‘เขาขอให้คนรอบข้างของเขามีสุขภาพที่แข็งแรง เผอิญผมที่อยู่เตียงข้าง ๆ เขานั้นได้ยิน’
เขาเป็นผู้ป่วยคนหนึ่งในโรงพยาบาลแห่งนี้ ผู้ป่วยเช่นเดียวกับ ผม ผมเจอเขาครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนี้เป็นเดือนเมษายน เขานอนเตียงข้างๆกัน ส่วนโรคของเขาน่ะเหรอ โรคหัวใจน่ะ ตลกสิ้นดีที่เขาขอให้คนรอบข้างมีสุขภาพดีแต่เขาใกล้จะตายอยู่แล้ว
‘เขาคงเป็นบ้าด้วยแน่ ๆ’
โลกนี้โหดร้าย ผมรู้จักความทุกข์ทรมานนี้มาตั้งแต่เด็ก หมอบอกว่าผมจะไม่มีวันหาย น่าเศร้าจริง ๆใช่มั้ย ผมกล่าวโทษคนข้างบนฟ้านั่นเสมอ พรใด ๆ ไม่เคยส่งไปถึง ไม่เคยมีใครตอบรับกลับมา
“ ขอให้ผมหายดีสักที”
“ขอให้ผมเป็นแค่เด็กปกติ”
“ขอให้คุณแม่ไม่ต้องเสียใจเพราะผมอีก”
“...ขอให้ผมรีบหายไปเถอะ”
ผมขอทุกคำขอที่ขอได้ และมันไม่มีอะไรเป็นจริงสักอย่าง ผมไม่มีวันหายจากโรคร้าย ผมไม่มีทางเป็นเด็กปกติที่ได้ออกไปวิ่งเล่น คุณแม่ก็ยังคงร้องไห้เพราะผม ขนาดคำขอสุดท้ายที่ขอให้ผมรีบหายไปนั้นก็ยังไม่เป็นจริงสักที ทั้ง ๆที่ผมก็ต้องตายแน่ ๆ อยู่แล้ว แต่มันก็ยังมาไม่ถึง ผมยังคงเจ็บปวด
“สวัสดี เราชื่อ เจย์”
“…”
“นายชื่ออะไร”
“…เตนล์”
“อ่า งั้นจากนี้ไปฝากตัวด้วยนะ”
เขายิ้มหลังพูดประโยคนั้นจบ ลักยิ้มที่แก้มนั่น...ตลกชะมัด ไอ้แก้มอ้วน
ตั้งแต่วันที่เขาเข้ามาเขามักทำให้ผมแปลกใจเสมอ เขาไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยเศร้า แม้ในวันที่อาการเขากำเริบหนัก เขาก็ยังส่งยิ้มให้ผมแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ไอ้แก้มอ้วนประหลาดคน...
เขาชอบอ่านหนังสือ ผมมักสังเกตเขาแต่ไม่ใช่เพราะสนใจหรอกนะ ก็แค่เขาประหลาดน่ะ เขามักเล่าเรื่องที่เขาอ่านให้ผมฟังแต่ผมไม่ได้อยากฟังหรอกนะ ก็แค่เขาอยู่ข้างเตียงพูดจาเสียงดังและหันมาทางผม จะเสียมารยาทมันก็ยังไงอยู่ ไม่ได้ชอบตอนลักยิ้มนั่นโผล่ออกมาตอนที่เขาเล่าเรื่องสนุกให้ฟังหรอกนะ ผมไม่ได้ชอบหรอก
“เตนล์ชอบดอกไม้อะไรเหรอ?”
“ถามทำไม”
“อยากรู้น่ะ”
“ไม่รู้ ไม่ได้สนใจ”
“บ้า มันต้องมีสิ”
“ไม่ใช่ทุกคนที่จะสนใจดอกไม้หรอกนะ” ผมบอกเขา
“ก็จริง แต่เราว่านะ เตนล์เหมาะกับดอกทานตะวันมาก ๆเลย”
“ทำไม”
“เพราะรอยยิ้มของเตนล์สดใสเหมือนดอกทานตะวันเลยล่ะ เราชอบนะ”
“…ชอบดอกทานตะวัน?”
“ใช่ แล้วก็ชอบรอยยิ้มของเตนล์ด้วย”
“…”
“ยิ้มบ่อย ๆ นะ”
ไม่รู้ว่าเพราะโรคที่ผมเป็นอยู่รึป่าว หัวใจถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ แต่ผมคิดว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นเพราะโรคบ้า ๆนี้หรอก อาจเพราะประโยคบ้าบอที่เขาพูด ก็เขาเป็นบ้านี่ แต่ว่า ผมใจเต้นแรงเพราะคนบ้าได้มั้ยนะ
อาการเขาหนักขึ้นตอนช่วงพฤษภา...เขาได้ย้ายไปอีกห้องที่เครื่องมือแพทย์ครบครันกว่า เพื่อต้องรักษาให้เขาหาย เขาจึงต้องย้ายไป แต่เราต่างรู้ ไม่มีใครที่จะสามารถหายได้จากโรคนี้
ไม่มีรอยยิ้มให้ผมอีกจากเตียงข้าง ๆ นั่น ไม่มีเสียงเล่าเรื่องใด ๆ ผมรู้ว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน ผมกลับมาขอพรโง่ ๆ ขอให้เขาหายดี แม้จะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ต่างจากพรพวกนั้นที่ผมเคยขอ แต่ผมก็ยังคงอ้อนวอนขอให้เขากลับมานั่งยิ้มให้ผม เล่าเรื่องต่าง ๆ จากที่เขาอ่านให้ผมฟัง อีกแค่สักครั้ง แค่ครั้งเดียว
ความจริงคงอยู่เสมอ เขาจากไปแล้ว คำขอพวกนั้นยังไม่ได้ผลเหมือนเคย...
ผมร้องไห้อย่างหนักทุกคืน ภาวนาให้ผมได้จากไปเร็ว ๆ ผมไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ผมไม่ได้เจ็บปวดจากโรคที่เป็น ผมเจ็บปวดเพราะการจากไปของเขา เหมือนคนข้างบนทำผมเจ็บช้ำไม่พอ ส่งโรคร้ายมาให้แล้วยังส่งความรักที่แสนเจ็บปวดยิ่งกว่าโรคงี่เง่านั่นมาให้ผมอีก
ในเช้าวันหนึ่งของเดือนมิถุนายนที่ฝนยังคงตกลงมาเพราะฤดูฝน ดอกทานตะวันที่อยู่ในแจกันข้างเตียงผมโผล่มา
“เจย์เขาฝากป้าให้เอามาให้น่ะ ขอโทษที่เพิ่งเอามาให้ป่านนี้นะจ๊ะ”
“เขาเล่าเรื่องของหนูให้ป้าฟังเสมอเลย เขาบอกว่าให้หนูยิ้มเยอะ ๆ ขอให้หนูมีความสุขจ้ะ”
ผมอยากโกรธเขาเหลือเกิน ขอให้ผมยิ้มทั้ง ๆที่เขาที่เป็นรอยยิ้มของผมจากไปแล้วงั้นเหรอ ผมจะมีความสุขได้ยังไง ความสุขของผมคือเขาทั้งหมด จนตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นคนบ้า คนบ้าของผม
รอเราหน่อยนะ หวังว่าข้างบนนั้นจะดีกับนาย แล้วเราจะไปหา อีกไม่นานหรอก
ขอบคุณสำหรับดอกทานตะวัน ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง...ขอบคุณ รักนายเสมอ เจย์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in