่

Glass Animals  ลบล้างคำสาปอัลบั้มสองไปเสียหมดสิ้น เพราะ How To Be A Human Being  ท็อปฟอร์มมาก จนเราเลือกไม่ได้ว่าชอบเพลงไหนที่สุด Dave Bayley  (ร้องนำ/กีต้าร์) เล่าให้ฟังว่าอัลบั้มล่าสุดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของผู้คนมากหน้าหลายตาที่เขาเจอระหว่างทัวร์อัลบั้มแรก Zaba หรือตามงานปาร์ตี้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ แฟนเพลง ฯลฯ คนเหล่านี้มี eager ที่จะเล่าความลับให้คนแปลกหน้าอย่างเดฟฟังมากกว่าคนสนิท ซึ่งเดฟคิดว่าน่าสนใจดีจึงอัดเสียงไว้ในโทรศัพท์เพราะกลัวลืม "บางคนเล่าเรื่องน่ากลัวเหล่านั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และถึงแม้ว่าพวกเขาเล่าเรื่องที่มีความสุข แน่นอนว่าคุุณคงสัมผัสได้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น" ดังนั้นเขาจึงหยิบเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังนั้นมาเล่าผ่านคาแร็กเตอร์ที่เขาสร้างขึ้น 

แต่ละเพลงในอัลบั้มมีคาแร็กเตอร์แตกต่างกัน นั่นหมายความว่า 11 เพลง 11 คาแร็กเตอร์ ซึ่งเดฟถึงขั้นวาดรูปแต่ละคาแร็กเตอร์ออกมาเลยว่าพวกเขาใส่เสื้อผ้าอะไร กินอะไร เวลาว่างชอบทำอะไร หลังจากนั้นเดฟกับ นีล ครัก (ผู้กำกับเอ็มวีเพลง Life Itself และ Youth) ก็แคสต์นักแสดง 11 คนให้เหมาะสมกับแต่ละคาแร็กเตอร์ ให้พวกเขาได้อ่านบทนิดหน่อยแล้วก็ให้สวมบทบาทนั้นถ่ายรูปออกมาเป็นรูปครอบครัวที่โคตร awkward อย่างที่ทุกคนเห็นบนปกอัลบั้ม 

 

How To Be A Human Being  มีทั้งหมด 11 เพลง ได้แก่

1. Life Itself

ถ้าไม่คำนึงถึงความดาร์กของเนื้อเพลง ถือว่าเพลงนี้สนุกทีเดียว เพราะจังหวะกลองที่ตาเดฟบอกได้แรงบันดาลใจมาจาก Lollywood  หรือหนังปากีสถานนั่นเอง ฟังแล้วนึกถึงตอนที่ตัวเองยังหางานไม่ได้ เต้นไปน้ำตานองหน้าไป

2. Youth

ซาวนด์เพลงนี้แปลกเพราะมีเสียงนกฮูกที่ทำเป็นซินธ์เพื่อให้คีย์บอร์ดเล่นเวลาไลฟ์ได้ เนื้อเพลงมาจากผู้หญิงคนหนึ่งเล่าเรื่องโหดร้ายที่เกิดกับลูกชายของเธอให้เดฟฟัง ขณะที่เล่าเธอร้องไห้ไปด้วย แต่เมื่อเล่าถึงช่วงที่มีความสุข เธอก็ยิ้ม เป็นเพลงที่ทั้งสุขและเศร้าในคราวเดียว   

3. Season 2 Episode 3

เพลงนี้สนุก มีซาวนด์เกมและการ์ตูนด้วย เราคิดว่าหลายคนน่า relate ได้ เพราะเราก็เป็นคนแบบในเนื้อเพลงเลย /ขำแห้ง 

4. Pork Soda

เพลงนี้สนุกมาก อินโทรเป็นที่กล่าวขาน Pineapples are in my head  รู้หรือไม่ว่าเดฟได้ท่อนนี้มาจากบทสนทนาของคนไร้บ้านกับคนแปลกหน้า ซึ่งเดฟบังเอิญไปได้ยินแล้วดันติดอยู่ที่หัว จึงเอามาแต่งเพลงซะเลย เดฟบอกว่ากลองที่ใช้ในเพลงทำมาจากถังขยะเก่า ๆ กับเศษโลหะที่เก็บได้แถวสตูดิโอ 

5. Mama's gun

เราโคตรชอบเพลงนี้ เดฟบอกว่าเสียงฟลุตตอนอินโทรได้มาจากเพลง Mr. Guder  ของ The Carpenters  ส่วนเนื้อเพลงได้มากจากคนขับแท็กซี่ที่เล่าว่าเธอเสพยามากเกินและคนขับรถบรรทุกกะกลางคืนช่วยไว้ เธอสลบเหมือดท้ายรถและตื่นมาในบาร์เปลื้องผ้าอีกรัฐหนึ่ง นอกจากนี้เธอยังไม่แน่ใจว่าเธอฆ่าคนตายด้วยหรือเปล่า

6. Cane Shuga

ชื่อเพลงเป็นสแลงของโคเคน การร้องเหมือนคนบ่นอะไรพึมพำเมื่อรวมกับดนตรีชวนมึนหัวแล้ว ลอยมาก

7. [Premade Sandwiches]

เราคิดว่า Glass Animals น่าจะสนุกกับการแต่งเพลงนี้ไม่น้อย เพราะเพลงนี้พูดถึงหลายเรื่องมาก เทรนด์ต่าง ๆ ที่หลายคนกำลังเห่อ ตั้งแต่อาหารสุขภาพ พวกเมล็ดเชีย ไปจนถึงเสื้อผ้าแบรนด์ Yeezy  ของ Kanye West 

8. The Other Side of Paradise

เพลงจังหวะช้า ๆ ฟังเพลิน เพลงพูดถึงผู้ชายที่ทิ้งผู้หญิงเพื่อไปเป็นร็อกแอนด์โรลสตาร์ 

9. Take a Slice

หลัก ๆ แล้วเพลงนี้พูดถึงความปราถนาในเรื่องอย่างว่า ซึ่งเป็นเรื่อง common มาก ในเว็บ genius มีคนบอกว่าเสียงกีต้าร์ตอนอินโทรเพลงมาจากเพลง Call It Fate, Call It Karma ของ The Strokes นาทีที่ 2.54 อีกด้วย    

10. Poplar St.

เพลงนี้พูดถึงความรักของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อ Mrs. Moore ที่ตอนแรกเบิกบานเหลือเกินเหมือนกับกีต้าร์ที่เล่นคลออย่างสงบ แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ กลายเป็นว่า Mrs. Moore ไม่ได้มีเขาคนเดียว เขาเป็นแค่หนึ่งในคนอีกหลายคนเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าตาสว่างนั่นเอง 

11. Agnes

เราชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้ม ฟังแล้วเศร้ามาก โดยเฉพาะท่อนนี้ Guess life is long when soaked in sadness, On borrowed time from Mr Madness 

สำหรับเรา How To Be A Human Being เป็นอัลบั้มที่สนุกเพราะเรารู้ว่า Glass Animals ก็สนุกที่ได้ทำอัลบั้มนี้เช่นกัน ในฐานะคนฟังเราชื่นชมทุกรายละเอียดที่ใส่มาแบบไม่ยั้งและการพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ มาเพิ่มให้แต่ละเพลงมีคาแร็กเตอร์ที่จัดจ้านขึ้น ขอบคุณหลายคนในทวิตเตอร์ที่ทวีตถึงวงนี้บ่อยมากจนเราต้องหามาฟังและตอนนี้ก็หยุดฟังไม่ได้แล้ว---

Sources :