“ข้าฝันร้าย”
บุตรแห่งโอดินขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ได้ยินเขายอมขืนดวงตาตื่นขึ้นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องหนักๆจนน่ารำคาญ พอเปิดออกก็พบน้องชายของเขา 'โลกิ' ดวงตาสีเขียวหม่นเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ขนาดที่ว่าคนทึ่มๆอย่างเขายังดูออก
“เข้ามาก่อน... เล่าให้ข้าฟังหน่อย”คล้ายจะปลอบปะโลมน้องชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือหนาเอื้อมโอบให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาก่อนปิดประตูบานใหญ่ลงให้สนิท โลกิเดินนำไปทิ้งตัวลงบนเตียงกว้าง ถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่ได้
ธอร์เดินตามมานั่งลงข้างๆ ท่าทางโงนเงนของคนเพิ่งตื่นและยังนอนไม่เต็มอิ่มทำเอาโลกิรู้สึกผิดปนเอ็นดู ทั้งสองนั่งอยู่เงียบๆแบบนั้นสักพัก
“ถ้าเจ้าไม่รีบเล่าตอนนี้ ข้าจะหลับแล้ว...” จนกระทั่งธอร์เอ่ยทำลายความเงียบลง ได้ยินแบบนั้นคนที่เพิ่งเผชิญกับฝันร้ายมาหมาดๆจึงค่อยๆเล่าด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ข้าฝัน... ว่าข้าตื่นขึ้นมาในที่แห่งหนึ่ง ที่นั้นมืดสนิท มีเพียงลมหนาวและเกล็ดน้ำแข็งปลิวผ่าน ตัวข้าหนาวสั่นนั่งกอดเข่าอยู่ในหลืบ”
“แต่แล้วก็มีใครบางคนโผล่ออกมาจากความมืด เขาตรงเข้ามาหาข้า...ข้าถึงได้รู้ว่านั่นคือยักษ์น้ำแข็ง และข้ากำลังอยู่ที่โยธันไฮม์”
“เขาบอกให้ข้ากลับบ้านได้แล้ว... เขาถามว่าทำไมข้าถึงหนาวสั่นล่ะ? ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นใคร?"
"ข้าเลยตอบกลับไปว่า หมายความว่ายังไง? แล้วจู่ๆใบหน้าเรียบเฉยนั่นก็บึ้งตึง พุ่งเข้ามาจับแขนข้า ข้าสะดุ้งสุดตัว บริเวณที่เขาจับมีเกล็ดน้ำแข็งขึ้นมา ความเย็นกัดแขนจนข้าปวด แสบไปหมด”
“ข้าร้องเรียกสุดเสียง เรียกท่านแม่ เรียกท่านพี่ แต่ไม่มีใครตอบกลับ"
"จนกระทั่งข้าเรียกท่านพ่อ... ยักษ์น้ำแข็งตนนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วบอกข้าว่า”
“ก็ข้าไง พ่อของเจ้า”
โลกิเงียบ ดวงตารื้นน้ำใส ริมฝีปากบางเม้มเขาหากันพลางคิดในว่าหากในฝันนั้นเป็นธอร์ เขาคงไม่กลัวอะไรด้วยพละกำลังที่มากและเอาชนะยักษ์น้ำแข็งไปได้อย่างสบายๆ แต่กลับกัน โลกิที่ไม่ได้ตัวสูงใหญ่เท่าธอร์พละกำลังที่มีตอนนี้ก็มีเพียงไหวพริบและเวทมนตร์ที่ท่านแม่สอน
หากแข็งแกร่งกว่านี้ก็คงดีสิ
ธอร์ก็คงคิดว่าเขาอ่อนแอจนน่าขัน เขาไม่น่ามาที่...
“คิดมาก... ท่านพ่อทำสัญญาสงบศึกกับพวกยักษ์น้ำแข็งไปตั้งนานแล้วพวกนั้นจะมาทำอะไรเจ้าได้ยังไงกัน” เสียงของธอร์ปลุกให้โลกิตื่นจากความคิด เขาว่าพลางวางมือลงผมกลุ่มผมสีดำขลับ ลูบมันอย่างเบามือก่อนจะก้มหน้าลงมองใบหน้าของผู้เป็นน้องชัดๆ
“และ ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้ โอเคไหม?” พูดเสริมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับให้คำสัญญาโลกิหันมองใบหน้ายังคงไม่คลายกังวลลงเท่าไหร่นัก
“ประโยคที่เจ้ายักษ์ตนนั้นพูดก็แปลกๆ”
“ก็บอกแล้วไงว่าเจ้าคิดมาก...” ธอร์ที่ทำตัวจริงจังได้เพียงสองนาทีก็กลับมาแสดงสีหน้าง่วงงุนอีกครั้งพร้อมบิดขี้เกียจและอ้าปากหาววอดไปด้วย
“แต่”
“ไม่มีแต่ เลิกคิดเรื่องนี้แล้วนอนได้แล้ว เจ้ารู้ไหมว่านี่มันกี่โมงกี่ยาม” เรียวแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามหนาๆโอบกอดรอบตัวของโลกิเอาไว้จากด้านข้าง ทั้งปลายคางหนักๆก็วางเกยบนไหล่อีกที
“...ถ้าอย่างงั้นข้า ขอตัว” พยายามแกะตัวเองให้หลุดออกจากการพันธนาการ ลมหายใจอุ่นร้อนผะผ่าวบริเวณต้นคอทำเอาขนลุกซู่ไปหมด
แต่ธอร์กลับกระชับเรียวแขนแน่นขึ้นเอียงใบหน้าขบกัดบนลำคอขาวซีดแผ่วเบา กะจะแกล้งให้อีกฝ่ายลืมเรื่องฝันร้ายและทิ้งความกังวลทั้งหมดลง แล้วก็ได้ผล โลกิสะดุ้งเฮือกมือยันหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา(ที่โลกิเคยให้นิยามไว้ว่าเหมือนหมีกริซลีย์) ถอยห่างออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อย่างแกล้งข้า! ปล่อยได้แล้วข้าจะกลับห้อง” พอได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดก็กลับหัวเราะชอบใจ ธอร์ยอมผละใบหน้าออกมาโถมตัวใส่ ดันให้โลกิล้มตัวลงนอนไปพร้อมๆกับเขา
“หายกังวลแล้วนี่ ถึงได้แยกเขี้ยวขู่ข้าได้" เขานอนกอดน้องชายจากด้านหลัง “นอนที่นี่เป็นเพื่อนข้าหน่อย”
“ข้าอยากกลับห้อง” โลกิพลิกตัวหันไปเผชิญหน้ากับธอร์ ถึงกระนั้นแขนหนักๆก็ยังไม่ยอมคลายออกไป
“นะ...” ดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้าจ้องมองมาที่เขา พร้อมน้ำเสียงติดอ้อนที่ธอร์มักจะใช้กับท่านแม่บ่อยครั้ง และท่านแม่ก็ดันแพ้เอามากๆเสียด้วย
แต่คิดหรือ ว่ามันจะใช้กับเขาได้ผล?
“...ก็ได้”
ใช่ มันได้ผลชะงัดเลยทีเดียว
ธอร์คลี่ยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยิน โน้มใบหน้าลงแนบจุมพิตลงบนริมฝีปากบาง ผู้เป็นน้องเงยหน้ารับพร้อมขบเม้มแผ่วเบา มือหนาสอดประคองใบหน้าขาวซีด ค่อยๆสอดลิ้นชื้นเข้ากวาดชิมความหอมหวานที่ไม่ได้รุกล้ำมานานด้วยความคิดถึง หยอกเหย้าเกี่ยวพันกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร
ผู้เป็นพี่ค่อยๆพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน กดริมฝีปากบดเบียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังไม่สามารถเติมความต้องการของเขาให้เต็มได้ เสียงริมฝีปากดูดดึงเคล้ากับเสียงครางอืออึงของทั้งสอง ทั้งขบและกัดจนเริ่มบวมเจ่อ
ผ่านไปชั่วครู่จนกระทั่งธอร์รู้สึกว่าโลกิเริ่มจะหายใจไม่ทัน เขาจึงค่อยๆถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง แม้จะเสียดาย แต่ก็จำเป็น
“นอนเสีย... ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ข้าอยู่ตรงนี้และจะคอยปกป้องเจ้าเอง ไม่ต้องห่วง” กล่าวราตรีสวัสดิ์พร้อมทิ้งตัวลงนอนข้างๆ คลายแขนเขยิบออกห่าง เผื่อว่าโลกิจะอยากกลับออกไปห้องของตนตามที่พูดไว้ก่อนหน้า
แต่จู่ๆก็มีท่อนแขนหนักๆพาดบนตัว
“เข้าใจแล้ว” ทิ้งไว้เท่านั้นก่อนดวงตาสีเขียวหม่นที่เขาชอบมองจะถูกปิดลง ไม่นานหนักโลกิก็เข้าสู่ห้วงนิทราได้อีกครั้ง และแน่นอน... หลับก่อนเขาเสียอีก สังเกตได้จากลมหายใจแผ่วเบาอย่างสม่ำเสมอรดข้างแขน
ธอร์คลี่ยิ้มบางๆพลิกตัวสอดแขนโอบกอดผู้เป็นน้องไว้แนบอกอีกครั้ง เขาหวังว่าจะช่วยประโลมน้องชายของเขาจากฝันร้าย และให้รับรู้ว่าเขารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความรักแบบที่ไม่ควรจะเป็น แต่เขาก็ยืนยันหนักแน่นถึงความรู้สึกที่เขามี
น่าเศร้าที่โลกิไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกกับเขาตรงๆแต่ว่า... มันก็ถือว่าดีมากสำหรับเขาแล้วกับการได้อยู่ใกล้ๆ ได้ปกป้อง
ถึงแม้จะในฐานะพี่ชายก็ไม่เป็นไร
“ฝันดีนะ น้องข้า”
ว่าแต่ พี่น้องเนี่ย เขามอบจุมพิตให้กันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่านะ?
END
Note: สวัสดีค่ะ น้ำหอมเอง หรือ myfarway เจ้าเก่าคนดีคนเดิมจากเด็กดีและเวิร์ดเพรส ที่ย้ายมาใช้มินิมอร์ 555555555 รู้สึกว่าใช้งานสะดวกและฟ้อนต์สวยดีค่ะ แต่คิดว่า เดี๋ยวคงลงในเด็กดีด้วยอีกที
ผลงานแรกของคู่ธอร์กิ แต่จริงๆก่อนหน้านี้เคยแต่งฮิดเดิ้ลสเวิร์ธแบบเมาๆไว้ในเวิร์ดเพรส.. /เกาแก้ม
เรื่องนี้แต่งเพื่อแก้บนพวงกุญแจค้อนธอร์ที่ฝ่าบาทธันเดอร์แบร์แจก ตอนแรกก็ยังคิดไม่ออกว่าจะเป็นOSอะไรดี แต่ก็ดันมาเจอหัวข้อวีคลี่ที่น่าสนใจดี ก็เลยลองดูค่ะ สั้นๆเมาๆกาวๆหน่อยเนอะ 555555
ยังไงก็ขอฝากตัวไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ และคิดว่าคงจะเขียนออกมาให้ได้อ่านกันออกมาเรื่อยๆระหว่างรออินฟินิตี้วอร์ /ปาดน้ำตา
รบกวนสละเวลาสักนิดคอมเม้นท์หรือวิจารณ์ ติชมได้ ทักเรื่องคำผิดได้ไม่ว่า(...)จะเป็นการขอบคุณมากๆเลยค่ะ ♥
พูดคุยได้ที่ @Aprilz97 หรือแท็ก #โกดังฟิคของนห นะคะ ♥
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in