ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ดูเหมือนเรื่องที่เกี่ยวกับอะไรลึกลับ ปริศนาก็มักจะตามมาด้วยทุกที ตั้งใจจะไปเที่ยวเมืองที่มีบรรยากาศสุดจะวินเทจอย่างเมือง Lincoln ก็ยังไม่เว้น ถึงไม่ได้แสวงหาอย่างคราวที่ไป Ghost Walk หรือ Cemetery Walk อย่างคราวก่อนนั้น ก็ยังอุตส่าห์ได้เรื่องพวกนี้กลับมาจากไกด์อาสา ที่เล่าเรื่องแอบสยองขวัญให้ฟังอย่างภาคภูมิใจให้ฟังจนได้ เรื่องที่ได้มาคราวนี้ เป็นเรื่องวิธีประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ที่เกิดขึ้นในปราสาทลิงคอล์นที่ไปคราวนี้นี่ละ
Lincoln
สำหรับลิงคอล์น เป็นเมืองที่อยู่ในแถบอีสต์มิดแลนด์ เคยเป็นพื้นที่ที่ชาวโรมันเคยบุกยึดและมาอาศัยเรียกว่า Lindum Colonia ตั้งแต่ช่วง ค.ศ. 48 อาจไม่ได้มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวสำหรับคนไทยเท่าไหร่ แต่ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบวินเทจ คนไม่พลุกพล่านวุ่นวาย คนท้องถิ่นอัธยาศัยดี (คนที่ตัวเองได้เจอไนซ์มากจริงๆ ค่ะ เพราะตอนนั้นยืนถ่ายรูปอยู่ตรง Lincoln Canal ก็มีคุณป้าคนหนึ่งมาถามว่า อยากได้รูปตัวเองหรือเปล่า เดี๋ยวช่วยถ่ายให้ คุณป้าใจดีมาก ๆ) ชอบสถาปัตยกรรมสวย ๆ ชอบร้านหนังสือเก่าและร้านขายของเก่า ลิงคอล์นเป็นตัวเลือกหนึ่งที่อยากให้ลองไปแวะเที่ยวดู ใช้เวลาประมาณหนึ่งวันได้สบายมาก ถ้าไม่เผลอไปจมอยู่ในร้านไหนร้านหนึ่งซะก่อน
Lincoln Canal
จากสถานีรถไฟ ข้ามทางรถไฟกับถนนไปไม่ไกลมาก ก็จะถึงโซนตัวเมืองที่มีทั้งห้างสรรพสินค้าและอื่น ๆ เหมือนเมืองทั่วไป แต่ถ้าเดินตรงขึ้นไปเรื่อย ๆ (แผนที่ดูไม่ยาก) ก็จะถึงส่วนที่เรียกว่า Steep Hill ซึ่งย่านนี้เป็นเนินชันพอสมควร แต่เป็นเขตเมืองเก่าที่มีทั้งปราสาทและมหาวิหาร (cathedral) และอาคารสมัยทิวดอร์จำนวนมาก
Steep Hill
Bookshop at The Jew's House (Steep Hill, Lincoln)
ลิงคอล์นเป็นเมืองที่มีชุมชนชาวยิวที่สำคัญในอังกฤษ และเคยเกิดเหตุการณ์ต่อต้านชาวยิว (anti-Semitic) ในยุคกลางช่วงศตวรรษที่ 13 มาแล้ว อาคาร Jew House นี้ เป็นหนึ่งในอาคารที่เคยมีชาวยิวเป็นเจ้าของ ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านหนังสือเก่ากับ Society for Lincolnshire History and Archaeology
อาคารยุคทิวดอร์บน Steep Hill
สถานที่หลัก ๆ ที่ไปในคราวนั้น คือ Lincoln Castle กับ Lincoln Cathedral สถานที่หลังเก็บไว้เล่าคราวหน้าก็แล้วกัน
Lincoln Castle
ตอนที่ไปคราวนี้ น่าเสียดายพอสมควร เพราะเข้าชมได้แค่พื้นที่ครึ่งหนึ่งของปราสาท เพราะอีกครึ่งหนึ่งกำลังปิดซ่อม และกำลังปรับปรุงสถานที่เพื่อเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับงานราชทัณฑ์ เนื่องจากในสมัยศตวรรษที่ 19 มีการสร้างเรือนจำไว้ในเขตปราสาทนี้ด้วย แต่ทางปราสาทก็แฟร์ดี เพราะในเมื่อดูได้แค่ครึ่งเดียว ก็เก็บค่าเข้าชมแค่ครึ่งเดียว แต่ปรากฎว่า สิ่งที่ได้คุ้มค่ากว่าที่คิดมาก ๆ เนื่องจากวันนั้นเป็นวันเสาร์ จะมีไกด์อาสา เป็นผู้ใหญ่วัยเกษียณแล้ว และมีความรู้เรื่องท้องถิ่นดี นำเที่ยวชมด้วย
ทางเดินบนกำแพงป้อมของ Lincoln Castle
ภาพจากบนกำแพงมองลงมาที่สวนกลางปราสาท อาคารที่ขอบล่างนั้นเป็นส่วนที่ปิดซ่อมและจะทำพิพิธภัณฑ์ต่อไป คนเป็นกลุ่มด้านล่างเป็นนักท่องเที่ยว คุณป้าผมสีบลอนด์ตรงกลางเป็นไกด์อาสา
หลังจากไปเดินเล่นบนกำแพง ดูวิวเมืองลิงคอล์นจากมุมสูงได้พักหนึ่ง ก็ลงมาเดินตามไกด์อาสา แล้วฟังไกด์เล่าเรื่องเกี่ยวกับปราสาท ที่่จริงคุณป้าเล่ามายาว ๆ หลายเรื่อง ส่วนใหญ่ก็เรื่องสงครามสมัยกลาง และเรื่องหนึ่งที่เป็นประวัติศาสตร์เกี่ยวกับปราสาทที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ อย่างที่เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็คือ เรื่องที่ปราสาทลิงคอล์นเคยเป็นเรือนจำสมัยวิคตอเรียน เพราะเป็นอย่างนั้น ที่นี่ก็เลยมี และมีเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับงานราชทัณฑ์โดยเฉพาะการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอเกิดขึ้นด้วย
Crown Court ดูได้เฉพาะข้างนอก ไม่ได้เปิดให้เข้าชม
Drop Dead Priscilla
คุณป้าเล่าว่า การประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในอังกฤษสมัยก่อน มีอยู่สองแบบ คือ short drop hanging กับ long drop hanging ซึ่งแบ่งจากความยาวของเชือกที่ใช้ในการแขวนคอนั่นเอง
Short Drop เป็นการแขวนคอที่ใช้เชือกสั้น ทำโดยการใช้เกวียน สัตว์พาหนะ หรือคนดึงนักโทษให้ลอยขึ้นจากพื้น หรือให้ยืนบนเก้าอี้แล้วเอาเก้าอี้ออก เชือกจะรัดคอนักโทษ ทำให้ตายเพราะขาดอากาศหายใจ
นักโทษที่ถูกประหารที่ปราสาทลิงคอล์นด้วยวิธีการนี้รายหนึ่งที่มีชื่อเป็นที่รู้จัก คือ Lady Priscilla Biggadike ที่ถูกกล่าวหาว่าวางยาฆ่าสามีตัวเอง คือ Richard Biggadike เมื่อปี ค.ศ. 1868
การไต่สวนในสมัยนั้นทำโดยการพานักโทษไปยืนบนป้อมหรือกำแพงปราสาท แล้วแจ้งข้อหา จากนั้นก็ถามว่าจะรับหรือไม่รับ ซึ่งเลดี้พริสซิลล่ารับสารภาพ (จากการเดินเล่นบนกำแพงปราสาทมาแล้ว ตัวเองก็เข้าใจได้ว่า ถ้าเป็นคนกลัวความสูงไปยืนบนนั้นก็เสียวอยู่ แถมสมัยก่อน ไม่ได้ทำราวกั้น โดนลมแรง ๆ พัดแล้วยืนไม่อยู่ก็มีโอกาสตกลงไปคอหักตายเอาง่าย ๆ เหมือนกัน)
เมื่อรับสารภาพ ก็ต้องรับโทษประหาร ซึ่งพอดีกับที่มีกฎหมายออกมาให้ประหารนักโทษหญิงด้วยการแขวนคอได้ เลดี้พริสซิลล่าเลยได้รับสิทธิ์เป็นนักโทษหญิงคนแรกที่ถูกประหารด้วยการแขวนคอ โดยสมัยนั้นใช้วิธีการแขวนคอแบบ short drop และกำหนดการประหารชีวิต คือ เดือนธันวาคม ปี 1868
เนื่องจากในวันประหารมีนักโทษหลายคน เลดี้พริสซิลลาต้องนั่งรอการประหารอยู่บนกำแพงอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ให้เพชฌฆาตประหารนักโทษรายก่อนหน้าให้เสร็จก่อน หมายความว่า คนที่รอการประหารก็จะเห็นกระบวนการประหารทั้งหมดที่คนก่อนหน้านี้โดนเข้าไป ก่อนที่จะเจอกับตัวเอง และการแขวนคอเลดี้พริสซิลล่าก็ใช้เวลานานกว่าสิบนาทีเธอถึงจะตายสนิท เหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะความงุ่มง่ามของคนที่ทำหน้าที่เพชฌฆาตในวันนั้นนั่นเอง
ที่ดราม่ายิ่งกว่าการขาดอากาศหายใจตายแบบสุดทรมาน คือ หลังจากที่ประหารไปแล้ว ฆาตกรตัวจริง คือ Thomas Proctor คนใกล้ชิดของสามีเลดี้พริสซิลล่าที่กำลังป่วยมาก ได้สารภาพออกมาว่า ตัวเองใส่สารหนู หรือ arsenic ลงไปในชาของสามีเลดี้พริสซิลล่า ทำให้ทางการต้องสอบสวนอีกครั้ง และพบว่าเธอไม่ได้ทำความผิดตามที่สารภาพ และต้องออกหนังสืออภัยโทษให้ แต่ก็ไม่ทัน เพราะเลดี้พริสซิลลาถูกแขวนคอไปเรียบร้อยแล้ว
"If Pa killed Ma, Who'd kill Pa? Marwood" จากกรณีของเลดี้พริสซิลลาและหลาย ๆ กรณีที่ใช้การประหารแบบ short drop ที่ผ่านมา เป็นการประหารที่นักโทษต้องทรมานมากกว่าจะตาย เนื่องจาก การประหารด้วยการแขวนคอด้วยเชือกสั้นใช้เวลาตั้งแต่เริ่มแขวนคอจนตายรวม 10-30 นาที William Marwood เพชฌฆาตรุ่นหลัง จึงได้พยายามศึกษาวิธีที่ทำให้นักโทษตายเร็วขึ้นและทรมานน้อยลง และได้เสนอการแขวนคอแบบ long drop มาแทนที่
การแขวนคอแบบ Long Drop จะใช้เชือกที่ยาวขึ้น เพิ่มระยะทางการปล่อยตัวนักโทษลงไปให้มากขึ้น ให้นักโทษยืนบนพื้นก่อนเปิดประตูด้านล่างจุดที่ยืนให้ตกลงไป อาศัยแรงโน้มถ่วงบวกน้ำหนักตัวนักโทษทำให้กระดูกคอของนักโทษหัก ในกรณีที่ไม่ตายทันที นักโทษก็จะหมดสติไปก่อนแล้ว ต่อให้ตายเพราะขาดอากาศหายใจในเวลาต่อมาก็จะไม่ทรมาน เพราะไม่รู้สึกตัวแล้ว
นักโทษคนแรกที่ถูกประหารด้วยการแขวนคอแบบ long drop คือ William Horry ที่ฆ่าภรรยาตัวเองตาย เพราะสงสัยว่าเธอมีชู้ ฮอร์รี่รับสารภาพ โดยระหว่างรอการประหาร ไกด์เล่าว่า ตามบันทึกการประหาร คุณพี่ออกแนวชิลล์มากกว่าจะกลัว นั่งรอไปอ่านหนังสือไป จิบเหล้าไป และเดินไปยังสถานที่ประหาร ที่อยู่บนกำแพงปราสาทลิงคอล์นแต่โดยดี และการประหารก็ได้ผลสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย
จากเรื่องตัวอย่างของเลดี้พริสซิลล่ากับมิสเตอร์ฮอร์รี่ และมิสเตอร์มาร์วู้ด Lincoln Castle เลยเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ คือ เป็นสถานที่ที่ใช้ประหารนักโทษหญิงเป็นครั้งแรก และเป็นสถานที่ที่มีการประหารด้วยการแขวนคอแบบ long drop แทนการแขวนคอแบบ short drop เป็นครั้งแรก
คุณป้าไกด์เล่าเพิ่มเติมว่า วิลเลียม มาร์วูด เพชฌฆาตที่คิดค้นวิธีนี้ ถือเป็นเพชฌฆาตที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษ ดังขนาดที่ละครหุ่นมือ Judy and Punch เอาไปแต่งเป็นเพลงว่า
"If Pa killed Ma,
Who'd kill Pa?
Marwood"
แปลความได้ว่า "ถ้าพ่อฆ่าแม่ แล้วใครจะฆ่าพ่อล่ะ ก็มาร์วูดไงจ๊ะ" -- เป็น rhyme ที่หลอนและโหดแบบแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน และจุดที่ไกด์อาสากับพวกเรายืนอยู่ ก็คือหน้า Crown Court หรือศาลที่ใช้ในการพิจารณาคดีนั่นละค่ะ
กำแพงที่เห็นอยู่ทางซ้ายของต้นไม้ คือ West Gate ซึ่งตอนนี้ปิดไม่ให้เข้า เวลาแขวนคอนักโทษประหารก็จะพาไปทำกับที่ฝั่งนั้น
พอกลับออกมา โพสต์รูปกับเล่าเรื่องนิดหน่อยให้เพื่อนฟัง เพื่อนพูดมาคำหนึ่ง 'เอาอีกแล้วเรอะ' ... แต่บังเอิญว่า มันไม่ได้มีแค่นั้นสิคะ เพราะออกจากปราสาท ไปมหาวิหารกันบ้าง ถึงไม่แสวงหา เรื่องลึกลับ แต่เรื่องลึกลับก็มาชนเราเอง
ก็บอกแล้วไงว่า อังกฤษมี OTOP เป็นผีกับเรื่องลึกลับจริง ๆ นั่นละ...
คราวหน้า ไปล่ามังกรกับตามหาปีศาจต้องคำสาปที่มหาวิหารลิงคอล์นกันค่ะ ^^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in