Ikuta Toma/Matsumoto Jun
05.30น.
คำทักทายอรุณสวัสดิ์ดังมาจากนาฬิกาปลุกบนโต๊ะข้างเตียง เรียกมือเรียวยาวของเด็กหนุ่มที่นอนซุกผ้าห่มนวมยื่นออกมากดปิด นิ่งทำใจบอกลาเตียงนอนแสนสบายอยู่พักหนึ่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเสื้อยืดตัวเก่าย้วยและกางเกงขาสั้นสภาพไม่ต่างกันเป็นชุดสำหรับออกกำลังกาย คว้าไอพอดพร้อมหูฟัง ธนบัตรใบหนึ่งสำหรับอาหารมื้อเช้า สวมรองเท้าปิดท้ายด้วยคว้าคีย์การ์ดแล้วเดินออกไป
เป็นการเริ่มต้นวันใหม่ในแบบของอิคุตะ โทมะ
ทางเดินหน้าห้องที่ปกติในเวลานี้จะโล่งว่างทำให้ภาพของประตูห้องตรงข้ามที่เปิดออกดูสะดุดตาตามด้วยร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มผิวขาวจัดอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาในเสื้อผ้ารัดกุมพร้อมออกกำลังกายก้าวออกมา
คงจะเป็นคนที่ย้ายมาใหม่เมื่อสองสามวันก่อน...เห็นพาเพื่อนกลุ่มใหญ่มาช่วยกันขนของเข้าห้องอยู่ โทมะสันนิษฐาน รอจนอีกฝ่ายล็อกประตูห้องเรียบร้อยแล้วหันมาก็ส่งยิ้มให้ประสาคนมนุษย์สัมพันธ์ดี
ฝ่ายนั้นคล้ายชะงักเล็กน้อยแต่ก็คลี่ยิ้มบางตอบกลับมา
จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ลิฟท์ด้วยกัน
“ชั้นไหนครับ” โทมะเอ่ยถาม ที่คอนโดมิเนียมแห่งนี้มีฟิตเนสอยู่ที่ชั้นห้าแต่ผู้พักอาศัยหลายคนรวมถึงเขาชอบที่จะข้ามถนนไปออกกำลังกายยังสวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามมากกว่า
“คุณไม่ได้จะไปฟิตเนสชั้นห้าหรอครับ” สมาชิกใหม่ของคอนโดฯย้อนถามอย่างฉงน คิ้วเรียวเข้มพาดเหนือดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสดูน่าเอ็นดูจนเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ผมชอบข้ามไปสวนอีกฝั่งมากกว่าครับ เช้าๆแบบนี้ได้สูดอากาศมันสดชื่นดี จะเข้าฟิตเนสก็ตอนยกเวทแหละครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วยได้ไหม” คู่สนทนาดูสนใจ ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็ก
โทมะไม่ตอบคำ ทำเพียงยิ้ม...จรดปลายนิ้วลงบนหมายเลขชั้นล่างสุด
7.00 น.
มัตสึโมโตะ จุน...คือชื่อของผู้ชายคนนั้น
ผู้ชาย...ที่เขาแอบชมในใจว่าช่างน่ารักเหลือเกินไม่รู้กี่ครั้งในกว่าชั่วโมงที่วิ่งออกกำลังกายอยู่ข้างๆกัน
หลังแวะซื้อขนมปังอบร้อนสดใหม่จากเตาที่คาเฟ่ใต้คอนโดมิเนียมเรียบร้อย เขาก็แยกกับจุนตรงหน้าห้อง จัดการตั้งกาต้มกาแฟแล้วเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว
ระหว่างรับประทานอาหารเช้าอันประกอบด้วยขนมปังสอดไส้ที่ซื้อมาคู่กับกาแฟ วูบหนึ่งเขาไพล่นึกถึงคนที่เพิ่งแยกกันตรงหน้าประตูครั้นเหลือบมองกาแฟที่ยังเหลืออยู่ค่อนกา
เอาไปแบ่งให้จุนดีไหม...เสียงเล็กๆในหัวเสนอขึ้น เขาพยักหน้ากับตนเอง ขยับจะลุกขึ้นไปหยิบกา
เฮ้ย...จะดีหรออิคุตะ นายเพิ่งรู้จักกับเขาเองนะ พลันอีกเสียงแย้ง ทำเด็กหนุ่มชะงักกึก มือค้างอยู่ในท่ายื่นมือไปแตะหูกา
สุดท้าย...เสียงแรกก็เป็นฝ่ายชนะ โทมะหยิบกาขึ้นลุกไปยังประตู สูดลมหายใจลึกเรียกกำลังใจให้ตนเองก่อนจะผลักบานประตูออกไป
แล้วต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นประตูห้องตรงข้ามก็เปิดออกเช่นกัน ในมือเจ้าของห้องถือจานกระเบื้องสีขาวตัดกับสีเหลืองสวยของไข่คนส่งกลิ่นหอมกรุ่น
ดวงตาสองคู่ข้ามทางเดินมาสบสานกัน
“ผมเอากาแฟมาให้”
“ผมเอาไข่คนมาให้”
พูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนจะต่างคนต่างชะงัก หัวเราะออกมา
8.00 น.
จัดการอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาไปมหาวิทยาลัย
เด็กหนุ่มบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้านเมื่อนึกถึงตารางเรียนที่อัดแน่นของเทอมนี้ อ้าปากหาวหวอดหยิบกระเป๋าเป้กับกุญแจรถจักรยานมาเดาะเล่นในมือ เสียบหูฟังกับหูสองข้าง ก้าวเรื่อยๆไปยืนรอลิฟท์
เหมือนเดิมกับทุกวัน
จักรยานคู่ใจที่อยู่เคียงข้างกันมาตั้งแต่ปีแรกจนตอนนี้เข้าปีสุดท้ายของชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยจอดอยู่ตำแหน่งเดิมของมัน
แต่ที่ไม่เหมือนเดิมเห็นจะเป็นจักรยานสีเงินซึ่งจอดอยู่ห่างออกไปโดยมีจักรยานห้าคันคั่นกลาง
เขามั่นใจว่าไม่เคยเห็นจักรยานคันนี้มาก่อน
ยังไม่ทันสงสัยอะไรเพิ่มเติม เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นด้านหลัง
ตามด้วยเสียงเรียกที่เริ่มจดจำได้
“อิคุตะซัง”
เสียงนั้นจุดรอยยิ้มบางบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม...เขาคิดว่ารู้แล้วว่าจักรยานคันนี้มาจากไหน
“ครับ” โทมะลากเสียงยาวตอบรับอย่างทะเล้น “ผมกำลังจะไปเรียนพอดี มัตสึโมโตะซังจะไปไหนหรอครับ”
“ไปเรียนเหมือนกัน แต่ป.โทนะ”
เจ้าของชื่อตอบยิ้มๆไขกุญแจปลดล็อกจักรยานแล้วขึ้นคร่อม ขณะคนถามกะพริบตาปริบ
มหาวิทยาลัยในละแวกนี้...เหมือนจะมีแค่มหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่
“มหาวิทยาลัย...หรอครับ” เขาลองถามได้รับคำตอบเป็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผงกศีรษะช้าๆ
“ที่เดียวกับผมเลย”
จักรยานเคลื่อนไปตามถนนเส้นเดิมกับทุกวันเหมือนกับตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หากเสียงของจักรยานที่ตามหลังอยู่ทำให้รู้สึกว่าวันนี้ไม่เหมือนกับทุกวัน
เด็กหนุ่มละมือจากแฮนด์ข้างหนึ่งขึ้นแตะอกเบื้องซ้ายของตนแผ่วเบา
จังหวะของมัน...ก็แปลกไปจากเคย
17.00 น.
ช่วงเย็นที่ไม่มีคลาสหรือกิจกรรมใดๆ โทมะชอบมาเตะฟุตบอลกับกลุ่มเพื่อน ร้องโหวกเหวกโวยวายเฮฮาตามประสาผู้ชายจนตะวันลับขอบฟ้าถึงจะเลิก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปรับประทานอาหารเย็นหรือถ้าเป็นวันศุกร์ก็กอดคอไปร้านเหล้า
เด็กหนุ่มหยิบผ้าเย็นห่อหนึ่งจากกระติกข้างสนามขึ้นมาแกะซับตามใบหน้าและลำคอชุ่มเหงื่อ เสียงขึ้นจมูกคุ้นหูที่ลอยมากระทบโสตเรียกให้หันมองตาม จนเห็นกลุ่มนักศึกษาปริญญาโทเดินออกมาทางห้องสมุด
เขาส่งยิ้มให้จุนที่พอเห็นก็ยิ้มตอบ
รอยยิ้มสดใสแลดูเจิดจ้าท่ามกลางแสงสุดท้ายของวันส่งผ่านดวงตาแผ่ความอบอุ่นมาถึงหัวใจ
แม้จะได้เห็นยิ้มแสนน่ารักนี้ในทุกๆวันที่เจอกันตลอดกว่าหนึ่งเดือนที่รู้จักกันแต่โทมะไม่เคยเบื่อ ซ้ำเหมือนหัวใจจะร่ำร้อง...
...อยากจะเห็นไปอีกนานๆ
22.00 น.
หน้ากระดาษบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นสีขาวโพลน เช่นเดียวกับสมองของนักศึกษาหนุ่มที่แหงนหน้าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนล้าและท้อแท้
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องเขียนเรียงความส่งอาจารย์ แต่เวลาได้รับมอบหมายงานประเภทนี้ทีไร ภาวะ ‘แบลงค์’ จะเข้ามาทักทายทุกคราวไป
เด็กหนุ่มถอนหายใจหยิบกระเป๋าสตางค์ เดินออกจากห้องไปซื้อกาแฟตรงคาเฟ่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงมานั่งจิบตรงสวนหย่อมของคอนโดมิเนียม หวังว่ากลิ่นหอมของกาแฟร้อนๆ จะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมาได้บ้าง
เงยหน้ามองท้องฟ้าราตรีแต่งแต้มแสงดาวระยิบระยับ เหมือนกากเพชรบนผืนผ้ากำมะหยี่ เหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับหัวข้อเรียงความที่ตนต้องรับผิดชอบ ความสงัดยามวิกาลเคล้าสายลมเย็นต้นฤดูใบไม้ร่วงกับคาเฟอีนทำให้สมองเริ่มประมวลผลได้ดีขึ้น
กาแฟหมดแก้ว...พร้อมกับที่สามารถหาทางออกเรื่องงานได้เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน ทิ้งแก้วลงถังขยะ หันไปทางลานจอดจักรยาน ก็เป็นจังหวะเดียวกับจักรยานสีเงินคุ้นตาเคลื่อนเข้ามาจอดพอดี
แม้จะดึงหมวกฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะไว้ แสงไฟสลัวทำให้แทบไม่เห็นใบหน้าแต่เขาก็จำอีกฝ่ายได้ไม่ผิดแน่
มัตสึโมโตะซัง...
ดึกขนาดนี้แล้ว...ทำไมเพิ่งกลับมา
ความพลุ่งพล่านในอกเร่งฝีเท้าตรงเข้าไปหาคนลงจากจักรยานมาพบกันตรงเสาไฟต้นหนึ่ง แสงไฟเพียงพอทำให้มองเห็นได้ชัดถนัดตา
ไม่ใช่เพราะความสลัวที่ทำให้เขาไม่เห็นหน้าส่วนที่พ้นหมวกฮู้ดนั้น แต่เป็นเพราะหน้ากากอนามัยสีขาวคาดปิดเครื่องหน้าช่วงล่างทั้งหมด
“เพิ่งกลับมาจากมหา’ลัยหรอครับมัตสึโมโตะซัง” คนอายุน้อยกว่าถาม นึกตกใจเสียงของตนเองที่ทอดได้นุ่มเบาซึ่งไม่คิดว่าจะทำได้
“อืม..ช่วยอาจารย์ทำวิจัยน่ะครับ” เสียงแหบแห้งตอบกลับมาพร้อมไอค่อกแค่ก
โดยไม่ทันรู้ตัว โทมะยื่นมือออกไปแตะบนหน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบาจะรู้สึกตนก็ตอนดวงตากลมช้อนขึ้นมองอย่างฉงน
“เอ่อ...ขอโทษครับอยากรู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ดีนะครับที่ไม่มีไข้” เขาหัวเราะแห้งๆแก้เก้อ ก้าวเคียงนักศึกษาปริญญาโทที่ส่ายหน้าน้อยๆแทนคำว่าตนไม่ถือสาพลางจับหมวกฮู้ดลง เผยใบหน้าช่วงบนที่ไม่ซีดขาวอย่างที่นึกห่วง
“ภูมิแพ้น่ะครับอากาศเปลี่ยนแล้วช่วงนี้นอนน้อย” เสียงตอบมีแววหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะผินหน้ามาพยักพเยิดให้เข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน โทมะเข้าไปยืนข้างๆอยู่อย่างนั้นตลอดจนเดินมาถึงหน้าประตูห้องของตน
รู้สึกคล้าย...ไม่อยากเดินออกห่างข้างกายคนๆนี้
“งานคืนนี้เสร็จแล้วพักผ่อนนะครับ” ส่งเสียงแทรกความว้าวุ่นพิกลในใจบอกเจ้าของคิ้วเข้มเลิกขึ้นน้อยๆก่อนดวงตากลมโตสีสวยนั้นจะหยีแคบลงริมฝีปากยิ้มใต้หน้ากากสีขาวนั้นคงเผยรอยยิ้มสดใสเช่นเคย
01.00 น.
เพดานห้องยังคงเป็นเพดานเดิมกับที่เห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนหลับตาลงในทุกคืน
โทมะจ้องมองคล้ายมันจะมีคำตอบของคำถามที่เขาเพียรถามตนเองปรากฏขึ้นบนนั้น
ตลอดกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตตามปกติ ทุกสิ่งเป็นไปตามที่มันเป็นมาตลอดหลายปี
แม้แต่ตอนที่ได้รู้จักเพื่อนบ้านห้องตรงข้ามคนใหม่...กิจวัตรของเขาก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง
วูบหนึ่งที่เขานึกถึงสมัยเรียนวิชาฟิสิกส์ขึ้นมา
‘ตก’ เป็นกริยาที่มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกจึงไม่อาจฝืนมันได้
บางที...จึงอาจเป็นที่มาของ ‘ตกหลุมรัก’
ไม่รู้ตัวและพอรู้ตัวก็ไม่อาจฝืนความรู้สึกนั้นได้
01.30 น.
โทมะหลับตาลง
เขาตกหลุมรักมัตสึโมโตะจุน...เข้าแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in