เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เมื่อวันที่ข้าพเจ้าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (Depression Diary)Tongg Pongsathorn
ซึมเศร้า Diary (16) เงา
  • เรายังรักษาโรคซึมเศร้าอยู่ที่โรงพยาบาลเดิม เพียงแต่หมอนัดห่างจากเดิมเป็นสามเดือน อารมณ์มีดีมีทุกข์ตามเหตุการณ์ หมอได้ให้ยเพาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มันก็ดีนะตัวยาเรารู้สึกมันทำให้เรารู้สึกมีอารมณ์ต่อเหตุการณ์รอบตัวน้อยลง เป็นอาการเฉยๆ แม้ว่าบางเหตุการณ์แม่งน่าที่จะโกรธ แต่เรากลับรู้สึกเฉยๆหรือหัวเราะไปกับมัน แต่ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน เหมือนยาหมดฤทธิ์เราเก็บตัวเหมือนเดิมอยู่กับ notebook เอางานมาทำบ้างแม้จะทำได้น้อยลง มีปฏิสัมพันธ์กับลูกเป็นระยะๆ แต่มันก็แค่นั้นเหมือนเป็นหน้าที่ไปวันๆ ถึงเวลานอนก็จบวัน ซึ่งกินยาเท่าไหร่ก็ไม่หลับลึกซักที มีอาการหลับๆตื่นๆ เวลาที่ต้องตื่นเราก็ไม่อยากตื่น เสาร์-อาทิตย์ ไม่มีอะไรที่อยากจะทำ แม้กระทั่งการดูทีที่เมื่อก่อนจะต้องดู แต่ถึงวันนี้คือสิ่งที่เราเบื่อ สิ่งที่เบื่อเริ่มเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆอีกแล้ว น้ำหนักเราขึ้นเพราะฤทธิ์ของยาทำให้การเผาผลาญแย่ลง นับวันเรารู้สึกแย่ลงไปเรื่อยๆ แย่แบบรู้สึกเฉยๆเรื่อยๆไม่ดีขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นยนต์ สิ่งที่เรารู้ดีที่สุดก็คงจะเป็นลูก อาจเป็นเพราะเขาโตมากขึ้นเลยสื่อสารเข้าใจ วันไหนที่เรารู้สึกเศร้าเราจะดิ่งลงไปเลย หมายความว่าไม่อยากทำอะไรเลย ทำไม่ได้ แค่ข่าวเศร้าๆหรือที่การสูญเสียก็ทำให้เรารู้สึกดิ่งได้ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับตัวเรา เราเลยอ่านข่าวดูข่าวน้อยลงเพื่อไม่รับรู้ สิ่งที่ทำให้เราลุกขึ้นมาแต่ในวันได้อาจเป็นเพราะเพลง  Alarms (สวัสดีวันจันทร์) ของ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ Ft. ปู พงษ์สิทธิ์  แต่ก็เป็นพลังใจได้เป็นระยะๆ บางทีที่อาการแย่คือแย่จริงๆ หัวจะตื้อ ไม่อยากรับรู้ เหม่อลอย 

    จนไปหาหมอตามนัดล่าสุด ก่อนหน้าเราทะเลาะกับแฟน แล้วเรารู้สึกจมไปเลย การไปหาหมอครั้งนี้คือเรารู้สึกแย่มากในหลายๆเรื่องด้วย หมอถามเราเราก็เล่าความรู้สึกแบบที่บอกไป เรารู้สึกโดดเดี่ยว แม้ว่าจะมีเพื่อนร่วมงานที่ดี เหนื่อยง่าย พักหลังเราเริ่มมีอาการง่วงเพลียหลังเพิ่งมาถึงที่ทำงาน กับแฟนเราแค่ไม่เข้าใจกับบางสิ่งเหมือนเราจะเสียใจแต่ก็เฉยๆ หมอถามเราอีกครั้งว่ามีการคิดจะฆ่าตัวตายไหม เราบอกหมอแบบไม่คิดว่าเราคิด หมอถามว่าบอกได้ไหมจะทำยังไง เราบอกว่าเราคิดจะกินยาทีเดียวให้หมดที่เรามี หมอถามอีกครั้งว่าคิดจะทำจริงๆไหม เราบอกว่าเราเคยหยิบยาที่เตรียมไว้ในกล่องมาวางไว้แล้วต่อหน้า หมอถามว่าแล้วอะไรทำให้หยุด เราบอกไปเพราะเป็นห่วงลูก หมอเลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนยาให้เราเพราะยาที่ใช้มาก็นานแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้นเลยกลับแย่ลงด้วยซ้ำ และนัดเราเร็วกว่าเดิมเป็นสามสัปดาห์เพื่อป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว เราถามหมอว่าตกลงมันเป็นเพราะโรคหรือเป็นเพราะว่าชีวิตเรามันซวย ถ้ามันเป็นโรคจริงแล้วเมื่อไหร่เราจะหาย  หมอย้ำว่ามันเป็นเพราะโรค แล้วตัวเราพร้อมที่จะรักษาไหม เราบอกหมอกลับไปว่าก็ลองดู เรามีอาการมือสั่นแต่หมอยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะยาหรือเปล่า เลยขอดูอาการก่อน

    สรุป เป็นสามเดือนที่ฝืนมากๆสำหรับตัวเรา เหนื่อย โดดเดี่ยว เหมือนมีเงามืดข้างหลังคอยย้ำเตือนในสิ่งที่แย่ๆ ไอ้ที่แย่อยู่แล้วก็ย้ำให้จมไปอีก สุดท้ายก็ไม่รู้หรอกว่าจะหายจากโรคนี้ไหม ตัวเราเองยังรู้สึกเดินมาได้แค่ 30% เอง และคงต้องสู้ด้วยตัวเองต่อไป เราเห็นคนมาแผนกจิตเวชมากขึ้นทุกๆครั้งที่มาพบหมอ เราไม่กล้าจะแนะนำคนอื่นถึงโรคนี้หรอก แต่ก็ดีใจที่มีการประชาสัมพันธ์โรคนี้ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งในTV Internet Socialฯ ก็ขอให้คนที่ไม่เข้าใจเปิดใจเสียสละเวลา ในการอ่าน ฟัง หรือดู เผื่อจะเข้าใจผู้ป่วยในอีกหลายๆคนมากขึ้นบ้าง ใครสงสัยว่าตัวเองเป็นไหมก็โทรไปสอบถามสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ดูก่อนก็ได้ เพราะบางทีมันก็เป็นแค่ภาวะซึมเศร้าไม่ใช่โรค

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in