ไก่กรอบซอสมะนาว…เมนูธรรมดาๆ ที่ทำให้น้ำลายสอ แค่คิดภาพไก่ทอดกรอบๆ ข้าวสวยอุ่นๆ ราดตัดกับซอสมะนาวเปรี้ยวจี๊ดก็ทำให้รู้สึกกระปรี่กระเปร่ามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ยิ่งถ้าในเวลาง่วงๆ เหนื่อยๆ แบบนี้ เมนูอาหารกลางวันมื้อนี้คงช่วยชุบชีวิตได้ดีทีเดียว
ฉันนั่งเหม่อคิดถึงเมนูอาหารกลางวันที่ได้สั่งไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ระบบข้าวกลางวันของบริษัทคือพนักงานจะต้องสั่งอาหารตามเมนูที่มีมาให้เลือกล่วงหน้าหนึ่งอาทิตย์
ทุกๆ เที่ยงจะมีข้าวกล่องติดชื่อของทุกคนวางไว้ที่ห้องอาหารตามเมนูที่สั่งไป เป็นสวัสดิการที่บริษัทมอบให้ เหล่าพนักงานออฟฟิศทั้งหลายจะได้ไม่ต้องลงจากตึกชั้น 21 เพื่อไปซื้ออาหารให้ยุ่งยากวุ่นวาย แต่พวกเขาก็มักบ่นว่ารสชาติอาหารที่บริษัทเตรียมให้ออกจะเย็นชืดเกินไปสักหน่อย หลายๆ คนจึงเลือกใช้บริการสั่งอาหารจากร้านอาหารชื่อดังขึ้นมาแทน
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ทุกคนก็ทยอยลุกออกจากโต๊ะทำงานตรงดิ่งไปยังห้องอาหาร ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ยิ่งคิดถึงรสชาติไก่กรอบซอสมะนาวที่กำลังจะได้ลิ้มรสก็ยิ่งตื่นเต้น ฉันหยิบกล่องข้าวที่เขียนชื่อตัวเองไว้ก่อนจะไปนั่งที่โต๊ะประจำติดกับกระจกบานโปร่ง มองออกไปข้างนอกก็เห็นวิวตึกสูงหลายตึกของมหานครลดหลั่นกันไปราวกับกำลังนั่งดินเนอร์หรูอยู่บนตึกระฟ้า
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉันเปิดกล่องข้าวออกทันทีด้วยความหิวโหย… แต่แล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ
ในกล่องมีข้าวสวยโปะทับด้วยไก่ทอดประมาณห้าชิ้น มีถ้วยพลาสติกเล็กๆ ใส่น้ำซอสวางอยู่บนข้าว และมีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีอยู่ด้วย
…มันเป็นไข่เจียวชิ้นเล็กๆ ตัดเป็นทรงสามเหลี่ยมสองชิ้น ไข่เจียวพวกนี้ดูอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างสิ้นเชิงราวกับแม่ครัวทำมาเหลือแต่ก็เสียดายหากจะทิ้งไปจึงจับมันมาโยนใส่กล่องแบบส่งๆ
ไม่มีใครอยากได้ไข่เจียวเมื่อกดสั่งเมนูไก่กรอบซอสมะนาว …ต่างจากกรณีของข้าวผัดกะเพราะที่ผู้สั่งมักจะคาดหวังไข่ดาวราดข้าวมาด้วย
ฉันจึงเลือกที่จะเขี่ยไข่เจียวออกไปจากกล่องข้าว
“ส้มก็ไม่กินเหมือนกันเหรอ” พี่โน๊ต พี่แผนกมาร์เก็ตติ้งที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม ตรงหน้าเขาก็มีไข่เจียวสองชิ้นถูกเขี่ยออกมานอกกล่องข้าวเช่นกัน
“อืมม ส้มไม่ค่อยชอบน่ะค่ะ” ฉันตอบ
“พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน เขาทำไข่เจียวจืดๆ นะว่าไหม” พี่โน๊ตบ่นพลางตักอาหารเข้าปาก ฉันยิ้มแหะๆ ให้พี่เขาก่อนจะเริ่มตักข้าวกินด้วย สายตาจับจ้องไปยังไข่เจียวที่ถูกทิ้งขว้าง จะว่าไปแล้ว…ฉันกับไข่เจียวก็มีอะไรที่เหมือนกันอย่างแปลกประหลาด
ถ้าหากกล่องข้าวกล่องนี้คือที่ทำงาน…ฉันก็คงไม่ต่างอะไรกับไข่เจียว
เด็กจบใหม่หลายคนก็คงรู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางเหมือนกับไข่เจียวในข้าวไก่กรอบซอสมะนาวนี่ล่ะ
“ส้มมาทำงานได้กี่วันแล้วนะ ถึงอาทิตย์หรือยัง” พี่โน๊ตชวนคุย
“ก็…เกือบอาทิตย์แล้วล่ะค่ะ”
“อ๋อ แล้วชอบที่นี่ไหม มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้นะ” พี่โน๊ตบอก ฉันยิ้มตอบ
หลังจากเป็นไข่เจียวที่ถูกเขี่ยทิ้งมานานหลายเดือน ฉันก็กลายเป็นไข่เจียวที่มีคนเลือกเก็บเอาไว้ในกล่องข้าวด้วยสักที …ถึงแม้ว่าจะยังไปไม่ถึงขั้นไข่ดาวในข้าวกะเพราก็เถอะ
ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สงสัยว่าชั้นเดียวกันของตึกตรงกันข้ามจะมีพนักงานออฟฟิศนั่งกินข้าวเหมือนกันอยู่ไหม
“ข้าวสวยแฉะไปหน่อยเนอะ” พี่นัทที่นั่งเยื้องกับฉันบ่นขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาย่นหน้าแต่ก็ตักข้าวเข้าปาก น่าแปลกที่ทั้งพี่โน๊ต พี่นัท แล้วก็ฉันต่างก็เลือกเมนูไก่กรอบซอสมะนาวเหมือนกันหมด ท่าทางจะเป็นเมนูยอดฮิตประจำวันจริงๆ
“นั่นสิ เมื่อไหร่จะได้กินข้าวสุกพอดีบ้างนะ” พี่โน๊ตหัวเราะขำๆ ฉันเขี่ยเจ้าข้าวสวยแฉะๆ ในกล่องเล่น
ถ้าถามว่าในกล่องข้าวนี้อะไรสำคัญที่สุด ฉันก็คงตอบว่าข้าวสวยนี่ล่ะ ถึงแม้ว่าหลายๆ คนมักจะไม่ให้ความสนใจและลืมเลือนมันไป แต่ข้าวสวยก็เป็นเหมือนรากฐานของทุกสิ่ง
ถึงแม้กับข้าวจะเปลี่ยนไปทุกวันๆ แต่ข้าวสวยก็ยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ
มันเป็นสิ่งหนึ่งที่คอยย้ำเตือนถึงความซ้ำซากจำเจที่ฉันต้องเจอในออฟฟิศ
ตื่นแปดโมงเช้า อาบน้ำ นั่งบีทีเอสที่แออัดยัดเยียดมาทำงาน พอพักเที่ยงก็ต้องมาเจอกับเจ้าข้าวสวยนี่ทุกๆ วัน เหมือนเป็นลูปอาถรรพ์ของการทำงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ข้าวสวยเม็ดเล็กๆ ในกล่องคลุกเคล้าไปกับไก่ทอด ฉันรู้สึกราวกับพวกมันกำลังจ้องมองมาด้วยแววตาเยาะเย้ย ใช่สิ ก็ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเจอพวกมันทุกวันนี่นา
“เมื่อวานก็แข็งเกิน วันนี้ก็อย่างกับข้าวต้มเลย” พี่นัทบ่น
เอ๊ะ
จริงด้วย
ฉันยิ้มมุมปาก จริงๆ แล้วอะไรเดิมๆ แบบข้าวสวยก็ไม่เคยเหมือนเดิมซะทีเดียว
“พี่ว่าพี่ชอบข้าวแฉะๆ แบบนี้มากกว่าข้าวแข็งๆ เมื่อวานนะ พอกินกับไก่ทอดที่แข็งด้วยอย่างนี้แล้วก็อร่อยดี” พี่โน๊ตร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างออกรสออกชาติ ทั้งสองคนสวมบทบาทเป็นนักวิจารณ์อาหารผู้เก่งกาจ
“อืม ก็คงจริงนะ” พี่นัทเห็นด้วย พวกเขาเงียบลงราวกับต้องการดื่มด่ำกับรสชาติอาหารตรงหน้า
ในกิจวัตรที่ซ้ำซากจำเจอย่างการกินข้าวเที่ยงทุกวันแบบนี้…ไม่เคยมีวันไหนที่เหมือนเดิมจริงๆ แม้แต่บทสนทนาในวันนี้ก็เป็นอะไรที่แปลกประหลาด รวมไปถึงเจ้าไก่กรอบซอสมะนาวตรงหน้าด้วย
“เฮ้ย กินกันไม่ชวนเลยว่ะ” พี่พลอย หัวหน้าแผนกเดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย เธอเป็นผู้หญิงห้าวที่ชอบพูดคำหยาบกับทุกคนในออฟฟิศ ฉันรู้ในทันทีว่าโต๊ะกินข้าวจะไม่เงียบอีกต่อไป
“นี่เลือกไก่กรอบเหมือนกันหมดเลยเหรอวะ” พี่พลอยอุทาน ตอนนี้เราสี่คนเหมือนเป็นสมาคมนิยมไก่กรอบซอสมะนาว… ทั้งๆ ที่เมนูมีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่เป็นครั้งแรกที่เราเลือกได้ตรงกันมากขนาดนี้
“เออนั่นดิ” พี่โน๊ตพูดอย่างงงๆ ในขณะที่พี่พลอยเริ่มตักอาหารคำแรกเข้าปาก
“ไก่…” อยู่ๆ เธอก็ชะงักกึก พวกเราหยุดกินและหันไปมองพี่พลอยด้วยความพร้อมเพรียงกัน ฉัน พี่โน๊ต และพี่นัทที่กินหมดไปครึ่งค่อนกล่องแล้วก็พอเดาได้ว่าพี่พลอยกำลังจะพูดอะไรออกมา
“ไก่…ทำไมไก่มันแข็งอย่างกับหินแบบนี้วะ เย็นชืดชิบหาย” พูดจบ พี่พลอยก็วางช้อนส้อมลง พวกเราสามคนที่รอฟังอยู่ก็หัวเราะพรืดออกมา นั่งกินมาตั้งนาน เพิ่งมีคนกล้าวิจารณ์ไก่ทอดออกมาดังๆ นี่ล่ะ
ไก่เป็นเหมือนแกนหลักของอาหารมื้อนี้ เป็นวัตถุดิบหลักที่จะบ่งบอกว่าอาหารจานนี้อร่อยไหม ข้าวหรือไข่เจียวจะรสชาติดีหรือไม่ก็ไม่สำคัญ แต่ถ้าไก่ไม่ได้เรื่อง ทุกอย่างก็จบ
“โธ่ กินๆ ไปเถอะพี่ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นป่ะ” พี่โน๊ตพูด
“ไม่แย่กับผีสิ หมายังไม่แดกเลย!” พี่พลอยสบถพร้อมกับส่ายหน้า เป็นจริงอย่างที่เธอพูด ไม่มีอะไรดีสักอย่างในกล่องข้าวกล่องนี้ แต่ทั้งฉัน พี่นัทกับพี่โน๊ตต่างก็ก้มหน้าก้มตากินโดยพยายามพูดเลี่ยงปัญหาใหญ่ที่สุดที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีใครสักคนกล้าพูดถึงไก่ทอดทั้งๆ ที่เราต่างก็รู้กันดีอยู่แก่ใจ
“แล้วซอสนี่เป็นไงวะ กินด้วยแล้วจะอร่อยขึ้นป่ะ” พี่พลอยแกะซอสมะนาวที่อยู่ในถ้วยพลาสติกออก จริงสิ…ฉันก็ยังไม่ได้ลองชิมซอสดูเลยนี่นา ฉันกับพี่พลอยเลยจิ้มไก่ในซอสและเอาเข้าปาก
ซอสอาจจะไม่อร่อยแต่ก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะมั้ง…
“ไอ้ฉิบหาย”
“เป็นไรพี่” พี่โน๊ตถึงกับสะดุ้ง
“ขนาดซอสมะนาวแม่งยังปลอมเลยว่ะ นี่มันซอสมายองเนสชัดๆ”
รสชาติเปรี้ยวปะแล่มๆ ในปากตอกย้ำถึงความจริงอันน่าเจ็บปวด….แม้ซอสจะมีความเปรี้ยวแต่ก็ให้ความรู้สึกแบบปลอมๆ ไม่สดชื่นจี๊ดจ๊าดแบบรสชาติของมะนาวที่จินตนาการไว้ในตอนแรก ...ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด
นี่สรุปฉันกินข้าวไก่กรอบซอสมายองเนสมาตลอดเลยเหรอนี่
“เออใช่ ดูตอนแรกผมก็นึกว่าจะเป็นซอสมะนาว หน้าตาเหมือนกันเลย แต่แม่งของปลอมซะงั้น” พี่โน๊ตผสมโรง
“ไม่กงไม่กินมันล่ะ กูแม่งเซ็ง” พี่พลอยถอนหายใจ แม้แต่ฉันที่เฝ้ารอพักเที่ยงมาตลอดก็เริ่มหมดแรงที่จะกินอาหารตรงหน้าซะแล้ว ซอสมายองเนสทำให้ฉันหมดศรัทธาในอาหารมื้อนี้อย่างสิ้นเชิง
“พวกมึงรู้ป่ะ วาดแม่งสั่งงานเยอะชิบ” เธอเปลี่ยนบทสนทนา บ่นถึงพี่วาดที่เป็นหัวหน้าของเธออีกที พี่พลอยมักจะบ่นให้ฟังถึงปริมาณงานอันมหาศาลที่เธอได้รับอยู่บ่อยๆ ฉันได้ยินจนชินชาแล้วล่ะ
“แม่งเอ๊ย คิดว่ากูมีเป็นสิบมือล่ะมั้ง สั่งงานอย่างกับกลัวว่าจะใช้งานไม่คุ้ม” เธอพูดใส่อารมณ์จนน้ำลายกระเด็นมาโดนตัวฉัน
“พี่ก็บอกพี่วาดไปตรงๆ สิว่าทำไม่ไหว” พี่นัทเสนอ
“ได้ที่ไหนล่ะ เฮ้อ คว…” อยู่ๆ พี่พลอยก็ชะงัก เธอหุบปากที่กำลังจะอ้าออกกระทันหัน ฉันมองตามสายตาพี่พลอยไปก็พบสาเหตุที่ทำให้เธอหยุดพูด… พี่วาดกำลังเดินเข้ามาในห้องอาหาร เธอเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ใส่ชุดกระโปรงยาวสีชมพูสด เมื่อเธอเห็นพี่พลอยนั่งอยู่ที่โต๊ะ ริมฝีปากสีแดงสดก็คลี่ยิ้มออก พี่วาดเดินดุ่มๆ มาทางนี้ทันที
“หวัดดีจ้ะพลอย พี่ขอนั่งด้วยคนนะ”
“อ๋อได้สิคะพี่วาด นั่งเลยๆ เหลือที่เยอะแยะ” พี่พลอยหันไปยิ้มหวาน แทบจะเป็นคนละคนกับเมื่อกี้ชนิดหน้ามือหลังเท้า ฉันปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน
“เออแล้วงานที่พี่สั่งไปโอเคไหม เยอะเกินไปหรือเปล่า” ฉันหลุบสายตาลงจ้องไก่กรอบซอสมะนาวตรงหน้าเมื่อได้ยินคำถามนี้จากพี่วาด กลัวว่าถ้าเงยหน้าขึ้นอาจจะเผลอแสดงพิรุธอะไรบางอย่างออกไป
ให้ตายสิ กระอักกระอ่วนเป็นบ้า
“ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่วาด พลอยทำได้สบายมาก” ฉันได้ยินเสียงใครคนหนึ่งสำลักข้าว แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเงยดูว่าเป็นใคร บรรยากาศการกินร้อนระอุขึ้นอย่างกระทันหัน แม้ว่าพี่พลอยกับพี่วาดจะพูดเพราะใส่กัน แต่ฉันกลับรู้สึกถึงคมดาบที่ทั้งสองคนซ่อนอยู่ข้างหลัง
เราต่างพูดว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
นอกเสื้อเชิ้ตยีนส์ไม่มีใครเห็นแผล
ตะเข็บด้ายเหมือนรอยตะขาบ
แผลอักเสบร้าวไข้โดดเดี่ยว
เปล่าเลย…เราจ้วงแทงกันอีกไม่ยั้ง
เพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้ตายคนเดียว.
บางทีฉันก็รู้สึกว่าชีวิตพนักงานออฟฟิศคือการออกรบทุกวันทำงาน
เราต่างทำตัวเป็นซอสมายองเนสในคราบซอสมะนาวต่อกันและกัน
“ทุกคน! อย่าเพิ่งอิ่มกันนะ เอมกับฟ้าเพิ่งสั่งอาหารมาจากข้างนอก” ทันใดนั้นเอง พี่ในแผนกเดียวกันกับฉันอีกสองคนก็เดินหิ้วถุงอาหารมากมายเข้ามา บรรยากาศที่มาคุเมื่อกี้พลันมลายหายไป
“สุดยอดครับ” พี่นัทแทบจะโยนข้าวกล่องในมือทิ้ง อาหารหลากหลายชนิดที่นำมาจากร้านข้างนอกดูเหมือนจะสร้างความตื่นและความสดใสร่าเริงให้กับทุกๆ คนอีกครั้ง
ถึงเวลาบอกลาเจ้าไก่กรอบซอสมะนาวปลอมๆ แล้วสินะ
ฉันเอื้อมมือไปหยิบฝาพลาสติกเพื่อที่จะปิดผนึกกล่องข้าว…แต่ไข่เจียวสองชิ้นที่ถูกทอดทิ้งในตอนแรกนั่นกลับทำให้ชะงัก
…ลองกินดูสักคำคงไม่เสียหาย
ฉันใช้ช้อนตัดไข่เจียวเป็นคำเล็กๆ แล้วนำไปจิ้มซอสมะนาว(?) ตักไก่กับข้าวสวยแฉะๆ อย่างละนิดเข้าปากพร้อมกัน
…
รสชาติของทุกอย่างผสมปนเป
ไข่เจียวแห้งๆ ที่อยู่ผิดที่ผิดทาง
ข้าวสวยธรรมดาที่แฉะกว่าเมื่อวาน
ไก่ทอดที่แข็งราวกับหิน
และซอสมะนาวที่กลายเป็นมายองเนสไปซะงั้น
…
ฉันเคี้ยวทุกอย่างช้าๆ และเหม่อออกไปนอกหน้าต่างชั้น 21
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้รสชาติทั้งหมดกลมกล่อมขึ้นมาแปลกๆ
เออ…ก็ไม่เลวแฮะ
———————————————————————————
กว่าจะเป็นงานเขียนชิ้นนี้ เริ่มจากการอยากถ่ายทอดรสชาติชีวิตของพนักงานออฟฟิศผ่านอาหารหนึ่งจาน
จริงๆ อาหารจานนี้ยังต้องมีอะไรมากกว่านี้เยอะแต่กลัวว่าจะยาวเกินไป
ลุ้นสุดคือไม่รู้ว่าสุดท้ายงานที่ทำออกมาจะเข้ากับงานของเพื่อนในกลุ่มไหม 555
ได้รับแรงบันดาลใจจากไก่กรอบซอสมะนาวจอมปลอมที่ปลอมแม้กระทั่งน้ำซอส :(
ทุกอย่างที่เหลือเป็นเรื่องแต่งขึ้นทั้งสิ้น
วรันพร ตียาภรณ์
-----------------------------------------
ผู้สนใจสามารถคลิกที่ชื่อเรื่องเพื่อเข้าถึงงานเขียนเรื่องนั้นๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in