หลังจากทำไปได้ดีมากกับอัลบั้ม Dangerous Woman ที่สำหรับเราแล้วถือว่าทำออกมาดีทุกเพลงและเป็นแนวที่เหมาะกับ Ariana มากจริงๆ ทำให้อัลบั้มใหม่อย่าง Sweetener นี้ถือว่าทำให้เราและหลายๆ คนจับตามองมากพอดู
หลังจากที่เพลงทยอยปล่อยออกมากระทั่งถึงวันที่เปิดสตรีมอัลบั้มก็ทุบสถิติหลายๆ อย่างกันไปมากทีเดียว เราเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้จึงรีบเปิดฟังบ้าง
รายชื่อแทรคต่างๆ ก็มีดังต่อไปนี้
มีีทั้งหมด 15 แทรคด้วยกัน เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่าแต่ละเพลงเป็นอย่างไรบ้าง
1. raindrops
เป็นเพลง intro เข้าอัลบั้มที่ดีมากเลย จำได้ว่า Ariana เคยปล่อยมาให้ฟังกันแวบหนึ่ง เป็นเพลงสั้นๆ โชว์พลังเสียงของเธอได้อย่างเต็มที่และบอกความเป็นตัวของตัวเองมาก
2. blazed (feat. Pharrell Williams) เพลง intro ทำได้ดี แต่มาตกม้าตายตรงเพลงที่สองนี่แหละ เราไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงเลือก Pharrell มาทำเพลงให้ สไตล์ทั้งสองคนมันต่างกันมากๆ หรือบางทีอาจจะอยากแหวกตัวเองออกจากกรอบเดิมๆ อันนี้ก็ไม่แน่ใจนะ แต่สำหรับแฟน Ariana มันบอกได้เลยว่าไม่คุ้นหูเอาค่อนข้างมาก เพราะเป็นเพลงที่ยำอะไรเข้าด้วยกันจนมันหาจุดเด่นอะไรไม่ได้เลย 3. the light is coming (feat. Nicki Minaj) เพลงนี้ปล่อยมาครั้งแรกเรากะพริบตาปริบๆ พูดอะไรไม่ออก เพราะมันไม่ใช่อะไรที่หวังเอาไว้เลย นึกว่ามันจะทรงพลังมากกว่านั้น (ส่วนหนึ่งเพราะชื่อเพลงด้วยล่ะ the light is coming มันให้ความรู้สึกเหมือนอะไรสักอย่างที่อิงศาสนาค่อนข้างมาก) แถมการใส่เสียงผู้ชายที่พูดประโยค You wouldn’t let anybody speak and instead เข้ามานี่มันทำให้เพลงดูน่ารำคาญมากๆ แต่รู้สึกชอบท่อนแร็ปของ Nicki มากนะ สำหรับเพลงนี้เราฟังครั้งแรกแล้วไม่ชอบเลย แต่ฟังครั้งที่สอง แบบ เอ๊ะ...ก็ดีนะ ฟังครั้งที่สามปุ๊บก็ชอบ (ฮ่าๆๆ) ส่วนหนึ่งอาจเพราะท่อน The light is coming to give back everything the darkness stole ด้วยแหละ มันฟังติดหูแล้วก็ไม่น่ารำคาญเท่าท่อนผู้ชายอ่ะ
VIDEO
4. R.E.M
เพลงนี้ดี ดีแบบเออ นี่แหละสไตล์ของ Ariana แต่แอบมีเงาของ Beyonce ทาบทับ และมันก็จริงดังที่คิดเพราะมีเวอร์ชั่นของ Beyonce ตามมาติดๆ เลย ถ้าฟังเวอร์ชั่นของ Ariana จะให้ความรู้สุกเคลิ้มๆ ฝันๆ หน่อยเหมือนสมัยฟัง Moonlight แต่ถ้าเวอร์ชั่น Beyonce ก็จะเป็นอารมณ์เพลงแบบที่คนฟัง Beyonce จะชอบอ่ะ
5. God is a woman
เพลงนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีและสื่อความผ่าน Music Video ออกมาได้เยอะเลยด้วย เป็นอีกเพลงที่มีท่อนติดหูเยอะ มีฉากติดตามาก กระทั่งท่อน And you will know my name is the Lord ยังติดหูอ่ะ เป็นเพลงที่ฟังแล้ว impact มาก เพอร์ฟอร์มแมนซ์ก็เก๋อีกต่างหาก
VIDEO
6. sweetener
เพลงนี้ฟังครั้งแรกก็ชอบเลย โชว์เสียง Ariana ได้ดีในช่วงท่อนฮุคนะ แต่ฟังผ่านๆ แล้วมันแปลกๆ อ่ะ แปลกตรงที่ซาวนด์มันเหมือนอยู่ในเทศกาลคริสต์มาสมากเกินไป คือถ้าเอาซาวนด์นี้ไปใส่ในเพลงช่วงคริสต์มาสของนางมันน่าจะออกมาดีกว่านี้ แต่รวมๆ ก็ชอบอยู่ดีแหละ
7. successful
ซาวนด์มาแนวๆ นี้ทั้งอัลบั้มจนเอียนอ่ะ ไม่รู้ว่าต้องโทษคนโปรดิวซ์หรือเปล่า คือมันไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยนอกจากเพลงก่อนหน้าที่ปล่อยออกมาซึ่งถือเป็นเพลงชูโรงของอัลบั้ม เหมือนเราย้อนไปฟังอัลบั้มแรกๆ ของนางสมัยยังใส่ชุดสีชมพูกระโปรงบานๆ แต่มันก็ยังรู้สึกว่าไม่ดีในสายตาเรานะ สิ่งเดียวที่ดีคือเสียงของเจ้าของอัลบั้มนี่แหละ
8. everytime
อัลบั้มที่แล้วมี Sometimes อัลบั้มนี้มี Everytime แต่แนวเพลงจะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังฟัง Everyday เพลงนี้เสียงกับซาวนด์ถือว่าไปด้วยกันได้ดี ฟังแล้วมีจุดพีคๆ อยู่ในเพลง รู้สึกโล่งอกขึ้นมาได้บ้าง
9. breathin
เป็นอีกเพลงที่ชอบมากในอัลบั้มนี้ อยู่ใน Top5 เลยแหละสำหรับเรา เพลงที่สามารถรวมเข้าไปอยู่ในอัลบั้ม Dangerous Woman ได้ง่ายๆ เลย มีท่อนโชว์เสียงอีกแล้ว เพลงนี้ถือว่าดี ไม่ตกม้าตาย
10. no tears left to cry
ไงดีล่ะ ฟังครั้งแรกก็ออกจะเสียดาย แต่ฟังหลายๆ ครั้งเข้ามันก็ติดหูอย่างบอกไม่ถูก เป็นเพลงที่มีท่อนร้องและซาวนด์ให้สามารถกรีดกรายดิ้นไปดิ้นมาได้พร้อมขนเฟอร์ที่ไหล่
VIDEO
11. borderline
กำลังดีก็วกกลับมาที่แนวเดิมแบบฟังปุ๊บรู้ปั๊บว่าใครโปรดิวซ์ เอาจริงๆ เพลงนี้ก็ไม่ได้แย่นะ แต่มันเริ่มเอียนแล้วกับแนวซาวนด์แบบนี้
12. better off
เพลงต่อมาถือว่าดีขึ้นหน่อย better off เป็นเพลงช้าๆ นุ่มๆ ฟังสบายสไตล์ Ariana เหมือนแทรกมาเพื่อให้ฟังล้างหูอ่ะ
13. goodnight n go
เพลงนี้ก็ดีมาก เป็นเพลงที่ชอบในลิสต์เลยแหละ เพลงแนวแบบ Ariana ที่ปล่อยมาแล้วไม่ทำให้แฟนๆ ตกใจ (ฮ่าๆๆ) เป็นเพลงจังหวะดีๆ แบบที่เปิดระหว่างขับรถในวันที่ฝนตกโปรยปรายแล้วจะได้อารมณ์มากๆ
14. pete davidson
เพลงสั้นๆ นาทีกว่าๆ นี้แต่อัดแน่นไปด้วยถ้อยคำบอกรักให้กับแฟนนาง บางทีก็เหม็นความรักจัง อิจฉาอ่ะ คนทำเพลงมันก็จะมีวิธีบอกรักทำนองนี้แหละเนอะ (ฮ่าๆๆ)
15. get well soon
เพลงก่อนหน้านี้เป็นเพลงสั้นๆ แต่เพลงจบท้ายนี่มายาวห้านาทีกว่าเลย ถือว่าเป็นเพลงปิดท้ายที่ดีและโอเคในแง่ของการสร้างสัญลักษณ์อะไรบางอย่างเพื่อสื่อถึงเหตุการณ์ที่นางตั้งใจจะสื่ออ่ะ เป็นเพลงยาวๆ แต่ฟังไม่เบื่อเพราะดนตรีไม่ดังมาก โชว์เสียงนางได้เต็มที่ และจะพบว่าจบเพลงแล้วจะมีช่วงที่เพลงปล่อยเงียบไปนาน อันนั้นเป็นกิมมิคที่นางตั้งใจโชว์คือให้ทุกคนไว้อาลัยกับผู้จากไปในเหตุระเบิดก่อนหน้านี้นี่เอง
จบแล้ว 15 เพลง Pharrell โปรดิวซ์พังไปเสียครึ่ง แต่ทุกเพลงเอาอยู่ด้วยเสียงของ Ariana ก็ไม่นับว่าแย่นะ แต่รวมๆ แล้วชอบอัลบั้มที่แล้วมากกว่า มันจี๊ดใจได้มากกว่า แต่อัลบั้มนี้ชอบกิมมิคต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในเพลง ไล่ตั้งแต่การใช้ตัวอักษรของชื่อเพลงไปจนถึงสตอรี่ที่สื่อออกมาใน Music Video (ถ้าสังเกตจะเห็นว่าชื่อเพลงนางจะใช้ตัวพิมพ์เล็ก เวลานางพิมพ์อะไรในโซเชี่ยลก็ชอบใช้ตัวพิมพ์เล็กหมดเหมือนกัน) เป็นลูกเล่นที่แสดงให้เห็นว่า Ariana ตั้งใจทำอัลบั้มนี้ออกมาได้ดีแค่ไหน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in