ผ่านมาเกือบสองวันแล้วหลังจากที่เราได้ดู A Head Full of Dreams เป็นหนังที่เล่าเรื่องราว 20 ปี ของ Coldplay แต่ความรู้สึกอินหลังจากดูหนังก็ยังไม่หายไปซักที หนังเรื่องนี้กำกับโดย Mat Whitecross ที่เป็นทั้งเพื่อนและคนที่ตามถ่ายคลิปของ Coldplay ตั้งแต่เป็นวงดนตรีเล็ก ๆ ของเด็กมหาลัยจนถึงตอนนี้ที่ดังจนแทบไม่ต้องจะอธิบาย ซึ่งเอาเข้าจริงเราว่ามันเป็นเรื่องอเมซิ่งมากนะที่วงดนตรีวงหนึ่งจะมีfootageเก็บไว้ตั้งแต่ฟอร์มวงจนถึงปัจจุบ และไม่ใช่แค่ 5 ปี 10 ปี แต่มัน 20 ปี หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ 1 ใน 3 ของชีวิตคนคนหนึ่งแล้ว ฉะนั้นแล้วในหนังมันจึงเต็มไปด้วยภาพการเติบโตของวง, Passions ,ความฝัน, ความในการทำเพลง, ความรู้สึกที่บอกเราว่า Coldplay เป็นครอบครัวเดี่ยวกัน จนทำให้เราคิดว่ายังไงชีวิตเราก็คงได้ฟังเพลงใหม่ ๆ ของ Coldplay ไปอีกนานแน่นอน
หนังเล่าเรื่องของ Chris Martin, Jonny Buckland, Guy Berryman, และ Will Champion สี่สมาชิกของ Coldplay เนื้อหาหลัก ๆ คือการทำอัลบั้มและทัวร์ของ A Head Full of Dream ตัดภาพไปมาสลับกับตั้งแต่ยังเป็นเพื่อนกันก่อนทำวง เริ่มเล่นที่ผับเล็ก ๆ ไปเทศกาลเพลง ออกอัลบั้มแรก จนถึงปัจจุบัน พร้อมกับFootage การทำเพลงต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้มันทำให้เราอินมาก ๆ พอได้เห็นเบื้องหลังการทำงานทำเพลงของศิลปินที่เราชอบว่าที่มาของแต่ละเพลงแต่ละโชว์มันเป็นยังไง แล้วพอตัดเข้าไปภาพคอนเสิร์ต (ซึ่งตัวเราเองก็ได้มีโอกาสอยู่ในคอนเสิร์ตนี้ที่กรุงเทพ) มันก็ยิ่งทำให้เราอิน เข้าใจความหมายของเพลงในมุมมองของพวกเขาที่ไม่ใช่ในแบบที่เราเข้าใจหรือฟังมาตลอด ตลอดการดูหนังมันเลยกลายว่าเราได้ฟังของ Coldplay ในแบบที่เราไม่เคยฟังและไม่เคยรู้สึกมาก่อน อย่างตอน Yellow ที่แต่งเพื่ออุทิศให้กับแม่ของ Will ที่จากไปก็เป็นซีนที่ทำให้เราร้องไห้หนักเหมือนกัน ไม่เคยคิดว่า Yellow จะเศร้าได้ขนาดนี้
ในหนังเองก็ไม่ได้เล่าในแง่การทำเพลงอย่างเดียว แต่ยังเล่าถึงความสัมพันธ์ของ Coldplay และคนรอบตัวที่อยู่ด้วยกันมาทั้ง 20 ปี ซึ่งพอมันเป็น Footage ที่ถ่ายทั้ง 20 ปี มันเลยเป็นอะไรที่ Real ตัดภาพไปมาตัดภาพมามันก็ให้อารมณ์เรานั่งดูคลิปพี่น้องตัวเองแล้วหันไปเจอมันนั่งอยู่ข้าง ๆ ยิ่งตอนพูดถึง Phil Harvey หรือสมาชิกคนที่ 5 ของ Coldplay ที่ยอมทิ้งทุกอย่างแล้วมาอยู่กับ Coldplay เพียงแค่เชื่อมั่นในตัวของเพื่อนตัวเอง หรืออาจจะเพราะมีฝันเดียวกันก็อาจจะเป็นได้ เพราะสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดและปฏิเสธไม่ได้เลยตอนดูคือ ทั้ง 5 คน รวมถึง Mat ผู้กำกับด้วย ทุกคนมี Passion และรักในสิ่งที่ทำอย่างแท้จริง ทุกคนเชื่อเสมอว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันจะพาเขาไปที่ไหนซักแห่ง อาจจะเพราะว่ามันเริ่มจากความเป็นเพื่อนกันมาก่อนด้วยมั้งที่ทำให้วงมาไกลได้ขนาดนี้ แต่มันก็ไม่ได้ดังแบบก้าวกระโดด ในหนังเองก็ทำให้เห็นว่าทุกอย่างมันเป็นขั้นเป็นตอน ทุกคนต่างทุ่มเทเพื่อให้วงของตัวเองไปได้ไกลขึ้น รวม ๆ แล้วถือว่าเป็นหนังที่ดีมากสำหรับแฟน Coldplay เราได้ดูได้เห็นได้รู้จักพวกเขามากขึ้นจากมุมมองของพวกเขาเอง เห็นถึงนิสัยของแต่ละคนและความเนิร์ดแบบเนิร์ดมาก ๆ (และคนที่เนิร์ดที่สุดคือคริส) และถึงแม้หนังจะไม่ได้ลงลึกถึงวิกฤติของชีวิตศิลปินแบบที่หนังสารคดีทั่วไปมักจะเล่าหรือเล่นประเด็นที่เคยเป็นข่าวฉาว แต่ตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงครึ่งมันก็ทำให้เราเห็นว่าพวกเขาต่างก็เป็นมนุษย์ที่เจอปัญหาเหมือนกัน เพียงแต่มันไม่ใช่ประเด็นที่จะเอามาทำลายความฝันและสิ่งที่สร้างมาทั้งหมด และภาพที่ชัดที่สุดก็คือการเป็นครอบครัวเดียวกันของ Coldplay ที่ทุกคนต่างคิดว่าขาดใครคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้ ซึ่งตรงนี้มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจแล้วยิ่งรักวงนี้เข้าไปอีก
สุดท้ายแล้ว เราอยากบอกว่า เราชอบมากๆๆๆๆๆๆ ในฐานะที่เราเป็น Big fan ของวงนี้มาตลอด ต้องขอบคุณการมาเจอกันของทุกคนที่ล้วนแล้วแต่สร้าง Coldplay ในวันนี้ ถ้าตอนนี้ก็คงต้องขอบคุณ Mat Whitecross ที่ตามถ่ายมาตลอด 20 ปี ! ส่วนใครที่พลาดโอกาสก็อาจจะมีหวังถ้ามีแผ่นออกมาและเราแนะนำให้ดูเถอะ เราจะเห็นเบื้องหลังเพลงที่เราชอบมาก ๆ แล้วพอฟังมันหลังจากดู เรารับรองว่าความรู้สึกที่ฟังมันจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน มันให้ทั้งแรงบัลดาลใจแค่เชื่อในสิ่งที่เราทำแล้วทำมันอย่างตั้งใจ ไม่มีใครมารับรองว่าเราจะประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อยมันจะพาเราไปซักที่แน่นอน (และยิ่งดีถ้าเราได้อยู่ที่นั่นกับคนที่เรารักและมีฝันเดียวกับเรา) และสำหรับแฟนเพลง เธอจะได้ฟังทุกเพลงที่เธอชอบในหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอนจ่ะ และทุก ๆ ซีนคอนเสิร์ตจะทำให้ยิ้มทั้งน้ำตา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in