ถ้าหากลองหันหลังกลับมา จะพบว่ากำแพงเหล่านั้นไม่เคยพังทลายหายไปเลย
เพราะแสงแดดที่ส่องมาทางกระจกใสบานใหญ่ ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าอากาศเริ่มจะอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว เธอเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองก่อนจะใช้สองมือเรียวกอบกุมแก้วชารสละมุนลิ้นขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วลุกเดินออกจากร้านไป
ทิวทัศน์สองข้างทางที่ดูแปลกตาออกไปแต่มันก็กลายเป็นสิ่งคุ้นตาสำหรับนิชิโนะไปเสียแล้ว เธอก้าวไปตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อนจนกระทั่งไปถึงที่หมาย ใช้กุญแจในกระเป๋าไขประตูสีโอ๊คให้เปิดออกก่อนจะพาตัวเองเข้าไปภายในห้อง ถอดรองเท้าและพูดขึ้นมาเสียงเบาว่า 'กลับมาแล้วค่ะ'
คำพูดติดปากที่เมื่อได้ยินแล้วก็ยังคงทำให้แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที วางของที่ถูกไหว้วานให้ซื้อมาไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินอ้อมไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา โน้มตัวลงไปนอนแนบกับเบาะเย็นๆให้มันถ่ายเทความร้อนออกไปจากแก้มของเธอก่อนจะหลับตาลงช้าๆ แทบไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ทำตัวตามสบายในห้องของคนอื่นได้แบบนี้ ทั้งเข้าออกบ้านคนอื่นตามใจชอบหรือหยิบจับข้าวของได้อย่างไม่เกรงใจ เป็นความผ่อนคลายที่ถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นอายที่มักจะสัมผัสได้ยามเข้าไปใกล้ชิดกับอีกฝ่าย ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยและสบายใจ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้นิชิโนะสามารถเป็นตัวของตัวเองได้
"กลับมาแล้วเหรอ ?"
ได้ยินคำถามที่คงจะกลายเป็นคำพูดติดปากของอีกฝ่ายเช่นกันดังมาจากสักแห่งภายในห้องแห่งนี้ อาจจะเป็นห้องนอนก็ได้ล่ะมั้ง เมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้ เธอลืมตาขึ้นมา พบกับคนรักที่กำลังโน้มตัวเข้ามาหา ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอนิชิโนะหลับตาลงเป็นครั้งที่สองพลางคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
จะได้รสของชาที่เธอเพิ่งดื่มไปเมื่อกี้ไหมนะ
"กลับมาแล้วค่ะ"
"อื้ม ยินดีต้อนรับกลับ"
เมื่อพูดขึ้นมาอีกครั้ง ก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าพวกเรากำลังอยู่ด้วยกันไม่มีผิด
คงจะเป็นสิ่งที่ได้พูดและได้ยินอยู่ทุกๆวัน ถ้าหากว่าเราได้อยู่ด้วยกันสินะ
ถ้าหากว่าได้อยู่ด้วยกันแล้ว....
....จะดีจริงๆไหมนะ
"สวัสดีจ้ะนานาเสะจัง"
นิชิโนะก้มหัวรับคำทักทายจากฮาชิโมโตะและเอโต้เมื่อทั้งสองคนมาถึงที่บ้านของชิราอิชิ เพราะว่ามันเข้าใกล้ช่วงเทศกาลแล้วแถมยังเป็นสุดสัปดาห์ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ชิราอิชิก็เลยชวนเพื่อนของเธอมากินข้าวที่บ้าน
บทสนทนาที่มีหัวข้อหลากหลายเกิดขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน ความจริงแล้วมันไม่ใช่ครั้งแรกที่นิชิโนะได้พบกับทั้งสองคน ตลอดเวลาที่คบกัน หญิงสาวมีโอกาสได้พบปะกับคนที่อยู่รอบๆตัวชิราอิชิอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แค่ฮาชิโมโตะกับเอโต้เป็นคนที่เธอมักจะได้เจอบ่อยมากที่สุด
"ต้องกลับแล้วล่ะ ฉันมีธุระที่ต้องไปต่ออีก" เวลาที่ล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมงทำให้ฮาชิโมโตะพูดพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง
"เอ๋ เวลาแบบนี้เนี่ยนะ ?" คราวนี้เป็นเอโต้ที่ดูท่าว่าจะเป็นคนที่ดื่มมากที่สุดในหมู่พวกเรา
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่ได้ว่างเหมือนเธอหรอกนะ" ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ "แล้วจะไปพร้อมกันเลยไหม ?"
"อาฮะ ไม่อยากจะขัดเวลาของพวกมีคู่หรอก" เอโต้ยักไหล่ก่อนจะหันมาส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้กับนิชิโนะ "อ๊ะ นานาเสะจัง เดี๋ยวฉันจะบอกอะไรดีๆเกี่ยวกับไมยังให้เอาไหม ?"
"อะไรเหรอคะ ?"
“คือว่านะ ไมยังน่ะชอบใ—“
"นี่ ! อย่าไปพูดอะไรแปลกๆกับเธอสิ" เมื่อหญิงสาวกำลังเปิดปากพูดก็โดนชิราอิชิพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน เอโต้หัวเราะขึ้นมาเมื่อแกล้งปั่นหัวเพื่อนตัวเองได้ก่อนจะลุกจากเก้าอี้บ้าง
พวกเราเดินมาส่งฮาชิโมโตะกับเอโต้ที่หน้าประตูจนกระทั่งได้ยินเสียงของทั้งคู่หายเงียบไปชิราอิชิจึงถอนหายใจออกมาโดยที่ยังคงยกยิ้มไว้ตรงมุมปาก "วุ่นวายเกินไปแล้ว"
"เหรอคะ แต่ฉันคิดว่าทั้งสองคนน่ารักดีนะ" ว่าก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปยังภายในห้องดังเดิม
"คงไม่สำหรับฉันล่ะนะ"เธอกลั้วหัวเราะขึ้นมาก่อนจะเริ่มเก็บข้าวของบนโต๊ะ "นานาเสะไปนั่งเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง"
"ให้ฉันช่วยดีกว่าค่ะ จะได้เสร็จเร็วๆ" ชิราอิชิไม่ได้ขัดอะไรขึ้นมา เธอจึงลงมือเก็บของบนโต๊ะบ้าง
เมื่อเสร็จแล้วก็พากันมานั่งลงเก้าอี้พร้อมกับเครื่องดื่มที่ยังเหลือจากเมื่อก่อนหน้านี้
"พอดึกอากาศก็เริ่มหนาวขึ้นมาอีกแล้วสินะ" คนอายุมากว่าบ่นก่อนจะเท้าคางหันไปมองทางหน้าต่าง
"ทั้งที่ตอนกลางวันก็อุตส่าห์อุ่นขึ้นแล้วแท้ๆ" เธอก็เลยบ่นขึ้นมาบ้าง เป็นบทสนทนาแสนเรื่อยเปื่อยที่เหมือนกับตอนแรกที่ได้คุยกัน เวลาที่ผ่านพ้นไปทำให้สถานะของเราแปรเปลี่ยนจากเพื่อนกลายมาเป็นคนรัก แต่น่าแปลกดีที่เรายังเอาแต่คุยกันด้วยบทสนทนาพวกนั้นอย่างไม่คิดว่ามันน่าเบื่อหน่ายเลยสักนิด
"จะว่าไป ตอนกลางวันไปร้านชามาใช่ไหม ?"
"ทำไมถึงรู้ล่ะคะ ?" นิชิโนะแสร้งทำหน้าแปลกใจที่ถูกอีกฝ่ายสงสัย
"ก็รู้จากตอนที่จูบน่ะ...อร่อยดีนะ" เอียงใบหน้าหันมายกยิ้มให้ก่อนจะทอดสายตาไปยังที่หน้าต่างดั่งเดิม
"ไว้ค่อยไปด้วยกันนะคะ" เธอแค่ส่งเสียงตอบรับในลำคอและนิชิโนะก็ทำเพียงนั่งมองอีกฝ่ายที่กำลังสนใจอากาศข้างนอกนั่น
ความเงียบที่ให้ความรู้สึกว่าไม่น่าอึดอัดเลยสักนิดสินะ
ครั้งแรกก็ให้คำนิยามของเราสองคนไว้อย่างนั้นสินะ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงให้ความรู้สึกว่าเป็นแบบนั้นอยู่ ยังคงรู้สึกสบายใจยามที่จ้องมองไปที่อีกฝ่ายโดยไม่ต้องพูดอะไรขึ้นมา แต่ว่านะ ตอนนี้เธอไม่ได้ทำได้เพียงแค่นั่งมองอีกฝ่ายอยู่แบบนี้สักหน่อย
นิชิโนะยิ้มก่อนจะลุกเดินไปหาชิราอิชิที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้แขนข้างนึงค้ำยันโต๊ะไว้ก่อนจะก้มลงไปจูบอีกฝ่าย เอียงหน้าตามองศาเพื่อที่จะลิ้มรสความหวานที่แทรกซึมออกมา ช่วยลดทอนเวลาที่เสียเปล่าไปหลายวินาทีก่อนจะเลื่อนออกมาเพื่อให้สายตาสบกันได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ดวงตาที่ฉายภาพเธออยู่ในนั้นกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
"นี่ นานาเสะ"
"คะ ?"
"ย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะ"
เมื่อได้ยิน หัวใจของเธอก็สั่นระรั่วไปด้วยความหวาดกลัว
"ทำไมถึงอยากอยู่ด้วยกันล่ะคะ ?"
รู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะถามคำถามที่ไร้สาระที่สุดออกไปเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เศร้าหมองของคนรักหลุดออกมา คนที่ซ่อนสีหน้าและความรู้สึกได้ดีอยู่เสมอกำลังแสดงออกมาว่าผิดหวังเมื่อเห็นว่าเธอกำลังสับสน ความรู้สึกแย่ตีพลันขึ้นมาในอก แต่กระนั้น ถ้อยคำบางอย่างก็ยังคงหนักอึ้งเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกไป ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ความเงียบดังแทรกขึ้นมาจนทุกอย่างดูมืดมิดไปหมด
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ก่อขึ้นมาในความเงียบงันระหว่างเราทั้งสอง
.
.
นิชิโนะกำลังหนีปัญหา
เหมือนรู้สึกว่าจะเคยทำตัวแย่ๆแบบนี้อยู่หลายครั้ง แต่คราวนี้สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆก็คือตัวของเธอเอง หลังจากวันนั้นก็ผ่านพ้นไปกว่าอาทิตย์ที่ขาดการติดต่อจากคนรัก ความจริงเป็นเธอเองต่างหากที่จงใจเมินอีกฝ่ายอยู่ ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลยสักนิด แต่เมื่อพบว่าหัวใจที่ยังคงมีความลังเลอยู่เช่นนี้ ก็ทำให้ไม่อาจจะสามารถไปพบกับคนรักอย่างปกติได้
"สรุปว่าตกลงนะ" เสียงทาคายาม่าที่ลอยเข้ามาทำให้เธอหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง เงยหน้าไปมองเพื่อนสนิทที่กำลังพิงกับโต๊ะพร้อมส่งสายตาเชิงคำถามมาให้
"หา ? ยังไม่ได้ตกลงเลย" เรื่องที่พูดคุยกันก่อนหน้านี้คือนิชิโนะโดนทาคายาม่าชวนไปงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง ซึ่งก็เดาได้ไม่อยากเลยว่ามันคงจะเป็นงานเลี้ยงที่มีแต่เสียงดนตรีดังนองจนทำให้รู้สึกคลื่นไส้แน่ๆ
"เย็นนี้เธอก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอไง ?"
"ก็ใช่ แต่ว่า--" ชะงักลงไปสักพักก่อนจะเอ่ยเรียกชื่ออีกคน "คาสุมิน"
"หื้อ ?"
"..เปล่า ไม่มีอะไร" สุดท้ายก็ส่ายหน้าก่อนจะหันไปสนใจเครื่องถ่ายเอกสารอีกครั้ง
"แปลว่าไปนะ" ทาคายาม่ายิ้มร่าออกมาก่อนจะเดินมาตบที่ไหล่ของนิชิโนะเบาๆแล้วกลับไปทำงานต่อ เมื่อเห็นว่าทาคายาม่าเดินออกไปแล้วเธอถึงได้ถอนหายใจออกมา เมื่อกี้ก็ตั้งใจจะบอกเรื่องของชิราอิชิ แต่ทว่าก็กลับพูดออกไปไม่ได้อยู่ดี ทำให้รู้สึกหงุดหงิดตัวเองอยู่แบบนี้ ทั้งที่ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร แต่กลับไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าหากพูดออกไปแล้วจะได้รับการตอบรับกลับมาอย่างไร
ทั้งกลัวและสับสนอยู่ตลอด
ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่สามารถขจัดสองคำนี้ให้ออกไปจากใจได้
"ถ้าเสร็จแล้วก็อย่าขวางทางสิ" รับรู้ได้ถึงความหงุดหงิดผ่านออกมาทางน้ำเสียงได้อย่างชัดเจน เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นคนที่เธอนึกเอาไว้จริงๆเสียด้วย ใบหน้ายุ่งเหยิงของวาคัทสึกิที่มักจะแสดงออกมาเสมอเมื่อต้องพบเจอกับนิชิโนะ อาจจะเป็นเพราะเธอรู้เรื่องของเจ้าตัวก็ได้ ถึงได้ทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นออกมา
อยู่ดีๆก็โดนเกลียดสินะ
แล้วเธอคนนั้นจะเกลียดนานะรึเปล่านะ ?
"โทษที" เธอพูดขึ้นมาเสียงเบาก่อนจะถอยห่างออกไปเพื่อให้อีกคนเข้ามาใช้เครื่องถ่ายเอกสาร
"ถ้าไม่อยากไปก็ปฏิเสธไปตรงๆสิ" ขณะที่กำลังจะเดินออกไปอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาลอยๆ ซึ่งทำให้นิชิโนะชะงักก่อนจะหันไปมองวาคัทสึกิที่ง่วนอยู่กับการถ่ายเอกสาร
"ได้ยินด้วยเหรอ ?"
"ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอก แต่เสียงพวกเธอดังซะขนาดนั้น" มองสองมือที่กำลังจัดเอกสารในมือให้เรียบร้อยก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมาหาเธอ "ไม่กลัวทะเลาะกับแฟนเหรอไง ?"
"เอ๊ะ รู้ด้วยเหรอ !?" ทำตาโตอย่างตกใจ วาคัทสึกิคงจะรู้จากซากุไรแน่ๆ เธอจะคิดอย่างนั้นถ้าหากว่าเคยบอกกับซากุไรล่ะนะ แต่ว่าเธอยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับใครที่ไหนมาก่อนเลย
"ไม่รู้ก็รู้ได้จากท่าทางของเธอในตอนนี้นั่นแหละ" วาคัทสึกิส่งสายตาเอือมระอามาให้ "คงจะเป็นคนที่คุยกันในงานสัมนานั่นสินะ"
เผลอพยักหน้าตามไปอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกอึ้งที่อีกฝ่ายรู้แม้กระทั่งว่าเธอกำลังคบหากับใครอยู่ อย่างนี้รึเปล่านะที่บอกว่าเรามักจะมองคนประเภทเดียวกันออกน่ะ
"ถ้าเธอพูดเรื่องฉันกับเรย์กะคงจะรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
"ห-หา ?" ทำไมอยู่ดีๆถึงได้มาขู่กันหน้าตาเฉยๆแบบนี้กันล่ะ "หมายความว่ายังไง ?"
"ก็ตามที่พูด"
"เธอกลัวว่าคนจะรู้เหรอว่ากำลังคบกับเรย์กะ"
"ฉันไม่ได้สนใจพวกนั้นหรอกนะว่าจะรู้หรือไม่รู้ " วาคัทสึกิว่าขึ้นมาด้วยท่าทางที่เบื่อหน่ายและเอือมระอา เธอกลอกตาไปมาก่อนจะกลับมาจ้องนิชิโนะตาเขม้น "ที่ฉันสนใจน่ะมีแค่เรย์กะคนเดียว ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมาพูดถึงเรย์กะเสียๆหายๆเท่านั้น เพราะงั้นเข้าใจแล้วใช่ไหม ?"
"อ-อืม"
"ก็ดี" เธอพูดขึ้นมาแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้มองหน้าของนิชิโนะเลยสักนิด คำตอบของวาคัทสึกิทำให้เธอยิ้มออกมา หายสงสัยทันทีว่าทำไมเรย์กะถึงได้ไปคบกับคนอารมณ์ฉุนเฉียวแบบวาคัทสึกิได้กันนะ จากนั้นก็เดินถือเอกสารกลับไปยังห้องทำงานเช่นกัน
"เถรตรงดีจัง"
.
.
เสียงดนตรีที่นองไปทั่วนั้นทำให้นิชิโนะอยากจะปลีกตัวออกไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด ทั้งเสียงผู้ชายที่พยายามเข้ามาคุยกับเธอนั้นก็ไม่ได้ผ่านหูเข้ามาเลยสักนิด ทาคายาม่าก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดขัดขึ้นมาอย่างเสียมารยาทเพื่อที่จะพาตัวเองออกมาสูดอากาศด้านนอก
ก้มมองปลายท้างของตัวเองที่เริ่มจะชาขึ้นมานิดๆสลับกับมองหน้าจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
"กำลังอะไรอยู่กันนะ"
พึมพำก่อนจะสูดเอากาศเย็นจัดเข้าไปเต็มแรงจนรู้สึกแสบบริเวณทรวงอก จากนั้นก็พ่นลมหายใจที่เปลี่ยนเป็นไอสีขาวออกมา ก่อนที่มันจะเลือนลางหายไปในชั่วพริบตา ไม่รู้ว่าจะยืนตากลมอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแค่ไหน แต่นิชิโนะในตอนนี้แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำอะไรก่อน
แต่กระนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็กำลังส่งเสียงของปลายสายที่กดโทรออกไปอย่างไม่รู้ตัว
"นานาเสะ ?"
"...."
"เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่พูดล่ะ ?"
แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่อ่อนโยนอยู่เสมอ
ยิ่งทำให้รู้สึกผิดไปกันใหญ่
"นี่ ได้ยินมั--"
ติ๊ด
กดตัดสายไปแล้วพร้อมกับร่างกายที่ตัดสินใจได้เสียทีว่าควรจะทำอะไร
ยืนมองแท็กซี่ที่กำลังขับวนออกไปอยู่สักพัก ขณะที่กำลังจับลูกบิดประตูให้เปิดออกด้วยกุญแจที่อีกฝ่ายให้ไว้กับนิชิโนะ มันก็ถูกเปิดออกเสียก่อนด้วยคนที่มีท่าทางร้อนรน ชิราอิชิทำหน้าตกใจเพียงครู่เมื่อเห็นเธอกำลังยืนอยู่หน้าประตูแต่ก็โผเข้ามากอดแทบทันที
"อย่าทำให้ตกใจสิ !"
ร่างกายที่กำลังจมเข้าไปในอ้อมกอดของคนที่ส่งเสียงดุออกมา ทั้งที่เคยคิดเหมือนกันว่าขนาดตัวของเราก็แทบไม่ได้ต่างกันเลยแท้ๆ แต่แขนที่กำลังโอบกอดอยู่นี้กลับไม่ปล่อยให้มีอะไรเล็ดลอดออกไปได้เลย
เมื่อคลายกอดออก มือเรียวนั่นก็ประกบแนบไว้กับแก้มที่เย็นชืดทั้งสองข้างของนิชิโนะ เธอบ่นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนจะคว้ามือของคนรักลากเข้าไปในห้องทันที
"ทำไมถึงไปยืนอยู่หน้าห้องล่ะ"
เอ่ยถามคนอายุน้อยกว่าที่เอาแต่นั่งเงียบก้มมองน้ำที่กระเพื่อมไปมาตามแรงขยับ ภายในอ่างที่สามารถจุร่างกายของหญิงสาวสองคนได้อย่างพอดีนั้นพวกเรากำลังหันหน้าเข้าหาให้เข่าที่พ้นเหนือขึ้นมาได้ชนกัน ตอนที่สัมผัสกับแก้มของอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบ รู้สึกเป็นห่วงจนต้องรีบพาอีกฝ่ายเข้ามาเพื่อทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น
นิชิโนะไม่ตอบ สายตาเอาแต่มองไปยังกระจกที่ไม่สามารถสะท้อนอะไรออกมาได้ เม้มปากเอาไว้ก่อนจะเอ่ยถามชิราอิชิออกมาอย่างแผ่วเบา
"โกรธรึเปล่า ?"
"ให้โกรธเรื่องอะไรล่ะ ?"
"ที่อยู่ดีๆก็หายไปน่ะ"
"อ้อ เรื่องนั้นก็โกรธอยู่หรอก" ก็เล่นไม่ตอบทั้งข้อความและไม่ยอมรับสายกันเลยนี่นา เป็นใครก็ต้องโกรธอยู่แล้ว ถึงจะไม่เคยทะเลาะกันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง แต่ว่าครั้งนี้สาเหตุมันเริ่มมาจากตรงไหนนั้นเธอเองก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย ความผิดหวังที่ถาโถมเข้ามาเมื่ออะไรไม่เป็นดั่งใจคิด แต่ก็พอจะเข้าใจคนตรงหน้าอยู่หรอก เธอเองก็มีส่วนผิดที่คงจะรีบร้อนเกินไปหน่อย บางทีก็เผลอไปตัดสินใจแทนจนอาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกลำบากใจ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เลยเอาแต่วิตกกังวลจนทำอะไรไม่ถูก นึกไม่ถึงเลยว่าคนตรงหน้าจะมีอิทธิพลกับเธอขนาดนี้
"เกลียดนานะไหม ?"
"เกลียดไม่ลงหรอก"
"แต่นานะเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้"
ผลุบตาลงอย่างเศร้าใจ ทั้งที่ก็ทำอะไรไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของคนตรงหน้าเลยสักนิด แต่เธอก็ยังใจดีกับนิชิโนะอยู่เสมอ ก็เลยนึกเกลียดตัวเองที่ยังทำตัวไม่ดีกับอีกฝ่ายไป เอาแต่คิดอะไรลบๆออกมาให้มันคอยกัดกินหัวใจ
"งั้นฉันจะเป็นคนรักนานาเสะให้เองนะ"
คนอายุมากกว่าใช้ปลายนิ้วเกี่ยวกับนิ้วของอีกคนก่อนจะค่อยๆเลื่อนให้มือทั้งสองประสานชิดกันอย่างพอดี กระชับให้แน่นเพื่อหวังว่ามันจะทำให้ความกังวลเหล่านั้นคลายลงไป
แทบไม่เชื่อเลยว่าจะเผลอรักเด็กคนนี้ได้อย่างมากมายถึงเพียงนี้ เมื่อครั้งแรกที่ได้รู้จัก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าถ้อยคำเหล่านั้นจะสามารถสร้างรอยต่อที่เชื่อมโยงระหว่างเราขึ้นมาได้ ราวกับว่าเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าเธอคนนี้จะนำพาความเปลี่ยนแปลงมาให้แก่กัน และต่อจากนี้ก็อยากจะเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงที่จะคอยหมุนผ่านไปอย่างเชื่องช้าด้วยดวงตาคู่นี้
เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มสีแดงระเรื่อของอีกฝ่าย คงอุ่นขึ้นแล้วสินะ..แล้วหลังจากอาบน้ำเสร็จจะทำอะไรกันดีล่ะ
"หลังจากนี้อยากทำอะไรเหรอ ?"
""อยากเล่นเกม.."
"อือ"
"หิวด้วย.."
"อือ"
"แล้วก็...."
"แล้วก็ ?"
"อยากอยู่กับไมด้วย"
ชิราอิชิพยักหน้า ถึงจะคิดว่าตอบไม่ค่อยตรงคำถามก็เถอะ สัมผัสได้ว่าเธอไม่ได้โกหกกันหรอก แม้ตอนนี้จะยังทำหน้าหงอยๆอยู่ก็ตาม
ใบหน้าเหงาหงอยที่เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด
ถ้าทำให้เธอยิ้มออกมาได้ก็คงจะดีสินะ ตอนนั้นก็คิดไปแบบนี้นี่นา
ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะกระซิบเสียงที่ก้องกังวานให้เธอได้ยิน
"งั้นก็มาอยู่ด้วยกันเถอะนะ"
พอเห็นเธอยิ้ม ก็ค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย
ความหวาดกลัวเหล่านั้นจะค่อยๆจางหายไปภายในสักวันหนึ่ง
ขอแค่ยังมีเธอที่เดินเคียงข้างกันไป
เพราะอย่างนั้น...
ก็อยากจะทำให้ทุกๆวันเต็มไปด้วยเรื่องราวของฉันและเธอ
END
________________________________________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in