แต่เราจ่ายไป 3$
อ๊ะอ๊ะ นี่ไม่ใช่โปรโมชั่น Happy Hours แต่อย่างใด แต่ที่นี่ เขาเปิดโอกาสให้เรา "จ่ายตามอำเภอใจ" ได้ (Suggest Admission) ดังนั้น เราจะจ่ายเท่าไหร่ก็แล้วแต่เรา จะมากกว่า 25$ ก็ได้ หรือจะจ่ายแค่ Quarter เดียวก็ย่อมได้ เดี๋ยว อย่าเพิ่งเบ้ปาก เพราะมันมีคนทำจริงจริ้ง 5555
เราแนะนำให้มาตั้งแต่เช้า เพราะคนจะน้อย แถวไม่ยาว ขามุงยังไม่มาก ดูอะไรก็จะง่าย ถ่ายรูปก็สวย ขั้นตอนแรกก่อนเข้าก็ต้องตรวจกระเป๋ากันก่อน สามารถฝากเสื้อโค้ทได้หากเราต้องการเดินสบายๆ ที่นี่ไม่ให้นำน้ำเข้า แต่ความน่ารักของพี่การ์ดคือนางเห็นขวดน้ำอิเกียทรงแบนๆสีเขียวแปร๋นของเราในเป้ นางก็ถามว่านี่อะไร เราก็บอกว่าขวดน้ำ นางก็ขยิบตาให้ "โอเค้ๆ" ทำนองว่า เอาล่ะ ชั้นจะทำเป็นไม่เห็นละกัน
(ถึงได้รับอนุญาตให้นำเข้ามา แต่ก็ไม่ควรเอาออกมาดื่มนะ)
พอผ่านด่านการตรวจกระเป๋ามาได้ จะถึงโถงใหญ่ ตรงนี้จะมีเคาเตอร์แยกๆทั้งซ้ายและขวา มองหาคนที่ถูกใจแล้วพุ่งเข้าไปได้เลย สำหรับเราเลือกสาวเอเชีย ดูท่าทางน่าจะเป็นคนญี่ปุ่น เดินเหนียมอายไปกระซิบถามนางเบาๆว่า
"ขอจ่ายแบบ Suggest Admission ได้มั๊ยอ่ะ ?"
นางเงยหน้า "ได้แน่นอนจ้า จะจ่ายเท่าไหร่ล่ะ?"
แหม เบาๆก็ได้ว้อย เสียงดังเชียะ
"เท่าไหร่ดีอ่ะ ?" เราหันไปปรึกษากันเอง สรุปว่าจ่ายคนละ 3$ แล้วกัน
"6$ for 2"
นางรับตังค์จากเราไป แล้วปริ้นท์สติ๊กเกอร์เป็นตั๋วเข้าชมมาให้พร้อมแผนที่ และพูดสั้นๆ "Enjoy"
เพื่อความสะดวก สติ๊กเกอร์นี้เราสามารถลอกมาติดหน้าอก ติดแขน ติดแก้ม ติดหน้าผาก เอาเป็นว่าติดตรงไหนก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรมองเห็นชัดๆ และถ้ามีเจ้าสติ๊กเกอร์นี้ เราจะเดินเข้าเดินออกกี่ครั้งก็ได้ในเวลา 1 วัน ถ้าหิวก็ออกมาซื้อฮอตด็อกข้างหน้ากิน แล้วกลับเข้าไปดูใหม่ได้ ไม่มีใครว่า
ภายในอาคารแบ่งเป็นโซนๆ โซนแรกที่เราเดินคือโซนอียิปต์ โชคดีที่คนยังไม่มาก ก็เลยได้เดินละเอียดๆหน่อย อ้อ สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านคำบรรยาย เขามี Audio ให้เช่านะ ราคาอยู่ที่ 7$ ส่วนเราผู้ซึ่งโดเนทเงินแค่ 3$ นั้น เดินอ่านเอาก็ได้จ้า
เดินทะลุมาอีกฝั่ง ก็จะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปะสงคราม เช่นพวกชุดเกราะ โล่ห์ ดาบที่สลักอย่างวิจิตรพิศดารอะไรแบบนี้ นอกจากต้องแข็งแกร่งแล้วยังต้องสวยอีกแน้ะ ยอมใจความละเอียด ความช่างประดิษฐ์ ความว่างและความฟุ้งเฟ้อของฝั่งยุโรปจริง
ส่วนโซนที่ง่วงที่สุดของเราก็คงไม่พ้นโซนภาพวาดศิลปะยุโรป 555555 คือเราไม่ถนัดอะไรแบบนี้ ความสวยความหวาน ความไล่สีนุ่มนวลเพ้อฝัน กูจะหลับแล้วว้อยยย เออ แต่สิ่งนึงที่ชอบมากคือการเก็บรักษา ภาพวาดบางภาพนี่วาดบนไม้ อยู่มาเป็นร้อยปีแล้วไม่รู้อยู่มาได้ไง สีมันยังสวยยังทนอยู่เลย หรือนี่จะเป็นนิยามของคำว่า สีทนด้ายยยย
ข้อควรระวังอย่างหนึ่งของที่นี่คือ พื้นที่จัดนิทรรศการบางห้องค่อนข้างแคบ และภาพวาดเขาก็แพงไง หล่นมาไม่รู้จะหามาใช้ได้รึเปล่า ดังนั้นคนที่สะพายเป้แบ็คแพ็คใบโต เจ้าหน้าที่เขาจะขอให้เราปลดเป้เอามาถือไว้แทน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อภาพโดยไม่ตั้งใจ แต่อิฉันแนะนำว่าหากคิดจะมาเดิน The MET นอกจากกล้องถ่ายรูปกับกระเป๋าเงินแล้ว ก็ไม่ต้องพกอะไรมาเลย เพราะกว่าจะเดินครบ นานมาก เดินตัวเปล่าสบายที่สูดดด ~
ช่วงที่เราไป มีงานของ Seurat 's Circus Sideshow ของ ฌอร์ฌ-ปีแยร์ เซอรา ซึ่งจะจัดแสดงถึง 29พฤษภาคม นิทรรศการพิเศษเช่นนี้ไม่มีค่าเข้าชมเพิ่ม เพราะรวมไว้หมดแล้วใน 25$ ที่เราจ่ายแต่แรก (แต่หล่อนจ่ายไปแค่3$ค่ะ นังเด๋อ)
ที่ชอบอีกอย่างคือการจัดการพื้นที่ของที่นี่ ที่กว้างๆแบบนี้ หากเดินทั้งวันก็ต้องเมื่อยแน่ แต่เค้าจะมีมุมให้นั่งพัก นั่งดู นั่งเสพงานศิลปะกันในห้องได้ตามอำเภอใจ นอกจากนั้น ใครอยากจะวาดภาพเลียนแบบภาพในมิวเซียมก็ ยกเฟรมยกสีมาเลยจ้า ใครใคร่ลอก จงลอก! ส่วนใครหิวก็จะมี Cafeteria ภายใน แต่ดูจะอารมณ์เก้าอี้ดนตรีเบาๆ คนเยอะเชียว
อิทธิพลจากภาพวาดศิลปะยุโรปบวกกับการตื่นมาทำไมไม่รู้ตั้งแต่ตีสี่ ทำให้ช่วงหลังๆเลยไล่ดูแบบผ่านๆไม่เอารายละเอียดอะไรมาก เพราะเริ่มไม่มีสติแล้ว เอาแค่เก็บให้ครบๆไปก่อนว่ามีอะไรบ้าง อีกอย่างคือเริ่มหิวข้าวละ ข้าวคลุกน้ำพริกเมื่อเช้ามันย่อยไปถึงไหนหมดแล้วไม่รู้ ระหว่างนั้นเราเลยเดินออกมารอที่โถงกลางเพื่อตัดสินใจอีกทีว่าจะเอาไง ออกไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับมา หรือดูให้จบไปเลยจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา
แต่พอเห็นปริมาณคนที่ผิดหูผิดตาจากช่วงเช้าแล้วก็ตัดสินใจ
ไปค่ะ ไปสู้ เดินให้ครบเดี๋ยวนี้ ถ้ากลับมาใหม่ ต้องเบียดไม่ไหวแน่
โซนที่เหลือเป็นโซนทางอาฟริกาและกรีกโรมัน อันนี้สารภาพตรงๆว่าข้ามไปมากๆ ส่วนโซนสุดท้ายที่เดินคือโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นมีของไทยเลยวะ ซึ่งจริงๆมันก็ดีนะที่ไม่ค่อยมีของไทย นั่นหมายถึงว่าของเรามันไม่ได้รั่วไหลหรือถูกยกเอามาแทบหมดประเทศแบบที่อื่นๆเขา
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี
พระพุทธรูปส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นยุคทวาราวดี รูปร่างหน้าตาเลยแปลกกว่าที่เคยเห็น เอาจริงๆจะบอกว่าไม่เคยเห็นเลยก็ได้ ดูไปดูมาแม่งก็แค้นอีก ของประเทศกูเนี่ย เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย ทำไมต้องถ่อมาดูถึงบ้านมึงวะ หัวร้อนละ กลับเว้ย!
ตามธรรมเนียม เดินชมพิพิธภัณฑ์เสร็จก็ต้องเดินชมร้านของที่ระลึก ที่นี่มีสองฝั่ง คือฝั่งขายของที่ระลึกและหนังสือ อันตัวเราก็ได้แต่ชมอย่างเดียวจ้า ไม่ได้ซื้ออะไรเลย ฮาาาา
สำหรับ The MET นี้ หากใครวางแผนว่าจะดื่มด่ำกับรายละเอียดทั้งหมดทั้งมวลของทุกชิ้นงานในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้วล่ะก็ ควรเผื่อเวลาไว้อย่างน้อยราว 6 ชั่วโมง จริงๆแล้วเราว่าเดินทั้งวันก็ไม่หมด เดินหลายวันก็ไม่รู้จะหมดรึเปล่า เพราะนอกเหนือจากห้องจัดแสดงงานแล้ว ยังมีงานบางส่วนไม่ได้จัดแสดงเป็นห้อง แต่เรียงรายกันอยู่ในตู้ สำหรับเรา ใช้เวลาที่นี่ราว 3 ชั่วโมงกว่าก็ต้องยอมแพ้เพราะง่วง และทางเราไม่ค่อยอินสักเท่าไหร่ ยอมรับว่าไม่ใช่แนวจริมๆ
พอออกมาจาก The MET ก็แวะมานั่งตรงบันไดหน้า The MET แบบใน Gossip Girl นางซื้ออาหารเที่ยงมากินตรงนั้นถูกมะ เราก็มีจ้า เป็นโดโสะที่จิ๊กมาจากกระเป๋าผู้ชายกับน้ำเปล่ากลิ่นคลอรีนหอมฉุยที่เตรียมมาจากโรงแรม นั่งได้แป๊บนึงอ่ะฝนตก วงแตกจ้า แบลร์ก็แบลร์ค่ะ ฝนมา แบลร์ก็บายเหมือนกัน.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in