เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FANFICmoon_effect
LETTING GO. [2JAE]
  •          

    - sad ending

    *Please go to Happy ending and check it out 


                 แสงไฟริบหรี่ที่ส่องลงมาท่ามกลางความมืด เสียงแพลงเคล้าบรรยากาศที่ถูกเปิดคลอเอาไว้โต๊ะตัวเล็กๆความสูงเท่าเข่าถูกวางเรียงกันเป็นแนวยาวอัดกันอยู่ที่มุมในสุดของร้านมีเก้าอี้สีขาวตั้งเรียงรายอยู่รอบโต๊ะ พร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวายของเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันที่ห่างหายจากการพบเจอสังสรรค์กันมาปีกว่าเรื่องราวมากมายถูกเล่าออกมาจากปากของคนแล้วคนเล่า ความยากของการหาที่สมัครงานการหิ้วพอร์ทไปตามหาบริษัทดีๆสักบริษัททึ่จะเป็นที่ถูกใจของเรา และเราก็เป็นที่ถูกใจของบริษัทหรือแม้แต่เรื่องเล่าของหัวหน้าแผนก หัวหน้างาน รุ่นพี่ที่ทำงานมนุษย์ป้าโต๊ะถัดไป เพื่อนร่วมงานช่างนินทา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่รู้สึกว่าช่างอยากเล่าให้คนที่ห่างหายกันไปได้ฟัง

     

                แก้วใสที่บรรจุน้ำสีอำพันเอาไว้ แก้วแล้วแก้วเล่าที่ถูกส่งต่อกันมาเติมที่หัวโต๊ะเพื่อนสนิทตัวดียังคงทำหน้าที่มือชงประจำรุ่นได้อย่างดีใครๆก็บอกว่ามันควรที่จะไปเปิดร้านเหล้า แทนที่จะมาเป็นพนักงานต็อกต๋อยอยู่ในบริษัทเอกชนแต่มันก็ตอบทุกคนกลับไปอย่างขำๆ บอกว่าถ้าเปิดร้านเหล้าจริงๆก็คงจะเจ๊ง เพราะเพื่อนตัวดีพวกนี้คงยกพวกไปถล่มทุกวันซึ่งทุกคนก็เห็นตรงกันว่า น่าจะจริงอย่างที่มันในพูด

     

                อิมแจบอมสะกิดมือชงข้างๆหนึ่งที เพื่อบอกให้มันเติมเหล้าในมือให้หน่อย ซึ่งหวังแจ็คสันก็รับมาอย่างเต็มใจ และจัดการชงเหล้าให้ตามที่แจบอมกระซิบใส่หู “แก้วนี้ขอเข้มๆ” แต่แจ็คสันก็ยังคงสงสัย ปกติเพื่อนรักไม่ใช่คนที่ชอบเหล้าแบบกินแล้วน็อก มันเป็นพวกต้องการซึมซับบรรยากาศการคุยสบายๆ มากกว่าที่จะต้องเมาหัวราน้ำ แล้วตื่นมาพร้อมกับอาการเมาค้างในเช้าวันรุ่งขึ้นเพราะฉะนั้น การขอเหล้าเข้มๆในความหมายเมื่อกี้ คงไม่ใช่เรื่องปกติซึ่งเขาก็ไม่เคยเดาอะไรผิดเกี่ยวกับเพื่อนรักสักอย่าง เพราะเพียงแค่มองไปยังอีกฝากฝั่งหนึ่งของโต๊ะก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูท่าทางแล้วน่าจะพึ่งเดินเข้ามา ผู้ชายหน้าตาน่ารักที่มีผมปรกหน้าสีน้ำตาลอ่อนและรอยยิ้มกว้างที่แสนจะจริงใจที่ถูกส่งให้ทุกคนรอบโต๊ะ

     

    ดวงตาของอิม แจบอมยังคงค้างนิ่งงันอยู่ตรงนั้นเสี้ยววินาทีที่หันไปที่ปลายโต๊ะแล้วเจอคนมาใหม่คนมาใหม่ที่เขาไม่เห็นหน้าคร่าตามาหลายปี ไม่มั่นใจเลยว่าถ้าหากออกไปเจอกันข้างนอกจะยังคงจำกันได้หรือเปล่าแต่แล้วแขบอมก็ต้องภวังค์เมื่อเพื่อนเดินเข้ามาสะกิดให้ออกไปเต้นกันข้างหน้า ซึ่งแจบอมองแจก็ทำได้เพียงส่ายหัวพรืดเขาร้างลาจากการขยับร่างกายมานานพอสมควร ไม่ใช่พวกชอบแสงสีอะไรแบบนั้นแล้วเขาบอกเพื่อนไปเพียงว่า “ขอกินก่อน เดี๋ยวเมาแล้วก็เต้นลืมกินเองแหละ”  เพื่อนจึงพยักหน้าแล้วเดินจากไป  ตอนนี้จึงเหลือคนอยู่ที่โต๊ะไม่กี่คน ซึ่งนั่นรวมไปถึงคนที่ปลายโต๊ะอีกฝั่งด้วย

     

    นั่งเงียบๆมองผู้คนและแสงไปได้ไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาทักซึ่งแจบอมก็ทำได้เพียงพยกหัวและยิ้มรับไปตามภาษาคนไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์เท่าไหร่

    “เป็นไงบ้างวะมึงงานเป็นไงบ้าง”  

    “ก็เรื่อยๆอ่ะไม่ได้แย่อะไร”

    “รู้เรื่องที่เพื่อนจะแต่งงานยัง”

    “ใครวะ”

    “จินยองไงเห็นเงียบๆไปคนแรกของรุ่นเลย”

    “จริงดิ เร็วว่ะ”

    “เออดิเนี่ยจะไปช่วยมันหาที่อยู่ เดี๋ยวการ์ดเสร็จมึงคงได้อ่ะ รอหาชุดไว้ได้เลย”

                “โอเคๆ”

                “แล้วมึงอ่ะกับยองแจนี่กูนึกว่าจะเป็นคู่แรกของรุ่นนะเนี่ย”

                “...”

     

                เหลือเพียงความเงียบงันที่ส่งเสียงดังหลังจากคำถามนั้นแจ็คสันที่นั่งอยู่ข้างหลังเห
    นท่าไม่ดีจึงลากเพื่อนตัวดีออกไปเต้นกลางฟลอร์แทน ทิ้งให้แจบอมจมอยู่กับคำถามเมื่อกี้ก็แน่ล่ะ.. ไม่เจอกันมาตั้งนาน คงไม่มีใครรู้ว่าเขากับยองแจ.. เลิกกันไปตั้งนานแล้ว 

     

                ถึงจะรู้ว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าเขากับยองแจเลิกกันแต่พอเจอคำถามเข้าไปจังๆแบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเชาปรายตาไปมองที่ปลายโต๊ะอีกครั้ง จึงเจอว่าสายตาคู่นั้นกำลังจ้องมาที่เขา ถึงแม้ว่าที่นี่จะมืดพอสมควรแต่สายตาคู่นั้น สายตาที่เขาจำได้ดี ก็ยังคงส่องแสงประกายในทุกที่เสมอ

     

                เมื่อสองสายตาประสานกันกลับเป็นยองแจที่ลุกขึ้นก่อน เขาถือแก้วน้ำเดินตรงมายังแจบอมที่หัวโต๊ะ และนั่งลงข้างๆมองไปยังผู้คนที่เต้นกันอยู่ท่ามกลางแสงสี ทั้งคู่นั่งเงียบๆกันอยู่แบบนั้น ไม่ใช่ความอึดอัดแต่เป็นเหมือนกลิ่นอายของบรรยากาศเดิมๆที่ลอยอบอวลอยู่รอบตัวเสียจนน่ากลัว น่ากลัวว่าจะกลับไปรู้สึกแบบเดิมอีกครั้งน่ากลัวว่าจะตั้องเสียศูนย์ให้กับความรักเดิมๆอีกครั้ง

     

                  “เป็นไงบ้าง”เป็นยองแจเองที่ทำลายความเงียบนั้นขึ้นก่อน “วันนี้เจอคำถามนี้ไปสามล้านรอบแล้วรู้หรือเปล่า” แจบอมหัวเราะหึออกมาเบาๆ เหมือนกับจะบอกว่ามันช่างเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่ห่วยแตกสิ้นดีพร้อมกับเอามีลูบหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามแก้ว “ก็ไม่ได้ตอบเรานี่ เรายังไม่เคยถาม”แจบอมยิ้มขำอีกครั้ง พร้อมกับหยิบเฟรนส์ฟรายบนโต๊ะมากินหนึ่งชิ้นก่อนตอบคำถาม “ก็สบายดี”แจบอมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ไม่รู้ว่าควรตอบว่าอะไร “ตอบแค่นี้อ่ะหรอไม่มีคำตอบดีกว่านี้แล้วหรือไง” “อื้อ ไม่มี ก็มันไม่มีอะไรให้ตอบไม่มีอะไรน่าเล่านี่” ยองแจส่ายหน้าให้กับคำตอบนั้นเบาๆ อิม แจบอมยังคงเหมือนเดิมเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

     

                เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าที่ถูกยกขึ้นดื่มพร้อมๆกับเรื่องราวของคนสองคนที่ถูกเล่าให้อีกฝ่ายฟัง ระยะเวลาสองปีกว่าที่ห่างหายไปจากกันและกันทำให้มีเรื่องเล่ามากมาย เป็นยองแจเองที่เริ่มเล่าก่อนจนสุดท้ายก็เหมือนทั้งสองคนจะหลุดหายกลับไปในบรรยากาศเดิมๆ หมายถึง.. ตอนที่เรายังรักกันอยู่

     

                “จำตอนที่เราขึ้นดอยกันได้ป่ะตอนที่เราแบ็คแพ็คกันไปอ่ะ”

                “อ่าจำได้ โคตรสนุกเลยอ่ะ”

                “ที่ตอนกลางคืนเราผิงไฟอ่ะแจบอมเล่นกีร์ต้าเพราะมากเลย ฮ่าๆ”

                “อืมอยากนอนกอดกันเหมือนตอนนั้นอีก”

                “....”

    “ขอโทษที ไม่น่าพูดเลยว่ะ” แจบอมก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด วางแก้วเหล้าในมือลง แล้วไปหันหยิบออกเดอะร็อกของแจ็คสันที่วางทิ้งไว้ก่อนเดินออกไปจนน้ำแข็งละลายหมดแก้วขึ้นมาดื่มแทนรสชาติขมๆของเหล้าที่ฝาดจนบาดคอ ร้อนไปทั่วร่างจนรู้ว่าเหล้ามันไหลไปทางไหนบ้าง แต่ก็ดีแล้วดูเป็นการลงโทษตัวเองแล้ว

    “ไม่เป็นไรช่างมันเหอะ เราก็คิดถึงตอนนั้นเหมือนกัน” ต่างคนต่างไม่มองหน้ากันหันหน้าออกไปทางอื่นเพื่อหวังให้คำว่าคิดถึงที่เอ่ยออกไปไม่สร้างความอึดอัดมากเกินไป


    Now we sit silent

    Facing each other

    I keep thinking in my head

    Should I say this or not

    Although I don’t want to


    ตอนนี้เรานั่งอยู่ในความเงียบ

    ต่อหน้ากันและกัน

    ฉันกำลังคิดอยู่ในหัว

    ฉันควรพูดออกไปไหม

    ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากก็ตาม

     

    “แจบอม”

    “...” แจบอมไม่ตอบเขาเพียงแค่ลากสายตากลับมาสบตากับยองแจอีกครั้งเท่านั้น

    “ขอกอดหน่อยได้ไหม”

               

                หลังจากประโยคนั้น แจบอมเพียงแค่เอื้อมตัวไปกอดยองแจไว้เพียงเท่านั้นในความเงียบที่โคจรอยู่รอบตัว เสียงและอุณหภูมิของลมหายใจเข้าออกที่รดอยู่บนบ่า เสียงสะอื้นของยองแจที่แจบอมได้ยินพร้อมกับตัวสั่นที่เขากอดไว้เขาทำได้เพียงส่งเสียงชู่วเบาๆ และลูบหัวยองแจเบาๆ

    ภาพในวันนั้นภาพกอดสุดท้ายของเราสองคนในห้องพักของหอในที่มหาวิทยาลัย

    ... วันสุดท้ายที่เราจะได้นอนบนเตียงเดี่ยวสองเตียงที่ถูกลากมาชิดกันแบบเด็กหอ

    ... วันสุดท้ายที่จะได้นอนกอดกันทุกคืน

    ... วันสุดท้ายที่จะได้ตื่นมาเห็นมามองหน้ากันทุกเช้า

    ... วันสุดท้ายที่เราจะรักษาสถานะคนรักเอาไว้เพราะในอนาคตที่ห่างไกลกันกว่านี้ เราไม่รู้ว่าความห่างไกลจะพรากอะไรไปอาจมีคนที่ยังรัก และเอาชนะระยะทาง หรือมีคนที่ค่อยๆหมดรัก และพ่ายแพ้ต่อระยะห่าง สู้เก็บรักเราเอาไว้ดีกว่าเก็บไว้ในวันที่พร้อม และมั่นใจว่าความไกลจะทำอะไรรักเราไม่ได้ เก็บไว้ในวันที่เชื่อว่าเราจะชนะทุกอย่างไปด้วยกัน

     

    I’d been holding on to you for so long
    But now I must let goThere’s nothing I can do for youIt’s the only way to make you happy

    So I let go, let go, let go

                ฉันกอดเก็บเธอมานานมากแล้ว

                แต่ตอนนี้ฉันควรจะปล่อยเธอไป

                มันไม่มีอะไรที่ฉันจะสามารถทำให้เธอได้แล้ว

                มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เธอมีความสุข

                ฉันจึงปล่อยเธอไป

     

                แจบอมคลายอ้อมกอดออกยองแจผละออกและยังคงจ้องลึกลงไปในดวงตาแจบอม ดวงตาตี่ที่บวมช้ำอย่างน่าสงสารยังฉายแววเจ็บปวดอยู่ภายในแจบอมทำได้แต่เบือนหน้าหนี และบอกตัวเองให้ใจแข็งกว่านี้

     

    “แจบอมเรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม..”

     

                แค่เพียงประโยคเดียวราวกับหยุดกาลเวลาและทุกอย่างรอบกาย ใบหน้าน่ารักที่ทำสีหน้าอ้อนวอนเขาอยู่ตรงหน้าทำเขาก้าวตกลงไปในหลุมนั้นไปแล้วครึ่งตัว

     

    remember our good times
    The days of laughter and fun

    Memories ever so precious

    Fill up inside me

    จดจำช่วงเวลาดีๆของเรา

    ช่วงเวลาของเสียงหัวเราะและความสุข

    ความทรงจำที่สุดแสนจะมีค่า

    เติมเต็มอยู่ภายในตัวฉัน

     

     

     

    “ขอโทษนะยองแจแต่อย่ามาเสียเวลาเริ่มใหม่ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะจบแบบเดิมเลย”

     

     

    Pain is only temporary,

    someday you will meet someone who can make you happierThat’s the kind of love you deserveI got to say good bye right now

    ความเจ็บปวดมันก็แค่ชั่วคราว

    วันหนึ่งเธอจะพบใครคนหนึ่งที่สามารถทำให้เธอมีความสุขมากขึ้น

    ความรักแบบที่เธอคู่ควร

    ฉันต้องบอกลาเธอแล้วตอนนี้..


     

    ค่ำคืนที่เมามายในอ้อมกอดกันและกันอ้อมกอดอันเป็นอดีตที่ไม่ควรหวนคืนมา

    แก้วเบียร์แก้วเหล้า เสียเพลง ผู้คน

    หยดน้ำตาของเขาความเปราะบางของเรา

    คำพูดบางอย่างที่ยังไม่ทันได้พูด

    เราหยุดอดีตไว้ตรงนั้นหยุดเหมือนนักมวยที่ล่วงรู้ชะตากรรม

    เกมที่ไม่มีทางชนะอย่าไปคิดต่อสู้

    เกมที่จบแล้วต้องยินยอมทำใจให้มันจบ

    เราหยุดเวลาแห่งรักนั้นไว้ยอมยิ้มรับ และแยกย้ายกันไปใช้ชีวิต...





    *Please go to Happy ending and check it out* 


    ,"name �����
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in