้ำ, อาการที่อาจเกิดขึ้นได้จากการ scuba diving , การคำนวณ ซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายคร่าวๆ ให้ฟังที่ย่อหน้าต่อไป

              ที่พูดมานั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดนะ แต่เป็นสิ่งที่เราเรียนในภาคทฤษฎีหลักๆ ซึ่ง!! เราเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่ในเกาะเต่าจะเป็นภาษาอังกฤษหมด แต่รู้สึกจะมีโรงเรียนที่มีสอนภาษาไทยอยู่ด้วย วิดิโอที่ดูเป็นภาษาอังกฤษ ส่วน textbook เราใช้สองเล่มคือภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยอ่านหรอกใน textbook เพราะเขาจะให้ชีทมา เป็นคำถามประมาณ 10-20 ข้อ (แล้วแต่บท) ประมาณว่าให้เราดูไปด้วยแล้วทำไปด้วย เราเลยต้องดึงสติกันให้แน่วแน่นิดนึง วอกแวกแปบเดียวมีหลุดนะจ๊ะ!! คำถามก็ไม่ยากมากถ้าเราตั้งใจฟัง คือคำถามก็มาจากในวิดิโอนั่นแหละ

              เนื้อหาก็ไม่มีอะไรม๊ากกกก ฟิสิกส์นิดหน่อย เป็นทฤษฎีง่ายๆ ที่เราเคยเรียนในห้องนั่นแหละ เช่น ความดัน การหักเหของแสงทำให้เห็นปลาตัวใหญ่กว่าเดิมงี้ การดูดกลืนแสงอะไรงี้ แต่มันไม่ได้ลงลึกนะ ส่วนเรื่องวิธีการลงใต้น้ำ ก็จะเรียนว่าต้องทำยังไง คือเราต้องค่อยๆ ให้ตัวเองจมไปใต้น้ำทีละนิด ต้อง equalize ยังไง (เวลาหูอื้อ ที่บีบจมูกแล้วหายใจออกแก้หูอื้อ นั่นแหละคือ equalization) แล้วเวลาอยู่ใต้น้ำมันคือการควบคุมสติเลยนะเราว่า ถ้าเราสติแตกมันจะอันตรายมาก พยายามอย่า panic แบบว่าถ้าคุณทำตามที่เรียนมา มันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เวลาขึ้นจากน้ำต้องทำยังไงบ้าง ถ้าเกิดอากาศหมด หรือมีกรณีฉุกเฉินที่ต้องขึ้นมาสู่ผิวน้ำ เราควรทำยังไง มีกี่วิธี เขาจะสอนให้หมด เช่น เวลาอากาศของเราหมดแล้วเราอยู่กับบัดดี้ ให้ใช้อากาศของบัดดี้แล้วพากันขึ้นสู่ผิวน้ำเลย เพราะการดำน้ำมันเหมือนเป็น buddy system ถ้าคุณดำน้ำ คุณต้องมีบัดดี้ 

              ในคอร์ส Open Water จะสอนเรื่องเหตุการณ์ฉุกเฉิน อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ หรือกรณีอีกมากมายด้วยนะ แต่เราคิดว่าน่าจะไปเจาะลึกที่คอร์ส Advanced / Rescue มากกว่า อันนี้เลยเป็นเหมือนแค่เบื้องต้นให้พอรู้เฉยๆ แต่สิ่งที่พีคสุด! เงิบสุด! คือคำนวณจ้า ไปไหนก็มีคำนวณ หนีไม่พ้นใช่ม้ายยยย 

              ไอคำนวณที่ว่าเนี่ยก็แค่บวกๆ แหละ แต่มันสับสน ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากเพราะมันต้องเปิดตารางอะไรสักอย่างนี่แหละ ก็จะประมาณว่า ถ้าเราดำลงไปที่ความลึก 16m เป็นเวลา 24 นาที ขึ้นพักบนบกเป็นเวลา 30 นาที dive ต่อไปดำลึก 18m เป็นเวลา 15 นาที ร่างกายเราจะรู้สึกว่าเราดำน้ำมาแล้วเป็นเวลากี่นาที อะไรประมาณนี้อะแก!!! คือปกติถ้าเราดำน้ำหลายๆ dive ต่อกัน ร่างกายจะรู้สึกว่า dive ที่ 2 ยาวนานมากกว่า dive 1 ทำนองนี้

              ถ้าถามว่า "พอได้ภาษาอังกฤษ แบบนี้จะเรียนไหวไหม" คือเราว่าภาษาอังกฤษต้องอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมากเลยนะถ้าคิดจะไปเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เกาะเต่า ถ้าไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ว่ามาก็จะลำบากหน่อยเพราะต้องดู textbook ไปด้วย หรือกลับไปอ่าน textbook เอง ซึ่งไปเกาะ ไปเที่ยว เราก็อยากใช้เวลาออกไปแต๊ดแต๋อยู่แล้วถูกปะ คงไม่มีใครอยากนั่งอ่าน textbook ประหนึ่งสอบปลายภาคหรอกเนาะ หรือถ้าจะมาเรียนจริงๆ ก็หาสถาบันที่มีหลักสูตรภาษาไทยจะดีกว่า (ถ้าสถาบันที่กรุงเทพก็แบบ 15,000อ่ะ **ไม่รวมค่าเดินทาง ที่พัก ค่ากิน) 

              เข้าเรื่องต่อ วันแรกเรียนทฤษฎีตอนเย็น 2 ชั่วโมง วันต่อมาเราก็มาเรียนทฤษฎีกันต่อครึ่งวันเช้าแต่วันนี้จะมีครูมาคอยอธิบายหลังจากวิดิโอจบ ตรงไหนไม่เข้าใจ ข้อไหนผิด จากนั้นอีกครึ่งวันเราจะออกทะเลกันครั้งแรกจ้า การออกทะเลในวันที่ 2 ของการเรียนนี้เป็นการออกไปทดสอบ skill ที่เราได้ร่ำเรียนมาแล้วในบทที่ 1,2,3 นั่นเอง โชคดีมากที่วันนั้นอากาศเป็นใจ แดดเปรี้ยง ไร้ฝน เราเลยได้ออกไปฝึกภาคปฏิบัติกันในทะเล แบบมีคลื่น แบบมีแดด! (ถ้าอากาศ คลื่นลมไม่ดีจะฝึกในสระแทน) แต่ออกทะเลครั้งแรกไม่ใช่ว่าให้ไปที่ลึกเลยนะ ไปให้ที่ที่เราสามารถยืนถึง มันเหมือนการทำให้เรามั่นใจในตัวเองก่อนที่จะลงไปในที่ลึกๆ

               หลักๆ เราฝึก skill การลงสู่ใต้น้ำและการขึ้นสู่ผิวน้ำแบบเบื้องต้น การเคลียร์หน้ากากในกรณีที่น้ำเข้าหรือในกรณีที่หน้ากากหลุด การเคลียร์ท่อหายใจในกรณีที่หลุดออกจากปาก และการช่วยเหลือบัดดี้ในกรณีที่อากาศหมด เราจะบอกว่าการเคลียร์หน้ากากกับการเคลียร์ท่อหายใจนี่สำคัญมากกกกกนะ ซึ่งไอ้การเคลีร์หน้ากาก เราต้องยอมให้น้ำเข้าหน้ากากเพื่อฝึกเคลียร์น้ำออก หรือถอดออกเลย แล้วเราต้องทนลืมตาในน้ำทะเลให้ได้ ตอนแรกเรากลัวนะ แต่มันก็แสบหน่อยๆ เหมือนร้องไห้ใต้น้ำแค่นั้นเอง555555

              มาถึงวันที่สามของการเรียน ครึ่งเช้าก็เหมือนเดิมเรียนภาคทฤษฎีอีกสองบทสุดท้าย บทหลังๆ ก็ยากและซับซ้อนเล็กน้อยเพราะมันจะมีส่วนของการคำนวณและดูตารางอย่างที่บอกไปข้างบนด้วย แล้วก็มีเรื่องการดูเข็มทิศและอื่นๆ อีกยิบย่อย จากนั้นก็ได้ข้อสอบ Final exam มาทำ มีทั้งหมด 50 ข้อ ทางสถาบันก็ใจดีมากๆ ให้เราเอากลับไปทำได้เลยแล้วค่อยส่งวันต่อมา ครึ่งวันบ่ายเราออกทะเลกันเหมือนเมื่อวาน แต่คราวนี้จะเป็นที่ระดับความลึก 12 เมตร ซึ่งในวันนี้เราจะได้ equalize กันด้วยตัวเองเลย เพราะยิ่งลงไปลึกหูก็จะยิ่งอื้อถูกมะ แต่เราไม่ควรปล่อยให้หูอื้อจนรู้สึกเจ็บนะ อันตรายเลยแหละ วันนี้ก็ฝึก skill ต่างๆ เหมือนเดิม อาจมี skill เพิ่มมาแต่หลักๆ ก็อย่างที่เราบอกไปว่าสำคัญที่วิธีการขึ้น-ลงจากผิวน้ำ-ความลึก, เคลียร์หน้ากาก, Equalize อะไรพวกนี้  อ้อ..อีกอย่างที่ได้เรียนคือ Freediving

              Freediving คืออะไร? Masks on, Fins on and Jump! Free Diving ก็คล้ายๆ กัน Snorkelling นั่นแหละค่ะ แต่ว่า Snorkelling จะอยู่แค่ผิวน้ำ แต่ Free diving คือการมุดลงไปใต้น้ำโดยที่เรากั้นหายใจไว้ เหมือนที่เราชอบแข่งกับเพื่อนกลั้นหายใจในสระว่ายน้ำนั่นแหละ แบบนั้นเลย! 


              วันที่สี่...วันสุดท้ายแล้ว เราออกกันแต่เช้าไป Chumpon Pinnacle สิ่งที่ทุกคนคาดหวังจะได้เจอคือ Whale Shark หรือฉลามวาฬ หรือที่บรรดาครูเรียกติดปากกันว่า the big guy เมื่อสามสี่วันที่ผ่านมาทีม scuba shack ที่ออกไปดำน้ำตอนเช้าไม่มีใครเจอเลย แต่รู้สึกจะมีคนเจอที่ Southwest pinnacle ฮอลลลลล น่าอิจฉามาก มีความฝันอยากว่ายน้ำประกบคู่กับฉลามวาฬ T-T แต่โชคไม่ดีพอ วันนั้นเราไม่เจอ ไม่มีแม้แต่วี่แวว เศร้าเว่อร์ กลับเข้าเรื่องเรียนก่อน...วันสุดท้ายมีการเรียนฝึกดูเข็มทิศ การขึ้นสู่ผิวน้ำแบบฉุกเฉิน อะไรประมาณนี้ แต่ skill อย่างอื่นเราแน่นแล้ว วันนี้เลยเหมือนครูพาเราไปดำน้ำเล่นมากกว่า ที่เจอก็มีกระเบนลายจุด(จุดสีน้ำเงินด้วย น่ารักเชียว) , Angel fish, Longfaced fish ปลาอีกเพียบ แต่เศร้าาาาาไม่เจอฉลามวาฬ

              ความพีคของ dive สุดท้าย คือเหนื่อยมากกกกกกกก(x100) เมาคลื่นด้วย นอนไม่พอด้วย เหนื่อยสะสมจาก dive ก่อนด้วย เราไม่พูดกับใครเลยค่ะ รีบขึ้นจากน้ำให้เร็วที่สุดเพราะมันจะออกมาแล้วววว จะอ้วกอยู่แล้ว ฮือ แต่พอนั่งพักสักพักก็หายนะ เรานึกว่าเราเป็นคนเดียวที่เหนื่อยแทบตายใน dive สุดท้าย แต่จริงๆ คือทุกคนก็เป็นกันหมด 

              พอกลับมาที่สถาบันก็มาตรวจข้อสอบกัน ผลปรากฎว่าเราทำผิดไปทั้งหมด 6 ข้อ จากทั้งหมด 50 ข้อ บวกคำนวณอีก 10 ข้อ มาตรฐานของที่นี่คือคุณผิดได้แค่ 15 ข้อ หมายถึงว่าต้องทำให้ได้ 75% ของทั้งหมด สรุปแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ เราทำการลงทะเบียนขึ้นเป็นนักดำน้ำของ PADI กัน ทาง PADI จะส่ง E-mail มาทั้งหมด 4 E-mails เป็น E-book ให้ดาวน์โหลดเก็บไว้อ่าน (มีภาษาไทยนะคะ) แล้วเราก็ได้หนังสือดำน้ำมา เอาไว้บันทึกว่าเราไป dive ที่ไหน ความลึกเท่าไหร่ เวลาเท่าไหร่ เห็นอะไรมาบ้าง 


              เราถือว่าคุ้มนะ สนุกมาก ได้เจอคนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ แลกเปลี่ยน/ฟังแนวความคิดใหม่ๆ และเหนื่อยมาก 8,000 บาทไม่เสียดายเลย มาเสียดายก็ไอ้ตรงค่ากินนี่แหละ ของแพงม๊ากกกกกกก แล้วเกาะเต่าเหมือนไม่ได้อยู่ในประเทศไทยอะค่ะหาคนไทยยากมาก ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งกับพม่าซึ่งเราพูดภาษาอังกฤษกันหมด เพราะฉะนั้นถ้าจะมาก็เตรียมใจมาเลยค่ะ คนที่คุณคิดว่าเป็นคนไทย เขาอาจจะไม่ใช่คนไทย5555555

             "แปลกนะ ประเทศไทยมีปะการัง ธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่สวยงามมาก แต่ไม่ค่อยจะมีคนไทยมาเรียนดำน้ำกันเท่าไหร่เลย" คำพูดของครูสอนดำน้ำคนหนึ่งที่บอกเรา เพราะเราเป็นคนไทยไม่กี่คนที่มาเรียนดำน้ำกับที่นี่ เป็นคำพูดที่เราเก็บมาคิดและเราว่ามันก็จริงนะ เราเลยอยากเขียนอะไรสักอย่างให้คนอยากมาเรียนดำน้ำกัน แล้วก็หวังว่านี่จะเป็นไกด์ให้หลายๆ คนได้ค่ะ ไว้ไปออกทริปดำน้ำกัน :D




    PS. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเราอยู่ที่ประมาณ 15,560 บาท

          ค่าเรียนดำน้ำ 8,000
          ค่าที่พัก 4 คืน 2,360
          ค่ารถ 2,200
          ค่ากิน 3,000

    PS2. จริงๆ ไม่จำเป็นต้องจองไปก็ได้นะ สถาบันสอนดำน้ำที่เกาะเต่านี่อย่างกะเซเว่น walk-in เลยก็ได้จ้า เจ้าใหญ่ๆ จะเป็นพวก Ban's, Big blue, Asia diver, roctopus ไรงี้ แต่เราชอบอะไรที่มันแบบว่าเล็กๆแต่คุณภาพเต็มอะ เลยคิดว่าถ้าไปที่ใหญ่ๆ อาจจะคนเยอะมากเกินไป การเรียนดำน้ำที่ดี ไม่ควรเกิน 4 คนต่อกลุ่ม ซึ่งใน class เรามี 5 เลยแบ่งเป็น 3 - 2 แน่นอนว่ามันดีกว่าเรียนทีเดียว 5 คนอยู่แล้ว นับว่า scuba shack มาตรฐานดีเลยนะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in