1
ผมใช้สายตาที่คอยสังเกตการณ์ว่าเขาล้มลุกคลุกคลานอย่างทุลักทุเลอย่างไรในสมรภูมิรบมองเขาอย่างชื่นชม
เบื้องหลังที่น้ำตาคละเคล้าด้วยหยาดเหงื่อและเลือด
เขาสมควรได้รับทุกอย่างแล้วจริงๆ
ผมแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน (ต้องเจอคนรู้จักหน้าเก่าๆที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ผมต้องทำให้พวกเขาเห็นว่าผมเปลี่ยนไปในทางที่ดี)แต่เกรงใจที่ไม่ใช่เวทีของตัวเอง สปอร์ตไลต์ควรส่องไปที่นักแสดงหลักผมจึงไม่กล้าจัดเต็มนัก
ผมยืนอยู่แถวๆ นั้นแหละ ช่วยเพื่อนถือของ ซื้อน้ำ เช็ดเหงื่อให้
แล้วในทะเลฝูงชน
แค่ผมกับเขา
เขาทักทายผม จากนั้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็บอกผมว่าเรายังเด็กเกินไปสำหรับรักในตอนนั้น อยากขอโอกาสเป็นครั้งที่สองในเมื่อตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็โตขึ้นแล้ว มันอาจจะได้ผล
ผมสะกิดบอกเพื่อนว่าขอตัว และด้วยใบหน้าที่ผิดสังเกตของผมเขาหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานก็ตระหนักถึงต้นเหตุของปัญหา
แต่ผมเดินจากมาแล้ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ความรู้สึกท่วมท้นเกินไป
ผมต้องอยู่เงียบๆคนเดียว
ยิ่งฉาวยิ่งเด็ด
ของผมน่ะไม่มีหรอก แต่ได้ฟังเพื่อนๆ คุยกันอย่างออกรสผมก็มีความสุขแทบตายแล้ว
เขามองผม ตั้งใจให้ผมรู้ตัว ผมเก็บสายตาคืน หันมาร่วมบทสนทนาในวงต่อแล้วผมก็ฉุกคิดได้ว่าเขาไม่เคยเห็นผมดื่มแอลกอฮอล์
แต่เรื่องมันเปลี่ยนไปแล้วนี่นะ
เพื่อนผมเห็นการท่าทีตื่นๆ ของผมก็ชะเง้อชะแง้ไปรอบๆ ร้านพอเห็นโต๊ะที่อยู่ตรงประตูก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้
พวกเพื่อนผมเกลียดเขา เกลียดสิ่งที่เขาทำกับผม เกลียดความสัมพันธ์แย่ๆที่ทำให้ผมไม่เป็นผู้เป็นคน
“
ไอ้นำทัพ วิศวะผู้เสนอห้องของมันให้ผมใช้เป็นที่พักในคืนนี้อย่างใจดีที่เริ่มกรึ่มๆ แล้วออกตัว “
“
ผมโบกมือไปมาพลางจิบเบียร์ในแก้ว “ไม่เซ้นซิทีฟหรอกกูแค่ไม่อยากสนใจ”
“
“
เวลาล่วงเลยมาจนดึกดื่น ผมขอตัวเพื่อนมาเข้าห้องน้ำหางตาสังเกตว่าคนที่อยู่ไกลๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน
ผมรีบเข้าห้องน้ำย่อยแล้วล็อคประตูทำธุระส่วนตัวด้วยศีรษะที่เริ่มมึนงงพอออกมาก็เจอคู่กรณียืนพิงอ่างล้างหน้าหน้ากระจก
“
ผมอยากจะพ่นประโยค
เขาเดินเข้ามาใกล้ ผมชักเท้าหนีโดยอัตโนมัติพฤติกรรมการเรียนรู้แบบลองผิดลองถูกทำให้ผมเข็ดหลาบเมื่อสถานการณ์มีเค้าลางว่าจะสร้างความเจ็บปวด
เขาก้าวตามมา หลังผมติดกำแพง
เขาโน้มตัวลง ยื่นใบหน้ามาใกล้เสียจนผมได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจเขา
“
“
สีหน้าเขาดูดีขึ้นเมื่อผมมีปฏิสัมพันธ์
“
โทสะที่กักเก็บไว้โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ามีอยู่ในร่างระเบิดออกไล่จากชั้นใต้ดินจนถึงยอดระฟ้า ผมต่อยเขาไปหนึ่งหมัด
ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากนักเพราะเป็นความรุนแรงที่ผมแสดงออกกับคนอื่นครั้งแรกในชีวิต
ย้อนกลับมาคิดก็อยากจะต่อยให้แรงกว่านี้อีกเอาหัวเขาโขกกับกระจกจนกว่าจะแตก แล้วคว้าเศษกระจกมาปาดคอ ตายก็ลากศพหมกส้วม
เขาเรียกผมตอนที่ผมเดินออกมาด้วยหมัดที่ยังกำแน่นและใบหน้าแดงก่ำเสียงเพลงในร้านกลบทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังเกิดขึ้น
ผมหันหลังให้เขาอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่เหลียวกลับไปมองแบบที่ผมคนเก่าจะทำ
2
เรานั่งตรงขอบประตูที่เชื่อมกับระเบียงแสงสีส้มอ่อนกำลังลงแล้ว เขานั่งอยู่เยื้องไปทางด้านหลังมองไปยังขอบฟ้าอันกว้างไกล ผมนั่งก้มศีรษะ กอดขาแนบอก เขี่ยนิ้วเท้ากับพื้น
“
เขาระบายยิ้มออกมาเหมือนได้ปลดปล่อยน้ำหนักบางอย่างออกจากบ่า “พี่ขอโทษ
ผมถามต่อ
ผมใช้นิ้ววาดเป็นรูปร่างอิสระที่มองไม่เห็นบนพื้น
เขาเงียบขณะทอดสายตามองเวิ้งฟ้าไร้ขอบเขตในที่สุดก็เบนสายตามามองผม “
ผมคอตกหัวเราะในความไร้เดียงสาของตัวเอง คนที่จะกุลีกุจอขอโทษกับเรื่องต่างๆเสียใหญ่โต มีแต่ผมฝ่ายเดียวเท่านั้นแหละ
เขารู้ว่าอาการแบบนั้นของผมสื่อถึงอะไรทะลุก้อนเมฆความคิดที่ผมเอาศีรษะมุดเข้าไปอยู่ เสียงเขาเรียกความสนใจจากผมให้ออกมา
“
ผมจ้องเขาอย่างตั้งใจ
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ
เช้าวันต่อมา ผมจมอยู่ในอ้อมกอดเขาเงยขึ้นมองใบหน้าเขาในระยะใกล้ ลมพัดเข้ามาผ้าม่านปลิดปลิวอย่างเงียบงันราวกับเกรงใจหากทำเจ้าของห้องตื่น
ผมพิจารณาเขาขณะหลับแบบที่ผมเคยไม่มีโอกาสตอนที่เราเป็นแฟนกัน อยากยื่นมือไปสัมผัสไล้เส้นโครงหน้าที่ประกอบกันเป็นผู้ชายคนนี้ แต่ไม่อยากปลุกเขาตัดสินใจได้แล้วมือที่ยกขึ้นก่อนหน้านี้ก็ตกลง
ปากของเขาดึงดูดความสนใจทั้งหมดไปจากผมส่วนที่ผมชอบที่สุด รสจูบของเขาที่ทำให้ผมมัวเมาเหมือนโซจูรสพีช มันหวาน ดื่มง่ายแต่จุดอันตรายที่สุดอยู่ตรงนั้นคุณจะประเมินฤทธิ์กระตุ้นประสาทมันต่ำไปและดื่มต่ออีกเรื่อยๆ เพราะคิดว่าไม่เป็นไรนั่นแหละจุดเริ่มต้นของความประมาท พอได้รับแอลกอฮอล์ในปริมาณมากๆ เข้าคุณจะขาดความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ไขว้เขวผลกระทบและเรื่องยุ่งเหยิงจะตามมาเหมือนรถไฟหลุดจากราง กว่าจะรู้ตัวคุณก็นั่งอยู่บนซากปรักหักพังที่คุณทำลายลงไปโดยอ้างชื่อของความรักเสียแล้ว
อย่างไรก็ตามอสรพิษแห่งอีเด็นล่อลวงให้ผมเด็ดกินแอปเปิ้ลต้องห้ามได้สำเร็จ ผมประทับริมฝีปากลงบนปากของเขานุ่มหยุ่น แห้งผาก ไม่นานนัก เขาจูบตอบ ไม่ได้ลืมตา แต่ใช้มือประคองท้ายทอยผมดันเข้าหาจนแนบแน่น โพรงปากของเราเปิดออกลิ้นตระหวัดเกี่ยวหากันราวกับคู่รักที่พลัดพรากกันมาครึ่งชีวิตจูบของเราถาโถมเข้าหาอีกฝ่ายเหมือนคลื่นซัดเข้าหาฝั่งพัดม้วนแล้วกลืนเราสองเข้าไปข้างใต้ จมในห้วงนทีแห่งความปรารถนาชดเชยสำหรับเวลาที่ผ่านมา
แสงแดดตอนเช้ายังไม่ร้อนแต่บนเตียงในห้องของเขาไฟที่เกิดจากถ่านไฟเก่าสองกองกำลังลุกไหม้เป็นเพลิงสายเดียวโหมสูงจนอากาศในห้องร้อนระอุ
“
“ผมน่าจะรับความจริงตั้งแต่แรกว่าพี่ไม่สามารถให้ความรักผมแบบที่ผมให้พี่ได้
“
“
สายตาเขาตอบทุกอย่างที่ผมอยากรู้
ความรักที่เขามีต่อผมไม่ได้เยอะเสียจนทำให้เขาอยากทำบางอย่างเพื่อยกระดับความพยายามขึ้นมาให้เท่ากับความทุ่มเทที่ผมมีต่อเขา
“
“
เขาแสดงความลังเลในแววตา
ไม่มีความรักในอ้อมกอดนั้นเลย
“
“
แสงแดดสีทองในเย็นวันนั้นไม่ร้อนสักนิดแต่แผดเผาแผ่นหลังของผมจนไหม้ ความรักระเหิดไปในอากาศ คืนร่างสู่รูปพลังงานเดิมก่อนการเกิดปฏิกิริยากลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับอากาศ
ไม่ทิ้งร่องรอยแม้จะเป็นเส้นทางที่ย่ำผ่านถึงสองครั้งสองครา
ราวกับที่ผ่านมาไม่มีอยู่จริง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in