เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
his dusky orange silhouette burns me bluesunrise king
his dusky orange silhouette burns me blue
  •  1


              ความสัมพันธ์ของเราจบในครึ่งปีที่สี่ ผมไม่เห็นเขาอีกเลยเจ็ดปีหลังจากนั้น

              วันนี้เป็นหนึ่งในวันสำคัญที่สุดสำหรับเพื่อนสนิทผมเขาฟันฝ่าอย่างหนักมาหกปีเพื่อความสำเร็จที่ออกดอกออกผลอย่างงอกงามในวันนี้แผลเหวอะหวะจากสงครามที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นเหล่านั้นถูกสวมทับด้วยชุดครุยสง่าผึ่งผาย ดูดีจนยากจะละสายตา สมบูรณ์แบบด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจของตัวเขาเองและครอบครัวประทับบนหน้า

    ผมใช้สายตาที่คอยสังเกตการณ์ว่าเขาล้มลุกคลุกคลานอย่างทุลักทุเลอย่างไรในสมรภูมิรบมองเขาอย่างชื่นชม

    เบื้องหลังที่น้ำตาคละเคล้าด้วยหยาดเหงื่อและเลือด

    เขาสมควรได้รับทุกอย่างแล้วจริงๆ

    ผมแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน (ต้องเจอคนรู้จักหน้าเก่าๆที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ผมต้องทำให้พวกเขาเห็นว่าผมเปลี่ยนไปในทางที่ดี)แต่เกรงใจที่ไม่ใช่เวทีของตัวเอง สปอร์ตไลต์ควรส่องไปที่นักแสดงหลักผมจึงไม่กล้าจัดเต็มนัก

    ผมยืนอยู่แถวๆ นั้นแหละ ช่วยเพื่อนถือของ ซื้อน้ำ เช็ดเหงื่อให้

    แล้วในทะเลฝูงชน เขาแทรกตัวผ่านคนคุ้นหน้าที่เคยเห็นบ่อยๆตอนมัธยมปลายมาอยู่ตรงหน้าผมใจผมร่วงไปกองอยู่แทบเท้า ความวุ่นวายรอบตัวลดเสียงลงจนไม่ได้ยินอะไรอีกเลย

    แค่ผมกับเขา

    เขาทักทายผม จากนั้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็บอกผมว่าเรายังเด็กเกินไปสำหรับรักในตอนนั้น อยากขอโอกาสเป็นครั้งที่สองในเมื่อตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็โตขึ้นแล้ว มันอาจจะได้ผล

              ผมอึ้งเกินกว่าจะพูดอะไร จึงเดินหนีเสียดื้อๆปัดหนังสือเรื่องการใช้มารยาทร่วงโต๊ะ

    ผมสะกิดบอกเพื่อนว่าขอตัว และด้วยใบหน้าที่ผิดสังเกตของผมเขาหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานก็ตระหนักถึงต้นเหตุของปัญหา

    แต่ผมเดินจากมาแล้ว

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ความรู้สึกท่วมท้นเกินไป

    ผมต้องอยู่เงียบๆคนเดียว

     

              พิธีการเป็นทางการในวันนั้นจบลง บรรยากาศเก่าๆ กับใบหน้าเดิมๆที่คุ้นเคยเริ่มดำเนินพิธีหวนรำลึกวันวานที่ร้านเหล้า

              อะไรจะดีไปกว่าการเฉลิมฉลองร่วมกับคนรู้ใจ

              คุณเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ รู้ว่าไม่ว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นที่ไหนมันจะสนุกเพราะมุกของคุณจะมีคนรับ และมุกของพวกเขาจะมีคนหัวเราะเรื่องที่คนอื่นจะตัดสินคุณอย่างรุนแรงจะกลายเป็นเรื่องน่าสนใจและสนุกสนานในวงเหล้าไปโดยอัตโนมัติ

    ยิ่งฉาวยิ่งเด็ด

    ของผมน่ะไม่มีหรอก แต่ได้ฟังเพื่อนๆ คุยกันอย่างออกรสผมก็มีความสุขแทบตายแล้ว

              คืนนั้นมึคนสองสามคนเข้ามาขอช่องทางติดต่อ แต่ผมไม่ได้ให้ไปผมไม่สนใจจะทำความรู้จักคนใหม่ๆ ในคืนนี้ ผู้คนที่นั่งรอบๆ ผมตอนนี้สำคัญที่สุดผมอยากทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปให้พวกเขาเหล่านั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติกับเวลาผ่านมาที่ไม่ได้ใช้ร่วมกัน

              ผมกระดกเบียร์จากแก้ว มองไปรอบๆ เขาปรากฏตัวในสถานที่เดียวกับผม อีกแล้ว สองครั้งในวันเดียวเกินไปหน่อยสำหรับคนที่เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันในอดีตและอดีตที่ว่าก็นานเกินกว่าจะจินตนาการออกว่าชีวิตนี้จะได้กลับมาเจอกันอีก

    เขามองผม ตั้งใจให้ผมรู้ตัว ผมเก็บสายตาคืน หันมาร่วมบทสนทนาในวงต่อแล้วผมก็ฉุกคิดได้ว่าเขาไม่เคยเห็นผมดื่มแอลกอฮอล์

    แต่เรื่องมันเปลี่ยนไปแล้วนี่นะ

    เพื่อนผมเห็นการท่าทีตื่นๆ ของผมก็ชะเง้อชะแง้ไปรอบๆ ร้านพอเห็นโต๊ะที่อยู่ตรงประตูก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้

    พวกเพื่อนผมเกลียดเขา เกลียดสิ่งที่เขาทำกับผม เกลียดความสัมพันธ์แย่ๆที่ทำให้ผมไม่เป็นผู้เป็นคน

    ผัวเก่ามึงจ้องมึงขนาดนี้นี่ยังไง” จักรวาล คุณหมอป้ายแดงเปิดประเด็น

    ไอ้นำทัพ วิศวะผู้เสนอห้องของมันให้ผมใช้เป็นที่พักในคืนนี้อย่างใจดีที่เริ่มกรึ่มๆ แล้วออกตัว “กลับห้องมั้ยคืนนี้ไม่กลับไม่เป็นไรนะ กูโอเค

    ไอ้เหี้ย คนรักเก่าเรื่องเซ้นซิทีฟมึงพูดได้หรอ” ไอ้สุ้ย ฝรั่งสายเลือดจีน ซีอีโอผู้รับไม้ต่อจากธุรกิจในครอบครัวตบเข้าที่ท้ายทอยไอ้นำทัพ รีบห้ามมันเพราะกลัวผมจะรู้สึกแย่

    ผมโบกมือไปมาพลางจิบเบียร์ในแก้ว “ไม่เซ้นซิทีฟหรอกกูแค่ไม่อยากสนใจ

    เนี่ย พี่ซันของเรา หาใหม่ๆคืนนี้เดี๋ยวกูดีลให้” นำทัพเอื้อมแขนมาคล้องคอผมผมปล่อยให้มันเอาศีรษะเราชิดกัน

    ดีลเหี้ยไรล่ะ ไม่เอาแล้วคืนนี้อยู่กับพวกมึง

    เวลาล่วงเลยมาจนดึกดื่น ผมขอตัวเพื่อนมาเข้าห้องน้ำหางตาสังเกตว่าคนที่อยู่ไกลๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน

    ผมรีบเข้าห้องน้ำย่อยแล้วล็อคประตูทำธุระส่วนตัวด้วยศีรษะที่เริ่มมึนงงพอออกมาก็เจอคู่กรณียืนพิงอ่างล้างหน้าหน้ากระจก

    จะไม่คุยกับพี่จริงๆ หรอ

    ผมอยากจะพ่นประโยค มีอะไรต้องคุยอีกวะ ใส่หน้าเขา แต่เดินไปล้างมือในอ่างริมสุดแทน

    เขาเดินเข้ามาใกล้ ผมชักเท้าหนีโดยอัตโนมัติพฤติกรรมการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูกทำให้ผมเข็ดหลาบเมื่อสถานการณ์มีเค้าลางว่าจะสร้างความเจ็บปวด

    เขาก้าวตามมา หลังผมติดกำแพง

    เขาโน้มตัวลง ยื่นใบหน้ามาใกล้เสียจนผมได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจเขา

    ซันยังรักพี่อยู่” เขาพูดหลังจากสังเกตแววตาของผมอย่างพินิจถี่ถ้วนความเศร้าจางๆ ฉาบบนนัยน์ตาแวววาวสีน้ำผึ้งต้องแดดหรือไม่อย่างนั้นก็เป็นเขาที่ดื่มเยอะเกินจนตาเยิ้ม หรือผมเริ่มมึนเมาจนจิตใจแยกแยะอะไรได้ไม่เฉียบคม

    พี่เอาอะไรมาแน่ใจ” ผมโพล่งออกไปในที่สุด

    สีหน้าเขาดูดีขึ้นเมื่อผมมีปฏิสัมพันธ์

    เพราะพี่รู้จักเรา

    อวดดี

    โทสะที่กักเก็บไว้โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ามีอยู่ในร่างระเบิดออกไล่จากชั้นใต้ดินจนถึงยอดระฟ้า ผมต่อยเขาไปหนึ่งหมัด

    ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากนักเพราะเป็นความรุนแรงที่ผมแสดงออกกับคนอื่นครั้งแรกในชีวิต

    ย้อนกลับมาคิดก็อยากจะต่อยให้แรงกว่านี้อีกเอาหัวเขาโขกกับกระจกจนกว่าจะแตก แล้วคว้าเศษกระจกมาปาดคอ ตายก็ลากศพหมกส้วม ไอ้เหี้ยเอ้ย

    เขาเรียกผมตอนที่ผมเดินออกมาด้วยหมัดที่ยังกำแน่นและใบหน้าแดงก่ำเสียงเพลงในร้านกลบทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังเกิดขึ้น

    ผมหันหลังให้เขาอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่เหลียวกลับไปมองแบบที่ผมคนเก่าจะทำ

             

     2

     

     

    เรานั่งตรงขอบประตูที่เชื่อมกับระเบียงแสงสีส้มอ่อนกำลังลงแล้ว เขานั่งอยู่เยื้องไปทางด้านหลังมองไปยังขอบฟ้าอันกว้างไกล ผมนั่งก้มศีรษะ กอดขาแนบอก เขี่ยนิ้วเท้ากับพื้น



    ผมบอกกับทุกคน กับตัวเอง ผมจะไม่มีทางกลับไปหาพี่อีกเด็ดขาด” ผมบอกความจริงแล้วช้อนสายตาขึ้นมองเขา ดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย



    เขาระบายยิ้มออกมาเหมือนได้ปลดปล่อยน้ำหนักบางอย่างออกจากบ่า “พี่ขอโทษ ตอนนั้นเราทะเลาะกันบ่อย

     

    ผมถามต่อ พี่เคยโทษตัวเองบ้างมั้ย?”

     

    ผมใช้นิ้ววาดเป็นรูปร่างอิสระที่มองไม่เห็นบนพื้น ไม่ใช่ว่าผมจะโทษพี่ฝ่ายเดียวนะ แค่อยากรู้”

     

    เขาเงียบขณะทอดสายตามองเวิ้งฟ้าไร้ขอบเขตในที่สุดก็เบนสายตามามองผม “ก็มีบ้าง

     

    ผมคอตกหัวเราะในความไร้เดียงสาของตัวเอง คนที่จะกุลีกุจอขอโทษกับเรื่องต่างๆเสียใหญ่โต มีแต่ผมฝ่ายเดียวเท่านั้นแหละ



    เขารู้ว่าอาการแบบนั้นของผมสื่อถึงอะไรทะลุก้อนเมฆความคิดที่ผมเอาศีรษะมุดเข้าไปอยู่ เสียงเขาเรียกความสนใจจากผมให้ออกมา มีหลายอย่างที่พี่ไม่ได้พูดแต่ไม่ได้หมายความว่าพี่ไม่ได้รู้สึกนะ ซัน

     

    ผมอยากรู้



    ผมจ้องเขาอย่างตั้งใจ



    เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ

     

     

    เช้าวันต่อมา ผมจมอยู่ในอ้อมกอดเขาเงยขึ้นมองใบหน้าเขาในระยะใกล้ ลมพัดเข้ามาผ้าม่านปลิดปลิวอย่างเงียบงันราวกับเกรงใจหากทำเจ้าของห้องตื่น



    ผมพิจารณาเขาขณะหลับแบบที่ผมเคยไม่มีโอกาสตอนที่เราเป็นแฟนกัน อยากยื่นมือไปสัมผัสไล้เส้นโครงหน้าที่ประกอบกันเป็นผู้ชายคนนี้ แต่ไม่อยากปลุกเขาตัดสินใจได้แล้วมือที่ยกขึ้นก่อนหน้านี้ก็ตกลง 



    ปากของเขาดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปจากผมส่วนที่ผมชอบที่สุด รสจูบของเขาที่ทำให้ผมมัวเมาเหมือนโซจูรสพีช มันหวาน ดื่มง่ายแต่จุดอันตรายที่สุดอยู่ตรงนั้นคุณจะประเมินฤทธิ์กระตุ้นประสาทมันต่ำไปและดื่มต่ออีกเรื่อยๆ เพราะคิดว่าไม่เป็นไรนั่นแหละจุดเริ่มต้นของความประมาท พอได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ เข้าคุณจะขาดความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ไขว้เขวผลกระทบและเรื่องยุ่งเหยิงจะตามมาเหมือนรถไฟหลุดจากราง กว่าจะรู้ตัวคุณก็นั่งอยู่บนซากปรักหักพังที่คุณทำลายลงไปโดยอ้างชื่อของความรักเสียแล้ว



    อย่างไรก็ตามอสรพิษแห่งอีเด็นล่อลวงให้ผมเด็ดกินแอปเปิ้ลต้องห้ามได้สำเร็จ ผมประทับริมฝีปากลงบนปากของเขานุ่มหยุ่น แห้งผาก ไม่นานนัก เขาจูบตอบ ไม่ได้ลืมตา แต่ใช้มือประคองท้ายทอยผมดันเข้าหาจนแนบแน่น โพรงปากของเราเปิดออกลิ้นตระหวัดเกี่ยวหากันราวกับคู่รักที่พลัดพรากกันมาครึ่งชีวิตจูบของเราถาโถมเข้าหาอีกฝ่ายเหมือนคลื่นซัดเข้าหาฝั่งพัดม้วนแล้วกลืนเราสองเข้าไปข้างใต้ จมในห้วงนทีแห่งความปรารถนาชดเชยสำหรับเวลาที่ผ่านมา

              

         แสงแดดตอนเช้ายังไม่ร้อนแต่บนเตียงในห้องของเขาไฟที่เกิดจากถ่านไฟเก่าสองกองกำลังลุกไหม้เป็นเพลิงสายเดียวโหมสูงจนอากาศในห้องร้อนระอุ





    3

     

     

    พี่มันเห็นแก่ตัวว่ะ

     

    ผมน่าจะรับความจริงตั้งแต่แรกว่าพี่ไม่สามารถให้ความรักผมแบบที่ผมให้พี่ได้ แล้วมันก็เจ็บชิบหาย

     

    ใช่ เพราะนั่นไม่ใช่พี่” เขากลืนน้ำลาย แสดงความลำบากใจ ความจริงข้อนั้นก็เป็นยาที่ยากจะกลืนสำหรับเขาเช่นกัน “มันคือสิ่งที่ซันอยากให้พี่เป็นต่างหาก” 

     

    พี่รักผมบ้างมั้ย พี่พยายามแล้วใช่ป้ะ” 



    สายตาเขาตอบทุกอย่างที่ผมอยากรู้ 



    ความรักที่เขามีต่อผมไม่ได้เยอะเสียจนทำให้เขาอยากทำบางอย่างเพื่อยกระดับความพยายามขึ้นมาให้เท่ากับความทุ่มเทที่ผมมีต่อเขา

     

    ผมไม่อยากให้มันจบแบบนี้เลยว่ะ มันทุเรศ” ผมปล่อยโฮเหมือนเด็กหลงทาง พยายามประกอบคำพูดผ่านเสียงสะอึกสะอื้น น้ำตาทำให้ทุกอย่างดูยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก เหมือนใช้แว่นขยายส่องความเจ็บปวด ผมสาละวนอยู่กับการปาดเช็ดน้ำหูน้ำตาให้พ้นทาง ราวกับจะปัดซ่อนความอับอายนี้ เพราะการถูกปฏิเสธจากการอ้อนวอนขอความรักโดยประคองหัวใจเปลือยเปล่าไปตรงหน้าอีกฝ่ายก็แย่มากพอแล้ว

     

    โตขนาดนี้แล้ว ผมยังทำให้รักเราดีขึ้นไม่ได้เลย” ผมอยากจะชกอะไรซักอย่างจนกระดูกที่ถูกหนังห่อหุ้มไว้ข้างในแตกละเอียด อยากกระโดดลงไปให้ร่างกระทบกับพื้นถนน อยากให้รถชนผมแรงๆ อยากรู้สึกตัว เพราะพิษรักมันออกฤทธิ์แล้วผมก็ด้านชา ผมอยากได้สิ่งที่แรงกว่าเพื่อกระตุ้นให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ตายด้าน

     

    เขาแสดงความลังเลในแววตา สุดท้ายก็เดินเข้ามา รวบตัวผมเข้าไปกอด



    ไม่มีความรักในอ้อมกอดนั้นเลย ผมยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเมื่อตระหนักได้ว่าวิมานในอากาศอันเลือนรางพังทลายลงต่อหน้า หน้าผมแนบอยู่กับหน้าอกด้านซ้ายของเขา ผมกระซิบริมฝีปากชิดเสื้อเชิ้ตเนื้อบาง หวังว่าหัวใจของเขาจะได้ยิน



    ช่วยกอดเหมือนพี่รักผมหน่อยได้มั้ย

     

    พี่ขอโทษ” ยังเป็นปริศนาจนกระทั่งวันนี้ว่าเขาขอโทษเรื่องอะไร เรื่องที่เขารักผมไม่ได้ เรื่องที่เขาพยายามไม่มากพอ หรือไม่มีเรื่องความสัมพันธ์ของเราเข้ามาเกี่ยวข้อง แค่เพราะความรู้สึกไม่สบายใจของมนุษย์คนนึงที่ทำให้มนุษย์อีกคนร้องไห้



     

    แสงแดดสีทองในเย็นวันนั้นไม่ร้อนสักนิดแต่แผดเผาแผ่นหลังของผมจนไหม้ ความรักระเหิดไปในอากาศ คืนร่างสู่รูปพลังงานเดิมก่อนการเกิดปฏิกิริยากลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับอากาศ



    ไม่ทิ้งร่องรอยแม้จะเป็นเส้นทางที่ย่ำผ่านถึงสองครั้งสองครา



    ราวกับที่ผ่านมาไม่มีอยู่จริง

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in