เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เราไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่คนเดียวBUNBOOKISH
อี๊ผู้ปราศจากความหวาน





  • ตอนเด็กๆ ผมมักน้อยใจที่ผู้ปกครองของผมไม่ใจดีเหมือนผู้ปกครองของเพื่อน

    ผมอยู่กับป้าหรือที่ผมเรียกว่าอี๊ตามคำจีนแต้จิ๋วมาตั้งแต่เด็กอี๊เป็นผู้หญิงที่ห้าวคล้ายผู้ชาย พูดจาห้วนแต่ไม่หยาบ ด้วยน้ำเสียงและบุคลิกทำให้แม้อี๊จะพูดดีๆ ด้วยผมยังรู้สึกเหมือนโดนดุด่าตลอดเวลา

    “ก็กูเป็นแม่ค้าปากตลาด พูดเพราะๆ ไม่เป็น” อี๊เคยให้เหตุผลไว้อย่างนี้เมื่อผมถามว่าทำไมไม่พูดกันดีๆ

    อี๊ไม่เคยบอกรักหรือโอบกอด เต็มที่ก็แค่ลูบหัวหรือจับมือ แต่นานทีปีหนเท่านั้น ส่วนเวลาอี๊โมโหนี่ตัวใครตัวมัน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวควรอยู่ให้ห่างๆ ส่วนเวลาผมทำผิด สิ่งของรอบกายอี๊ทุกอย่างสามารถคว้ามาฟาดทำโทษได้หมด ไม่ว่าจะเป็น ไม้เรียว ไม้แขวนเสื้อ

    สิ่งที่อี๊เป็นช่างตรงกันข้ามกับผู้ปกครองของเพื่อนๆ ในวัยเด็กที่หอมแก้มลูกๆ กันอย่างเป็นธรรมชาติเวลามารับมาส่งที่โรงเรียน พูดจาอ่อนหวาน ซื้อของเล่นให้โดยไม่ต้องร้องขอ ยอมรับว่าตอนเด็กๆ ผมอิจฉาเพื่อนไม่น้อยที่มีพ่อแม่แบบนี้

    ตอนนั้น เวลาโดนอี๊ตี ผมมักจะแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียว ไม่ใช่เพราะเจ็บ ผมแค่รู้สึกว่าอี๊ไม่รักผม พอร้องไห้เสร็จ จึงค่อยลุกมากินกับข้าวที่อี๊เตรียมไว้ให้

    ฟังดูผมควรโตมาแบบเด็กเก็บกด แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เพราะผมไม่ได้ขาดความอบอุ่น นอกจากเรื่องขาดหวานอี๊ก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องกับการทำหน้าที่เสมือนแม่ เวลาเพื่อนบ้านคนอื่นว่าผม อี๊จะออกโรงเถียงปกป้อง ทั้งที่ประเด็นนั้นอี๊เคยด่าผมมาก่อน

    อี๊บอกว่า หลานกู กูด่าได้คนเดียว

    โตมา ผมค่อยๆ ซึมซับรายละเอียดการเลี้ยงดูจึงพบว่าอี๊เป็นคนโรแมนติกไม่น้อย การแสดงความรักของอี๊เหนือชั้นกว่าการบอกรัก หอมแก้ม หรือการซื้อดอกไม้ให้ด้วยซ้ำ ยกตัวอย่าง, ไม่กี่วันก่อนผมซื้อขนมกลับมานั่งกินที่บ้านเคล้าบรรยากาศทำงานในห้องนอนอี๊เห็นเข้าก็ถามว่ากินอะไร ชอบกินเหรอ หลังสิ้นคำตอบว่าขนมนี้มันเพิ่งมีขาย อร่อยดี ไม่กี่วันให้หลัง ขนมนั้นจำนวนหนึ่งโหลก็วางอยู่ที่บ้าน อี๊บอกเอาไปกินได้นะ พอดีซื้อมาไหว้เจ้าที่ที่บ้าน

    อะไรจะพอดีขนาดนั้นอี๊

    หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือนก่อน อี๊ได้ปีกไก่สดมาจากแผงของเพื่อนในตลาด เลยจัดแจงทอดให้ผมเป็นอาหารมื้อเย็น อี๊คงเห็นว่าปีกไก่มีไม่กี่ปีก ผมกินยังไงก็ไม่พอ อี๊จึงไม่ยอมแตะปีกไก่สักปีก

    อี๊บอกว่า กูไม่ชอบ กินไปเลยไม่ต้องกระแดะ ไม่กินเดี๋ยวเอาไปทิ้ง

    ยังห้วนเหมือนเดิมนะอี๊

    แต่ผมก็โตพอจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้โดยไม่มานั่งน้อยใจกับคำพูดขวานผ่าซาก ผมเลือกที่จะกินกับข้าวอย่างอื่น โดยเหลือปีกไก่ไว้ไม่กิน จนเมื่อผมอิ่ม ปีกไก่นั้นก็ยังอยู่ ผมลุกไปล้างไม้ล้างมือเป็นสัญลักษณ์ว่าสิ้นสุดมื้ออาหารของผมแล้ว

    เมื่อหันไปมองจึงเห็นภาพอี๊ตักปีกไก่นั้นเข้าปาก

    ถ้าถามอี๊ เดาไม่ยากว่าคำตอบคงหนีไม่พ้น ก็แค่เสียดาย ไม่อยากทิ้ง

    ความจริงเรื่องโรแมนติกแบบดิบๆ พวกนี้อี๊ผมก็ทำมาตั้งแต่ผมยังเด็ก แต่ตอนนั้นผมเด็กเกินกว่าจะเข้าใจสัญลักษณ์เหล่านี้ คิดว่าการแสดงออกว่ารักมีแค่การบอกรัก โอบกอด หรือหอมแก้ม หรือพูดอีกอย่างคือ ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าการบอกรักเป็นเพียงวิธีหนึ่งของการบอกรัก

    เพียงแต่การบอกรักแบบอี๊นั้นเสี่ยงอย่างยิ่งที่อีกฝ่ายจะไม่รับรู้

    แต่สำหรับผู้หญิงสายห้าวแบบอี๊ แค่ผมได้รับก็คงพอแล้ว ไม่รู้ไม่น่าใช่ปัญหา.




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in