เราขึ้นเครื่องบินครั้งที่ 2 ในชีวิต 

ไปเที่ยวหลายวันกับเพื่อนๆ ครั้งแรกในชีวิต

ไปเหยียบภาคเหนือครั้งแรกในชีวิต

ไปเที่ยวในจังหวัดใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปครั้งแรกในชีวิต

กับจังหวัดที่ถือว่าโคตรแมส นั่นก็คือ "เชียงใหม่"

ไปเชียงใหม่ครั้งนั้นแล้วได้อะไรบ้าง สำหรับเด็กหัดเที่ยวต่างจังหวัดครั้งแรกในวัย 19 ปี ?

ได้สัมผัส กับการขึ้นรถแดง ว่าเป็นยังไง อ่อ แม่งต้องเหมารถ ไปนู่น ไปนี่ คนกรุงเทพฯ จ่ายราคาเหมาเอา หรือถ้าจะเนียนเป็นคนเมือง มันก็เหมือนขึ้นสองแถวทั่วๆไปนี่นา

ได้เห็นความสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ของภูเขาเขียวสูง ที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา เรามองว่ามันสวยแปลกตาจากวิวภูเขาที่เคยเห็นจากแถวชะอำ หัวหิน เยอะมากแบบบอกไม่ถูก (ชั้นเคยเห็นแค่นั้นในชีวิตแหละตอนนั้น) 

ได้สวมบทเป็นนักท่องเที่ยวจริงจัง เดินเที่ยวในสถานที่ must go ในเมือง ไม่ว่าจะเป็นถนนนิมมาน เที่ยวห้างเมย่า แม่งก็เหมือนเดินสยามบ้านเราปะวะ หรือจะถนนคนเดินเชียงใหม่ ที่ว่าเอ๊ะ ก็อารมณ์เดินตลาดนัดนี่นา ไม่เห็นจะมีอะไรหวือหวา ว้าวๆ วู้วๆ อย่างที่คาดคิดไว้เลย

ได้นั่งรถทัวร์ข้ามอำเภอ ไปดอยอ่างขาง ขึ้นเขาครั้งแรก สนุกดีนะ ทางโคตรชัน โคตรเสียวเลย

ได้ไปเดินดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ ดอยที่โคตรแมสในเชียงใหม่ เข้าใจแล้วว่าทำไมแมส มันคือจุดสูงสุดในประเทศไทยนี่นา คนก็ต้องไปเยอะสิ ไม่ไกลจากตัวเมืองด้วย แต่สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดคือ ทำไมวิวที่ีดอยอินทนนท์ เมื่อมองลงมามันสวยอย่างนี้เนี่ย ! มีใครคิดเหมือนฉันไหมนะ ว่าวิวมันสวยมากๆ เลยอะ

ได้ไปกิ่วแม่ปานครั้งแรกในชีวิต เห็นในไอจีอยู่หรอกว่าเราจะมีโอกาสได้เห็นทะเลหมอก แต่ตอนที่ได้ไปจริง มันเปิดประสบการณ์ที่โคตรช็อคหลายอย่างในชีวิต

กับอุณหภูมิหนาวที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาในชีวิต 2 องศา !

เค รู้ละ หนาวชิบหาย หนาวแบบสั่น ยิ่งเดิน ยิ่งหายใจไม่ออก เข้าใจแล้วว่าการหายใจไม่ออกตายมันเป็นยังไง 

เมื่อพอไปถึงยอดกิ่วจริงๆ กลับช็อคยิ่งกว่า กับความสวยงามของธรรมชาติบนยอดกิ่ว วิวที่เห็นภูเขา ทะเลหมอกไกลสุดลูกหูลูกตาจนเห็นเส้นขอบฟ้า หรือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงอาทิตย์สีทองที่เริ่มสาดส่องลงมาให้คนได้ตื่นมาใช้ชีวิต มันเป็นแบบนี้นี่เองหรอ 

มันทำให้เรารู้เลยว่า เราชอบเที่ยวสถานที่ธรรมชาติแบบนี้ การดูวิวสวยๆ การเฝ้ารอดูแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนแปลง มันทำให้เราลืมความเหนื่อยหอบแฮ่กๆ ตอนขึ้นมาเลย

แต่การไปเชียงใหม่ครั้งนั้น เรายังพกนิสัยบางอย่างที่ทำเป็นกิจวัตรไปใช้ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความน่ารำคาญกับเพื่อนบ้างแหละ เช่น ความเรื่องเยอะในการกินข้าวระหว่างมื้อ การไม่อดทนกับอะไรบางสิ่ง มันทำให้เราค่อยๆ ตกผลึกได้เมื่อเรากลับมาและนึกทบทวนว่าเราได้ผ่านอะไรมาบ้างจากการเที่ยวครั้งแรกนี้

.

การไปเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกมันเหมือนกับการเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวครั้งแรกของเรา ทำให้เรารู้ว่า เรามีนิสัยการเที่ยวแบบไหน บางที ทิ้งตัวตนที่เป็นอยู่ในทุกๆ วันออกไป แล้วปรับตัวสักชั่วครู่ เพื่อให้เราได้เห็นกับสิ่งที่จะทำให้เราประทับใจอย่างคาดไม่ถึง มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษยิ่งกว่าได้ของขวัญที่อยากได้เสียอีก

เรานำไปปรับใช้กับการเที่ยวครั้งต่อๆ ไป และมันทำให้เราเที่ยวง่ายขึ้น สบายใจขึ้น ปลดปล่อยมากขึ้น 

มันทำให้เรารู้ว่า ไลฟ์สไตล์การเที่ยวของเราเป็นยังไง และเพื่อนร่วมทางแบบไหนที่ีเหมาะสมที่จะออกเดินทางกับเรา

.

เป็นช่วงเวลาอันรวดเร็วที่เราได้ตัดสินใจอีกครั้งว่า เราคงต้องไปทำความรู้จักกับเชียงใหม่อีกสักรอบแล้วแหละ มันเป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่สามารถสร้างความสุขให้กับทุกไลฟ์สไตล์การเที่ยวของทุกคน อันเนื่องจากโควิด และสถานการณ์หลายอย่างที่ทำให้เราไม่ได้ออกเดินทางมาเกือบปี และที่ได้เห็นจากฟีดไอจี หรือเพจท่องเที่ยวอีกหลายเพจ ว่า 3 ปีที่ผ่านมา สถานที่น่าเที่ยวในเชียงใหม่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด 

ถึงคราวที่เราต้องเจอกันอีกสักรอบแล้วแหละนะเชียงใหม่ เราจะไปอยู่กับเธอ 3 วัน กับไลฟ์สไตล์การเที่ยวของเราที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มันจะทำให้เรารู้สึกยังไงกับเธอนะ จะยังชอบเหมือนเดิม มากขึ้น หรือน้อยลง เราก็ไม่อาจรู้ได้ เมื่อเราได้ไปลองสัมผัสดูอีกสักรอบ :)

กว่าจะลำไยตัดสินใจว่าจะไปเชียงใหม่ ก็ปาไปต้นเดือนพฤศจิกายนเข้าไปแล้ว

เพื่อนๆ ชวนกันตั้งแต่เดือนกันยา กับโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินบุฟเฟ่ต์ ที่เราไม่ได้สมัครกับพวกมันด้วย 

เนื่องจาก condition ต่างๆ นานาที่รู้สึกว่าไม่คุ้มเท่าไหร่

มาตัดสินใจก่อนเดินทางไม่ถึงเดือน ชักเริ่มสังหรณ์ใจแล้วว่า ค่าตั๋วจะแพงมั้ยวะ ?

พอเปิดเว็บไซต์เข้าไปดูเท่านั้นแหละ อิผี ชั้นจะเป็นลม

ราคาที่คุ้มค่าที่สุด 1,900 บาท/เที่ยว !

มึง บ้าเปล่า เที่ยวเชียงใหม่ ไปกลับประมาณ 3,800 แล้วไม่รวมค่าแท็กซี่หลังจากกลับจากสนามบินอีกนะ

ไม่ไหวว่ะ ฉันจะเสียเงินเกือบสี่พันกะแค่ค่าเครื่องบินเท่านั้นหรอ ?

ไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนแค่ 3 วัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ควรเกิน 5,000 ด้วยซ้ำไป

เราจึงลองหาวิธีการเดินทางที่ประหยัดขึ้น และการเดินทางอย่างหนึ่งที่ราคาถูกกว่าเกือบครึ่งก็แวบเข้ามาในหัวเรา...

เออ รถไฟไง รถไฟนอนราคาเที่ยวนึงไม่ถึงพัน และมีรถไฟขบวนใหม่ที่สะอาดสะอ้าน บรรยากาศน่านั่ง และยังได้เห็นวิวชนบทตอนเช้าอีก เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ ถึงแม้ว่าจะต้องไปคนเดียวก็เถอะ

เย็นวันนั้น เราไปจองตั๋วที่หัวลำโพงทันที แต่เมื่อได้จองจริงๆ ใจกลับต้องหล่นลงไปถึงตาตุ่ม

"รถไฟขบวนใหม่เต็มแล้วครับ เหลือแต่ขบวนเก่า ชั้นบนเหลือแค่ 3 ที่"

เอาไงล่ะกู ได้ยินมาหนาหูว่า รถไฟไทยน่ะ เก่ากึ้ก ห้องน้ำก็ไม่น่าเข้า กลิ่นเหม็น แล้วเราก็เป็นคนมีปัญหากับการเข้าห้องน้ำสกปรกมาก เป็นสันดานที่ีแก้ไม่หายมาตั้งแต่เด็ก 

จะยอมนั่งรถไฟเก่า หรือจะเสีย 4,000 ค่าเครื่องไปกลับดีวะ ?

เราโทรถามเพื่อนประมาณ 4 คนได้ และมีเพื่อนคนนึงบอกว่า

"ห้องน้ำก็ตามสภาพแหละนะ แต่ถ้ามึงอยากจะเห็นวิวสวยๆ มึงขึ้นขบวนเก่าน่ะถูกแล้ว เพราะเส้นทางมันไม่เหมือนกัน รถไฟขบวนใหม่ถึงเชียงใหม่ตอน 6 โมงเช้า มึงแทบไม่เห็นวิวอะไรเลย แต่คันเก่า มึงจะได้เห็นวิวสวยๆ สองข้างทางเป็นชั่วโมง และมันจะมีช่วงนึงที่วิวสวยมาก"

 เราลังเล ชั่งใจอยู่สักพัก 

ถ้านั่งรถไฟ ก็น่าจะเข้าห้องน้ำไม่น่าเกิน 2 ครั้งมั้ง ก่อนนอนกับตอนตื่น

ถึงจะนอนชั้นบน ตอนเช้าก็มานั่งที่ที่คนลงไปแล้วก็ได้ ก็ได้เห็นวิวเหมือนกัน

13 ชั่วโมงเอง ถ้ามันเหี้ย เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ห้องน้ำเหี้ยกว่านี้มึงก็ผ่านมาแล้ว

โอเค จองก็จอง !

สุดท้ายเราก็ตัดสินใจจองตั๋วรถไฟชั้น 2 ขบวนที่ 13 

ออกจากหัวลำโพงตอน 19.45 ถึงเชียงใหม่ตอน 8.35

หัวลำโพงอยู่ห่างจากออฟฟิศสถานีเดียวเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเลิกงานแล้วก็ออกมาเลย ไปง่ายจะตาย

ผู้หญิงตัวคนเดียว นอนรถไฟชั้นบนคนเดียว ครั้งแรกในชีวิต รอดสิวะ โตแล้ว ชั้นเอาตัวรอดได้หน่า !

ปล. ส่วนขากลับนั้นเรากลั้นใจจองตั๋วเครื่องบินกลับไฟลท์ 2 ทุ่ม คนเดียว เพราะเพื่อนๆ กลับกันตั้งแต่ 5 โมง ในราคา 1,900 บาท แต่ยังดีที่ใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันลดค่าเครื่องบินได้อีก 40% เหลือแค่ประมาณ 1,200 บาท จะได้เงินคืนหลังจากเที่ยวเสร็จ จากค่าเดินทางประมาณ 4,000 ก็หาทางให้เหลือ 2,000 ได้อยู่ เก่งมากเว้ย !