เมื่อวานเราไปสมัครแอร์ครั้งที่สองในชีวิตมาแหละ
การไปสมัครครั้งนี้ไม่ใช่การไปทำตามความฝันว่าอยากทำอาชีพนี้ อยากใส่หมวกแดง อยากบินไปเที่ยวรอบโลกเหมือนอย่างตอนที่ไปสมัครอีเค ครั้งนี้มันเหมือนอยู่ในรายการ Survival โครงการลาแล้วเมืองทะเลทรายหอบกระเป๋ากลับบ้านเกิดเมืองนอน
หลังจากที่หมดแรงใจในการทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีแต่เปลือก เบื่อหน่ายความฟูลเซอร์วิสและความเยอะสิ่งเล่นใหญ่อินเนอร์แรงของผู้โดยสาร คิดถึงคนไกลตัวแต่ใกล้ใจ คิดถึงธรรมชาติ ป่าเขา น้ำทะเล และต้นไม้ในสวนสาธารณะ คิดถึงวันที่ฝนตกลงที่หน้าต่างในบางครา คิดถึงไก่ทอดหาดใหญ่และแผงหมูปิ้งหน้าปากซอย
ช่างมันเถอะการไปเที่ยวรอบโลก ทิ้งมันไปเถอะเงินเดือนสูงๆ ในเมื่ออารมณ์เรามันขึ้นๆลงๆเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วันนี้โอเคดี พรุ่งนี้เศร้า ความสุขที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวไม่ใช่การออกไปที่ไหนๆแต่เป็นเมื่อตอนที่เครื่องบินทัชดาวน์ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ก็อยู่บ้านให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ทำงานเก็บเงินไปเที่ยวเองจริงๆ ไม่ใช่ชะโงกทัวร์เอาตัวไปแปะที่สถานที่ดังๆแล้วถ่ายรูปอัพลงไอจี ก่อนจะกลับมานอนพักที่โรงแรม
เราตัดสินใจว่าจะถอดหมวกแดงและกลับบ้าน ลาแล้วน่านฟ้าอาระเบีย ไม่เด่นไม่ดังก็จะหันหลังกลับไปแล้ว พอ! แต่ใจก็ยังรักในอาชีพนี้และอยากจะบินต่อไป เราไม่รู้ว่าถ้าเราไม่ได้เป็นลูกเรือแล้วเราจะไปทำอะไรต่อ เพราะเรารักในเนื้องาน สนุกกับการทำงานเกือบทุกวัน (แน่ล่ะ มันก็มีวันที่แย่บ้าง) ชอบไลฟ์สไตล์แบบนี้ที่มีวันหยุด 30 วันต่อปี เราอยากเป็นลูกเรือต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แค่ไม่ใช่ที่นี่ เราอยากกลับบ้าน
เราหอบเอาความหวังที่จะกลับมาอยู่เมืองไทยใส่กระเป๋า แลนด์จากไฟล์ทเคปทาวน์-ดูไบแล้วก็รีบวิ่งไปรอลุ้นตั๋วกลับไทยด้วยความลุ้นระทึกเพราะไฟล์ทเต็มแล้วเต็มอีก สับขาวิ่งเข้าเกทคนสุดท้าย พอถึงกรุงเทพก็วุ่นวายจัดการเรื่องชุดและเตรียมเอกสารต่างๆที่จะไปสมัครวันรุ่งขึ้น ถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องไฟท์ให้สุดเพราะนี่คือทางรอดของเรา นี่คือหนทางที่เราจะได้กลับมาอยู่บ้าน
แล้วไงล่ะ… เราตกรอบ ตกมันตั้งแต่รอบแรกเลยด้วย
ไหนใครกันบอกว่ามาจากสายใหญ่ยังไงก็ได้ชัวร์ มาแน่ๆ เพื่อนที่ทำงานอยู่ในสายนี้ก็บอกว่าเฮ้ยยย ได้มาร่วมงานด้วยกันชัวร์ๆแก เอ่อ… มันไม่ได้ว่ะ อาจเพราะก้าวขาเข้าห้องผิดข้างดวงเลยเปลี่ยน ตอบคำถามได้ไม่ดี ไหวพริบไม่พอ ลุคไม่แซ่บไม่สดใส เตรียมตัวมาน้อยเกินไปหรืออะไรก็ตามแต่ ผลคือไม่ได้ ไม่ผ่าน ไม่ได้กลับมาทำงานอยู่ที่บ้านแล้ว
ถ้าบอกว่าไม่เป็นไร เราโอเค สบายๆ ไม่เสียใจก็กลายเป็นคนโกหก เอาจริงๆ ตอนที่เขาบอกว่าเราไม่ผ่าน ตอนนั้นคือเคว้งและเสียศูนย์ไปเลยแหละ ความมั่นใจที่มีมันหายไปหมดตามมาด้วยคำถามว่าทำไมวะ แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่าเอาน่า…นี่ถือเป็นการไปสมัครงานลูกเรือครั้งที่สองในชีวิตและมองหามุมดีๆ เช่น
อย่างน้อยเราก็ได้ลองต่อเล็บแบบอะคริลิกครั้งแรก ได้หัดดัดผมเองด้วยแกนม้วนผมไฟฟ้า ลองผิดลองถูกกับการซ้อมติดขนตาปลอมจนทำได้ ได้ทำอะไรใหม่ๆเป็นประสบการณ์ชีวิต และเหนือสิ่งอื่นใดคือเราได้ลองเริ่มต้นทำอะไรซักอย่างกับชีวิตที่เป็นอยู่ ไม่ใช่มานั่งบ่นและคร่ำครวญไปวันๆเหมือนอย่างที่เป็นมา
จะให้คิดมันก็คิดได้แหละแต่ความเสียใจมันก็ยังคงมีอยู่ลึกๆอยู่ดี มันเหมือนคนที่ค่อยๆจมดิ่งลงไปในน้ำ เงยหน้ามองแสงสว่างที่ค่อยๆเลือนลางริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ ความผิดหวังในตัวเองมันถาโถมหนักหนาเหลือเกิน
เช้าวันนี้เราลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกที่ไม่เป็นอย่างใจ ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่หวัง เรานอนนิ่งมองเพดานขาวๆและคิดว่าจากนี้จะเอายังไงต่อ… มันก็มีแค่คำตอบเดียวนั่นแหละคือเราก็ต้องต่อสู้และใช้ชีวิตต่อไป ฝืนลุกขึ้นมาซื้อตั๋วกลับเมืองทะเลทรายรอบเก้าโมงห้าสิบห้านาที
เมื่อวานมันไม่ใช่วันของเรา… ไม่เป็นไร
วันนี้มันไม่ใช่วันของเรา… ไม่เป็นไร
วันพรุ่งนี้ หากยังไม่ใช่วันของเรา… ก็ไม่เป็นไร
เพราะมันยังมีวันรุ่งขึ้นให้ได้ลองใหม่และพยายามให้มากกว่าเดิม
วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง ไม่ว่ามันจะดีหรือร้ายเดี๋ยวมันก็ผ่านไป หลับตาตื่นขึ้นมาก็เป็นวันใหม่แล้ว เพราะฉะนั้นจงเตะขาเข้าไว้และพุ่งตัวขึ้นจากผิวน้ำแห่งความเศร้าไปสู่แสงสว่าง อย่ามัวแต่ทิ้งตัวให้จมอยู่กับความทุกข์ใจในวันที่ผ่านมา
และมันจะมีวันที่เราลืมตาตื่นมาในโลกที่ทุกสิ่งเป็นไปตามอย่างที่ตั้งใจ
สมกับความพยายามและการรอคอย
เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ
– เขียนไว้เตือนใจตัวเองบนเครื่องบินตอนกลับมาที่ดูไบ, 11 สิงหาคม 2560
เป็นกำลังใจให้ทุกคนวิ่งตามความฝันเสมอ
ขอให้ประกายไฟในดวงตาไม่ดับและหายไป...
ด้วยรัก...จากทะเลทราย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in