สามสิ่งในชีวิตสำหรับลีวานคือ
การคุ้นเคยกับของเหลวสีเหลืองขุ่น
เสียงร้องไห้ของแคนนิสในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งไม่อาจระบุโมงยามได้แน่นอน
และยาเม็ดเล็กสีฟ้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเซนติเมตร
ความรู้สึกเฉื่อยชากับบาดแผลบางอย่างท่ามกลางซอกหลืบหนึ่งของสารเคมีในสมองแทรกไปด้วยเรื่องเรื่อยเปื่อยประจำวันของแคนนิส เสียงตึงตังของฝีเท้ายามก้าวลงบันได ข้างในนั้นประกอบเสมือนพายุเฮอร์ริเคนมวลใหญ่ที่ไม่อาจพัดผ่านไปได้โดยง่าย ไม่เหลือแม้กระทั่งเศษเสี้ยวความสมมาตรในหัว ทุกอย่างแตกกระจายหลังเฮอร์ริเคนลูกเก่าจบลง บ้างหวนกลับมาอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้น หรืออาจจะมาพร้อมคืนพายุโหมกระหน่ำ เสียงหัวเราะเคล้ารายการโทรทัศน์ ถ้อยคำปลอบโยนของจาเมสโต๊ะอาหารรายล้อมบทสนทนาเรื่องศาสนา ไม่เหลือแม้แต่ภาพของผู้หญิงผมบลอนด์ที่ติดค้างอยู่ในสายตาของเขาเป็นระยะเวลาร่วมสัปดาห์ ทุกการกระทำยาวนานเกินกว่าจะพึงพอใจให้บันทึกว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญ
ทว่าห้วงเวลาหนึ่ง อารมณ์เปลือยเปล่าในเรื่องราวเหล่านั้น กลับไม่เคยให้รางวัลเป็นของตอบแทนสำหรับตัวเขาที่สามารถผ่านมันมาได้เลยสักครั้ง
กลิ่นชาคาโมมายโชยคดคู้อยู่ท่ามกลางมวลอากาศ คละคลุ้งประเดประดังไปทั่วบริเวณห้องนั่งเล่น ขัดเกลากลิ่นสาปของบ้านจนหมดสิ้น ระหว่างความเงียบเชียบยามบ่าย ลีวานมั่นใจว่าต้นเหตุของกลิ่นคงเป็นผู้บุกรุกสักคนที่เขาไม่รู้จัก เพราะแคนนิสไม่เคยแม้แต่จะปลีกวิเวกมาจิบชายามบ่ายราวผู้ดีอังกฤษอย่างเพื่อนบ้านตรงข้าม แม่มักใคร่รสขมของกาแฟและใคร่อัดควันสีเทาลงปอดเพียงอย่างเดียวในชีวิต นอกเหนือจากลีวานก็ไม่เคยมีใครกลับมาย่ำบ้านหลังนี้เป็นครั้งที่สองด้วยซ้ำ
ใจของเด็กหนุ่มเต้นระส่ำ พร้อมแผดความเหนียวเหนอะของหยาดเหงื่อซึมกว้างบนเนื้อผ้าสเวตเตอร์ ไม่ใช่เพียงเพราะอาการเกร็งจากการกำไม้เบสบอลกึ่งเล่นกึ่งจริงที่คว้าได้จากมรสุมของรกตามมุมบ้านในจังหวะย่องลงบันได หากแต่ความเงียบงันของบุคคลต้องสงสัย ซึ่งคลับคล้ายถึงแขกผู้มาเยือนมากเกินกว่าจะเป็นผู้บุกรุกเสียอย่างนั้นทำให้เขาสับสน
ผมสีแดงเข้มยาวปรกหลังค่อย ๆ เอียงคอหันกลับมา เมื่อได้ยินเสียงตะกุกตะกักทางด้านหลัง
เสี้ยววินาทีที่เสียงตะโกนของลีวานแผดดังลั่นห้องผสมกับเสียงกรี๊ดแหลมหูจากหญิงสาวตรงหน้า
“แมแกน!”
“ขอโทษที่ไม่ได้กดกริ่ง หล่อนบอกให้หยิบกุญแจในกล่องไปรษณีย์เลย” แมแกนเอ่ยระคนเสียงหอบ
“แม่คงไม่คิดว่าผมจะออกจากห้อง”
“แค่แวะเอาหนังสือมาคืนน่ะ”
“ที่นี่ไม่ได้เก็บอะไรไว้แล้วสักชิ้นก็ไม่มี” ลีวานเก็บไม้เบสบอลผิงลาดกับตู้โชว์เปลือยเปล่า ข้างในตู้กระจกใสโล่งกว้าง แม้กระทั่งรูปครอบครัว มีแค่หนังสือนิตยาสารเก่า ๆ กับหนังสือปรัชญาบางเล่มซ้อนทับด้วยใบแจ้งหนี้ที่วางกองพะเนิดสูง ราวเป็นของต้องห้าม
“คิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าของของเธออยู่บ้าน”
บ้าน
ลีวานพึมพำ เขาไม่เคยเรียกมันว่าบ้านเลยสักครั้ง แต่คนข้างนอกนั่นกลับมองเห็นมันเป็นบ้าน
“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากเก็บไว้ มันจะสำคัญอะไรกับเธอล่ะ”
“ตอนมีชีวิตอยู่มันไม่สำคัญเลยเหรอไง”
แมแกนทิ้งประโยคคำถามไว้ก่อนจากไป น้ำเสียงราบเรียบกับใบหน้าเฉยชาไร้เลือดสูบฉีดนิ่งเสียจนลีวานมั่นใจว่าเธอแฝงความโกรธลงในน้ำเสียงเช่นเดียวกัน แมแกนเป็นเพื่อนสนิทคนแรกของลีลีฟ ทุกครั้งที่หล่อนมาที่บ้านลีวานจะหนีขึ้นไปหลบบนห้องแล้วให้คำตอบกับลีลีฟว่า
นิ้วเรียวยาวบรรจงแกะซองกระดาษไขห่อซ้อนทับด้วยกระดาษสมุดสเก็ตช์ทีละน้อย ภายในเต็มไปด้วยตัวอักษรเอนเอียง เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ไม่ค่อยตรงบรรทัดสักเท่าไหร่ ทว่าเพ่งมองอย่างถ้วนถี่หลายหน จะเห็นว่าแต่ละตัวอักษรถูกลากเส้นซ้อนทับซ้ำ ๆกันหลายประโยค เพียงเพราะตัวหนังสือไม่ทัดเทียม เมื่อไล่เรียงลงบนสมุดสเก็ตช์ภาพแทนกระดาษโน้ตคราคร่ำด้วยเส้นบรรทัดเหมือนอย่างคนทั่วไปเลือกใช้ ลีวานคงชอบวาดรูปมาก, เมแกนสังเกตและตีความได้เอง เมื่อตัวอักษรเหล่านั้นอวดอ้างตนบนหน้ากระดาษสเก็ตช์อย่างทะนงตัว
ถึงเมแกน พี่สาวเสียงดังยิ่งกว่าทรัมเป็ต
ขอบคุณสำหรับกล่องความทรงจำของพี่
ผมขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาท ของทั้งหมดนั่นผมกำลังจัดเรียงมันทีละชิ้น รู้ตัวอีกทีเสียงของลีลีฟก็เริ่มเด่นชัดขึ้นมาในความทรงจำ แทนส่วนที่เริ่มขาดหายทีละน้อยแล้ว ขอให้ไม่เสียใจกับทุกทางเดินที่เลือกนะครับ ถึงเสียใจก็ขอให้เสียใจได้ไม่นาน คนโลภอย่างผมมักเลือกทางเดินผิดและเสียใจเทน้ำเทท่าเสมอ
ด้วยรัก
ลีวานหวนนึกถึงประโยคบอกรัก ณ ช่วงเวลาหนึ่งถ้อยคำเหล่านั้นเคยเอื้อนเอ่ยให้เด็กชายลีวานในวัยห้าขวบฟังทุกเช้า และล่วงเลยยังมื้อค่ำคำบอกรักเหล่านั้น บ้างก็แสดงออกในรูปแบบของการชื่นชม บ้างแสดงออกด้วยกิริยาท่าทาง
บางทีการแสดงออกในรูปแบบการกระทำอาจน่าจดจำได้ง่ายดายกว่าคำพูด
ยังเหลือเวลาอีกเยอะเมื่อเทียบกับระยะห่างของการจากลากะทันหัน เทียบเคียงกับเวลาหลังเลิกเรียนที่ลีวานมักจะขลุกตัวส่วนใหญ่กับสมุดสเก็ตช์รูป
ยังเหลือสถานที่อีกเป็นร้อย ๆ แห่ง ที่ซึ่งรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สสีขาวเปื้อนเศษดินของพี่ไม่เคยได้ย่ำไปถึง นอกเหนือจากจินตนาการผ่านรูปประโยคบอกเล่าที่ใช้กล่อมเกลาลีวานยามค่ำคืน
ยังเหลือพื้นที่อีกมากโข
ความมืด ความเงียบ ความเจ็บปวด
ได้โปรด
ปัดเป่ามันออกไปพร้อมรสชาติขมปร่าประดับบนปลายลิ้นนี่ที
“พ่อไปแล้ว พี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะกลับมาไหมเพราะเขาไม่ลืมอะไรเลย ยกเว้นพวกเรา”
แววตานั้น, โกหกชัด ๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in